DANGEROUS LOVE : 05
ผมสาวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลของไอ้หมอแบบเร่งรีบ จนแทบจะเรียกว่าวิ่งเลยก็ได้ เมื่อผมได้รับสายจากไอ้ยูตะว่าเกิดเรื่องขึ้นที่สนามแข่งรถ ตอนแรกกะว่าจะไปกินอาหารฝีมือยัยเด็กต๊องนั่นซะหน่อย สุดท้ายไม่ได้แม้แต่ไปส่งเธอด้วยซ้ำและตอนนี้ผมต้องลืมเรื่องยัยหนูเฌอนั่นไปก่อน
ครืดดดด...ปึง
ประตูห้องพักฟื้นระดับ VIP ถูกเลื่อนออกอย่างแรงจนกระแทกอีกฝั่งเสียงดังลั่นก่อนผมจะพุ่งตัวเข้าไป ผมเห็นสีหน้าไอ้หกตัวในห้องก็รู้แหละ ว่าแม่งไม่ธรรมดาแน่ๆ ก่อนจะหันไปมองยังเตียงคนไข้
โครมม!!
“แม่งเอ๊ยย!!” ผมออกแรงถีบเก้าอี้ตัวที่ใกล้เท้าที่สุดจนล้มระเนระนาดพลางสบถออกมาเสียงลั่นด้วยความโมโหเมื่อเห็นสภาพลูกน้องตัวเอง ที่นอนอยู่บนเตียงมีผ้าพันแผลแทบจะทั้งตัว มันไม่ได้หมดสตินะ แต่คงจะขยับตัวไม่ได้แน่ๆ เพราะดูจากการที่มันกลอกลูกตามามองผม คงจะขยับปากไม่ได้ด้วยซินะ ไม่งั้นคงไม่เงียบแบบนี้แน่ ปกติแม่งกวนตีนและก็พูดมากฉิบหาย มันคือ ไอ้เรย์ ลูกน้องคนสนิท ที่ค่อยดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับสนามแข่งให้ผมและไว้ใจได้มากที่สุด มันอยู่กับผมมาหลายปี รู้ใจกันจนไม่ต้องพูดอะไร
“ไอ้เหี้ยแบล็ค” ผมกดเสียงต่ำ กัดฟันกำหมัดแน่น ไฟร้อนแล่นพล่านอยู่ในกายจนแทบระเบิดออกมา
“ใจเย็นก่อนดิวะ” ไอ้หมอเอาตัวมาขวางผมทันที เพราะผมหมุนตัวและกำลังจะเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ที่โกรธจัด มันคงจะรู้ว่าผมจะไปไหน
“ใจเย็นเหี้ยอะไร!! มึงดูมันทำไอ้เรย์ดิ” ผมพูดขึ้นเสียงดังลั่นพลางชี้ไปที่ไอ้เรย์ ที่นอนเป็นมัมมี่อยู่บนเตียงนั่น เห็นแล้วแม่งแค้นฉิบหาย ไอ้พวกหมาลอบกัด กูไม่เอามันไว้แน่ ไอ้หมอเดินไปเลื่อนประตูห้องปิดลงกลอนอย่างดีก่อนจะเดินกลับมาหาผม
“เออ กูรู้ แต่ถ้ามึงไปตอนนี้ ก็เข้าทางมันดิวะ มันจัดคนไว้รอมึงเป็นฝูงแล้วมั้ง”
