DANGEROUS LOVE : 06
“ฮะ...เฮีย จอดตรงนี้ให้หนูหน่อยซิคะ”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพัก ผมเหลือบมองคนตัวเล็กข้างๆ ที่นั่งทำตาปริบๆ ตอนนี้ผมโคตรจะหงุดหงิดแต่สุดท้ายก็เลี้ยวเข้าข้างทางให้เธอจนได้ พอรถจอดสนิท หนูเฌอก็เปิดประตู วิ่งลงจากรถไปทันที แล้วผมก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าเธอจะไปไหน ตอนนี้ผมมีเรื่องปวดหัวเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง พวกไอ้แบล็คมันจะทันได้เห็นหน้าหนูเฌอรึเปล่าวะ แล้วถ้ามันเห็นล่ะ ยัยนี่ต้องเป็นอันตรายแน่ โว๊ยย...กูอยากจะบ้าตาย อะไรกันวะเนี่ย เมียก็ไม่ใช่ ใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เข้ามาวุ่นวายอยู่ในชีวิตผมให้มันได้ทุกเรื่องซิน่า
ผมเอามือขึ้นยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด เธอไปเอาความใจกล้าบ้าบิ่นแบบนี้มาจากไหนวะ ที่กับผมล่ะแค่ตะคอกนิดเดียวกลัวจนหัวหด แต่เหตุการณ์เสี่ยงตายเมื่อกี้นี้กลับไม่มีอาการหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นี่เธอต้องคลั่งไคล้ผมเบอร์ไหนวะ ถึงกล้าเอาชีวิตตัวเองมาแลกแบบนี้
แกร่กก
เสียงเปิดประตูรถปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ก่อนร่างบางจะขึ้นมานั่งบนเบาะพร้อมกับถุงอะไรสักอย่างในมือ ผมก็ไม่ได้สนใจ รู้แต่ว่าพอเธอดึงประตูปิดเข้ามาผมก็เข้าเกียร์พร้อมจะออกรถทันที แต่ยัยเด็กบ้าจอมจุ้นจ้านคนเดิม ร้องห้ามขึ้นซะก่อน
“ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“อะไรอี๊ก!” ผมยกเท้าขึ้นจากคันเร่งแทบจะไม่ทัน ก่อนจะหันไปถามคนข้างๆ ด้วยความหงุดหงิด คนยิ่งรีบๆอยู่ ยัยเด็กบ้านี่มันจอมจุ้นวุ่นวายจริงๆ ปัญหาเยอะซะเหลือเกิน ผมเจอเธอทีไรเป็นอันว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทุกที
“ให้หนูทำแผลก่อนนะคะ เช็ดเลือดหน่อยก็ยังดี” เธอว่าพลางก้มหน้าก้มตาหยิบของออกมาจากถุง ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ทำแผลและก็ยาทาแก้ฟกช้ำอะไรประมาณนั้น ผมยืดคอไปส่องกระจกเพื่อดูแผลตัวเอง เลือดยังไหลอยู่จริงๆ ด้วยแฮะ ถึงว่าทำไมปวดตุบๆ เลย แต่เดี๋ยวนะ...ที่สั่งให้ผมจอดรถเมื่อกี้ คือลงไปซื้อของมาทำแผลให้ผมเนี่ยนะ เหอะ!
“จิ๊! ทำไมยุ่งจังวะ” ผมส่งเสียงจิจ๊ะขึ้นในลำคอแล้วบ่นพึมพำใส่ยัยหนูเฌอจอมจุ้นนั่น ก่อนจะดึงเบรกมือขึ้น ทิ้งตัวพิงเบาะรถอย่างแรง ผมคิดว่าผมหงุดหงิดนะ แต่ทำไมรู้สึกดีแปลกไปด้วยวะ นี่มันอะไร! ผมเป็นบ้าอะไร แล้วยังจะยอมทำตามคำสั่งเธออีก
ผมปรายตามอง คนตัวเล็กที่กำลังเทน้ำเกลือใส่สำลี ก่อนจะรีบพาสายตากลับมามองตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิมเพราะเธอเงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมๆ กับเอื้อมมือมาเพื่อจะเช็ดแผลตรงหางคิ้วให้ แต่สำลียังไม่ทันได้สัมผัสแผล ผมก็เบือนหน้าหนีไปด้านข้างซะก่อน แล้วยกมือขึ้นจะเพื่อจะเช็ดเลือดออกเอง คิดไปคิดมา ผมไม่ควรอยู่ใกล้ยัยเด็กนี่เท่าไหร่ เพราะมันอาจจะเป็นอันตรายต่อใจผม แต่…
หมับ!