“คิดว่ากูจะกลัวพวกแม่งไง๊ เหอะ! สัสเอ๊ย! ระยำฉิบหาย” ผมว่าพลางเอามือขึ้นเท้าเอว หมุนไปหมุนมาอย่างร้อนรุ่ม อยู่ไม่นิ่ง ยิ่งหันไปเห็นไอ้เรย์ที่นอนอยู่บนเตียงนั่น ผมก็ยิ่งทำใจเย็นไม่ได้
ไอ้เหี้ยแบล็ค ต้องเป็นมันแน่ๆ มันกับผมมีปัญหากันเรื่องสนามแข่งมานานล่ะ แต่แม่งไม่เคยเล่นตรงๆ สักที มันทำทุกวิถีทางให้ผมปิดสนามลงให้ได้ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง และแม่งก็หน้ามึนฉิบหาย กัดไม่ปล่อยเลย แต่ครั้งนี้เล่นหนักเหี้ยๆ เล่นเอาระเบิดควันไปปาใส่สนามผมตอนที่มีคนแข่งรถกันอยู่ ดีแม่งไม่คว่ำตาย ไม่งั้นผมได้ปิดสนามจริงๆ แน่ แถมยังพาคนไปซ้อมลูกน้องผมซะเละเลย ไอ้เรย์คงหนักสุด เพราะมันเป็นคนสนิทของผม
“ไงมึง” ผมเดินไปข้างเตียง เอ่ยถามขึ้นสั้นๆ อย่างที่บอก ผมกับมันแทบไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แค่นี้มันก็รู้แล้วว่าผมเป็นห่วงมันแค่ไหน ความจริงผมก็ห่วงลูกน้องทุกคน แต่รอบนี้มันโดนหนักสุด
“...??” มันค่อยๆ ยกมือขึ้นทำโอเคให้ผมอย่างทุลักทุเล เรียกง่ายๆ ว่าสาหัส ยังเสือกมีหน้ามาโอเค ไอ้ห่า
“โอเครๆ โอเคพ่อง! สภาพปางตาย เสือกบอกโอเค ไม่ต้องมายิ้มให้กูเลยไอ้เวร รู้ว่าสู้ไม่ได้ทำไมไม่หนี อยู่ให้มันซ้อมทำเหี้ยอะไร” ผมอดไม่ได้ที่จะด่ามัน แต่ความจริงก็คือมันอยู่ปกป้องลูกน้องคนอื่นๆ แทนผม แล้วก็คงจะปกป้องของรักของผมด้วย เพราะตอนไอ้ยูตะไปถึงมันบอกว่าไอ้เรย์นอนจมกองเลือดอยู่หน้าโรงเก็บรถซึ่งเป็นลูกรักของผม เวรจริงๆ นี่กูคิดถูกคิดผิดวะเนี่ย ถึงเลี้ยงลูกน้องให้จงรักภักดีแบบนี้
“เวรจริงๆ เลยมึงเนี่ย รักกูจัง ตายห่าขึ้นมาคุ้มไหม ไอ้ห่า”
“^_^” แล้วแม่งก็ยกมือขึ้นมาทำมินิฮาร์ทพลางส่งยิ้มหวานให้ผม ดู...ดูความกวนตีนของมัน ผมได้แต่โคลงศีรษะไปมาแบบเอือมๆ ไม่ว่าจะด่ายังไงแม่งก็ไม่เคยโกรธผม ขนาดเจ็บปางตาย ยังมีอารมณ์มาหยอกผมอ่ะ คิดดูเหอะ..
“เหอะ! ไอ้ห่า! เจ็บปางตายยังเสือกกวนตีนอีก มึงนี่ถอดแบบลูกพี่มึงมาเป๊ะๆ เลยเนอะ”
ผมตวัดตาไปมองหน้าไอ้แม็กซ์ทันที เพราะมันไม่ได้ด่าแต่ไอ้เรย์ มันด่าผมด้วย แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับใครหรอก ในสมองคิดแต่จะจัดการกับไอ้เหี้ยแบล็คยังไงดี ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างแรงพลางก้มหน้าฟุบลงกับฝ่ามือตัวเองทั้งสองข้าง คราวนี้ลูกน้อง ถ้าผมปล่อยไว้ กลัวว่าคราวหน้าจะเป็นคนใกล้ตัวผมมากกว่านี้อะดิ อีกอย่างตอนนี้พวกน้องๆ แม่งก็มีเมียกันหมดแล้ว และนี่อาจเป็นจุดอ่อนที่เข้าถึงง่ายที่สุด โดยเฉพาะไอ้ยู เพราะมันเป็นน้องชายแท้ๆ และมิณที่เป็นน้องสะใภ้ ไหนจะมิเชลอีก ไอ้ดิน หนูดา ไอ้ธาม โรส และไหนจะพวกลูกน้องผมอีก พวกมันล้วนเป็นเป้าได้ทั้งนั้น และผมจะไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด
ผมไม่อยากลากใครเข้ามาเสี่ยงด้วยทั้งนั้น
“เฮีย! ให้กูจะ…”
“หยุดเลยมึง! กลับไปดูแลเมียมึงโน้น อย่ามาเสือกเรื่องของกู” ผมพูดขัดขึ้นก่อนที่ไอ้ดินจะพูดจบประโยคโดยสมบูรณ์ เพราะผมรู้ดีว่ามันจะพูดอะไร ก่อนจะหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง พ่นลมหายใจออกพรืดใหญ่
“ไม่ใช่แค่ไอ้ดินนะ พวกมึงทุกตัว ถ้าให้ยุ่งกับเรื่องนี้ เลิกคบกูไปเลย” ผมพูดพลางไล่ชี้หน้าพวกมันเรียงตัวด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ประตู ผมไม่อยากให้ใครมาโดนแบบไอ้เรย์อีก เอาจริงๆ คือพวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด ผมไม่สามารถที่จะปกป้องทุกคนได้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ขนาดลูกน้องของผมเองแท้ๆ ผมยังปกป้องมันไม่ได้เลย
“งั้นมึงตัดพี่ตัดน้องกับกูเลย เพราะกูก็ปล่อยให้มึงไปเจอไอ้พวกเหี้ยนั่นคนเดียวไม่ได้เหมือนกันวะ เฮีย”
ผมชะงักไปนิดหนึ่งกับประโยคของไอ้ยูตะ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินออกมาจากตรงนั้นอยู่ดี
“มึงจะไปไหนไอ้วา” ไอ้แม็กซ์รีบเข้ามาจับไหล่ผมไว้ก่อนที่ผมจะเลื่อนประตูเปิด ผมสะบัดไหล่ให้หลุดจากมือมันก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ
“กูขอเวลาคิดก่อน ว่าจะจัดการยังไงกับไอ้พวกเวรนั่น” พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องทันที แบบไม่สนใจใคร และถ้าผมไม่พูดแบบนี้ คงไม่มีใครให้ผมออกมาแน่ๆ อย่างไอ้วาโยเนี่ยเหรอ เคยวางแผนอะไรด้วย เหอะ! มึงเจอกูแน่ไอ้เหี้ยแบล็ค
ผมเร่งฝีเท้ามาที่รถตัวเองก่อนจะหันมองอีกรอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามผมออกมา ผมรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน และเวลานี้สะดวกที่สุด คิดเหรอว่ากูจะปล่อยให้มึงมาซ้อมลูกน้องกูฟรี
[Chernarin Talk]
ฉันนั่งเช็ดผมตัวเองพลางมองปลายเท้าข้างซ้าย แล้วหยุดยิ้มออกมาซ้ำๆ เหมือนคนบ้าก็ไม่ปาน ใครจะคิดล่ะว่าจะมีโอกาสได้มาใกล้ชิดคนที่แอบชอบมาตั้งหกปี แถมยังได้เรียกเขาว่า เฮีย อีก งุ้ยๆๆๆ เขินจัง แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
Line~ Line~
ฉันลุกเดินไปหยิบมือถือมาเปิดดูไลน์กลุ่มที่มีทั้งใยไหมและปังปอนด์อยู่ในนั้นด้วย อิปังไลน์มาทำไม ไหนบอกจะไปเที่ยวกับพวกรุ่นพี่ที่คณะ
Pung_pond : ส่งรูปภาพให้คุณ
Pung_pond : บอกได้คำเดียว เละ!
Pung_pond : ส่งตำแหน่งที่ตั้งให้คุณ
พอเห็นรูปที่ปังปอนด์ส่งมาให้เท่านั้นแหละ ไม่ต้องคิดเลย ฉันรีบแต่งตัวในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะพาตัวเองไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่ปังปอนด์ส่งมาให้ทันที พี่สาวฉันเมาเละเทะขนาดนั้นได้ยังไงกัน ว่าแต่มันไปกับใครนะ ทำไมเขาถึงปล่อยให้พี่สาวฉันมีสภาพแบบนั้นได้
ไม่นานฉันก็มาหยุดยืนอยู่หน้าผับ The one ที่อยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์ฉันเท่าไหร่นัก ก่อนจะไลน์หาปังปอนด์ แต่มันกลับบอกว่าไม่เห็นพี่สาวฉันซะแล้ว มันเผลอหันไปชนแก้วกับผู้แป๊บเดียวก็หายไปเลย ฉันเลยบอกให้มันออกมาหาฉันข้างนอก เพราะฉันไม่อยากเข้าไปในนั้น ควันบุหรี่เป็นศัตรูตัวฉกาจของฉัน
“เก่งนักเหรอมึง ฮะ!”
ผลัวะ!!...ตุบ...ปึก...ปึก
ระหว่างที่ฉันนั่งรอปังปอนด์อยู่ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนตีกันอยู่ด้านข้าง ตรงซอกตึกนั่น แต่ฉันไม่กล้าไปดูหรอกนะและอีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องของฉัน
“ไม่เก่ง แต่ไม่ลอบกัดเว้ย!”
เอ๊ะ!!! แต่เสียงนี่มัน ฝีเท้าฉันที่ตอนแรกจะถอยออก กลับก้าวไปข้างหน้าตามเสียงนั่นแบบไม่รู้ตัว ไม่ผิดแน่ ฉันจำเสียงเขาได้แม่นจนติดหู และภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจพลางเอามือขึ้นปิดปากตัวเอง นั่นมันเฮียวาโยจริงๆ ด้วย และเขากำลังโดนรุมทำร้าย
“อย่านะ! อย่าทำนะ!!”
ปึกกก
ฉันหลับหูหลับตาวิ่งเข้ามากางแขนขวางตัวเฮียวาโยเอาไว้เมื่อคนพวกนั้นกำลังง้างไม้หน้าสามกำลังจะฟาดใส่เขา ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองถูกกอดไว้แน่นและเกิดแรงสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ ฉันลืมตาขึ้นเห็นเฮียวาโยกดหัวฉันไว้แน่นแนบอก และเอี้ยวตัวไปถีบคนพวกนั้นให้พ่นทาง จับมือฉันวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ติด ฉันทั้งกลัว ทั้งตกใจ ทำอะไรก็ไม่ถูก
เฮียวาโยดันร่างฉันเขามาหลบในช่องแคบๆ ที่ไหนสักแห่ง และเขาก็ตามเขามาพร้อมกับดึงร่างฉันแนบอกแกร่งไว้แน่น ฉันตัวสั่นเทาไปหมด ใจก็กระหน่ำเต้นโครมครามไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวพวกนั้นหรือเพราะอ้อมกอดของคนตรงหน้ากันแน่ ฉันเงยหน้าขึ้นมองมุมปากที่มีเลือดไหลออกมาและอดที่จะเอื้อมมือขึ้นไปเช็ดไม่ได้
“เจ็บมะ…”
ชู่วววว์~
ฉันยังไม่ได้ถามจนจบประโยค นิ้วมือเรียวยาวของเขาก็ถูกยกมาแตะที่ปากฉันซะก่อน อ้อมกอดถูกกระชับให้แน่นขึ้นทันทีเมื่อคนพวกนั้นมาหยุดอยู่แถวด้านหน้าเพื่อวนหาเราสองคน เขากดหัวฉันแน่นจนได้ยินเสียงใจที่เต้นแรงมากๆ ของเขา
“แม่งเอ๊ยย!! หายหัวไปไหนวะ!! อย่าให้กูเจอนะมึง ไป!!!”
ฉันสะดุ้งเฮือกกับเสียงที่ดังอยู่ด้านนอก ก่อนพวกนั้นจะพากันวิ่งไปทางอื่น เฮียวาโยชะโงกหน้าออกมาดูนิดหนึ่ง ก่อนจะพาฉันวิ่งออกมา ตรงไปขึ้นรถเขาที่จอดอยู่ด้านหลังและขับออกมาด้วยความเร็วทันที
เอี๊ยดดดด
รถถูกหักเข้าข้างทางก่อนจะถูกจอดแบบไม่ปกติหลังจากที่เราขับออกมาได้พักใหญ่และไกลจากผับมามากแล้ว และค่อยดูนะ ฉันต้องโดนว่าอีกแน่
“ใครใช้ให้เธอเอาตัวเข้าไปบังแบบนั้นฮะ!!!”
นั้นไง...ว่าแล้วเชียว ฉันเลือกที่จะนั่งเงียบๆ ไม่ตอบโต้ เพราะดูเหมือนอารมณ์เขาน่าจะกำลังร้อนเอามากๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร น่าจะเป็นเรื่องที่เขารีบร้อนไปเมื่อตอนเย็น และมันคงเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับเขาแน่ๆ คิ้วหนาผูกกันจนยุ่งไปหมด เนื้อตัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่จนตลบอบอวล
ปึกกก!
“แม่งเอ๊ย!!!”
ฉันสะดุ้งสุดตัวเลย เมื่อร่างหนาเอามือขึ้นทุบพวงมาลัยรถพร้อมกับสบถออกมาเสียงดังลั่นด้วยความโมโห ก่อนเขาจะเลื่อนกระจกฝั่งตัวเองลงจนสุด และล้วงซองศัตรูตัวฉกาจของฉันออกมาจากกระเป๋า แค่เห็นซองฉันก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว เขายังจะหยิบมันออกมาจุดสูบโดยไม่สนใจฉันเลยสักนิด
มือเล็กพยายามจะเปิดประตูรถแต่มันเปิดไม่ได้ เพราะเขาล็อกไว้ ฉันต้องตายแน่ๆ เหงื่อผุดออกเต็มกรอบหน้าแล้วตอนนี้ มือไม้สั่นไปหมด หายใจก็เริ่มติดขัด แต่ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอาการของฉัน
“เป็นอะไร”
“นะ...หนู แพ้ควันมัน”
สิ้นเสียงฉัน บุหรี่ตัวนั่นถูกโยนออกไปทันที กระจกฝั่งฉันถูกเลื่อนลงพร้อมกับตัวเขาที่เปิดประตูอ้าไว้แล้วลงจากรถไปพ่นควันสีเทาออกจากปากอยู่ข้างนอกที่ห่างจากตัวรถสักระยะ ก่อนเขาจะใช่มือปัดไล่กลุ่มควันพวกนั้นจนหมดและกลับเข้ามานั่งหลังพวงมาลัยรถเหมือนเดิม
“คะ…”
“ไม่ต้องถาม นั่งเงียบๆ ไป”
สิ้นเสียงทรงอำนาจของเขา รถก็แล่นออกมาจากตรงนั้นทั้งที่กระจกยังเปิดอยู่ทั้งสองข้าง ฉันอยากจะถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม ก็ไม่กล้าเลย ได้แต่นั่งเงียบตามคำสั่ง แต่เอาจริงๆ เขาดูเป็นห่วงฉันเหมือนกันเนอะ ช่วงนี้เราบังเอิญเจอกันบ๊อย...บ่อย พรหมลิขิตรึเปล่านะ บ้าน้า...หนูเฌอ มันใช่เวลามาคิดเรื่องนั้นไหม แต่ก็ขอนิดหนึ่งแหละ...เนอะ เมื่อกี้ถ้าฉันถูกตีคงสลบอะ แต่เป็นการเสี่ยงที่โคตรคุ้มค่ามากเวอร์