มือผมถูกรั้งไว้ด้วยมือเล็กของคนข้างๆ ทันที ยัยหนูเฌอนี่กล้าจับมือผมงั้นเหรอ ผมหันไปมองมือเล็กที่จับมือผมไว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และเหมือนเธอจะรู้ตัว รีบปล่อยออกทันที
“ขอโทษค่ะ แต่มือเฮียสกปรก ให้หนูเช็ดให้ดีกว่านะ”
พูดจบเธอก็พยายามเอื้อมมือที่ถือสำลีชุบน้ำเกลือนั่นมาอีก แต่ผมก็ยังหันหนีเธออยู่ดี หรือบางทีผมอาจกำลังหนีตัวเองอยู่ ทำไมใจผมถึงสั่นเวลายัยเด็กบ้านี่เรียกผมว่าเฮีย ทำไมผมถึงไม่กล้าสบตาเธอ ทำไมผมถึงรู้สึกดี ทั้งๆ ที่ยังเครียดอยู่แท้ๆ
“หันมาหน่อยซิคะ หนูเช็ดไม่ได้”
“นั่นมันเรื่องของเธอ”
เฮ้อออ
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจพรืดใหญ่จากคนข้างๆ ก่อนประตูฝั่งคนนั่งจะถูกเปิดออก ผมนี่ตกใจเลย เธอโกรธผมเหรอวะ ถามจริง? ยัยเด็กบ้าเนี่ยนะกล้าโกรธผม แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองนะ อาศัยดูกระจกเอา ถ้าเห็นว่าเธอเดินห่างจากรถไปผมคงไม่อยู่เฉยแน่ แต่พอเห็นว่าเธอเดินอ้อมรถมาฝั่งผมก็ค่อยโล่งอกหน่อย แล้วนี่กูเป็นบ้าอะไร จะกลัวยัยเด็กบ้านั่นโกรธทำห่าไรเนี่ย
แกร่กกก
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อประตูฝั่งผมถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ ด้วยฝีมือของยัยเด็กจอมจุ้นจ้านคนเดิม เพิ่มเติมคือเธอมีความกล้ากับผมมากขึ้น กล้าทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่งผมด้วย พัฒนาไวจังเลยนะ ร่างบางย่อตัวลงให้เสมอกับผมที่นั่งอยู่บนเบาะพร้อมกับพูดขึ้นหน้าตาบ้องแบ๊ว ใสซื่อตามสไตล์
“กลัวเหรอคะ มันไม่เจ็บหรอกน้า หนูจะทำเบาๆ สัญญา”
“หื้มม” เล่นซะผมนี่อึ้งไปเลย ยัยเด็กบ้านี่คิดว่าผมอายุเท่าไหร่วะ แล้วเธออาศัยจังหวะที่ผมยังอึ้งอยู่ทำแผลให้ผมจนได้ แล้วคิดได้ไง...ว่าผมจะกลัวการทำแผลเนี่ยนะ เหอะ! ยัยต๊องเอ๊ย!
“แผลใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย หนูว่าไปโรงพยาบาลเลยดีกว่านะ”
“....” ผมเงียบ แต่ตวัดตาดุเธอน้อยๆ ให้รู้ตัวว่ากำลังยุ่งวุ่นวายมากเกินไป แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวนะ
“หนูถามได้ไหมคะ เฮียเจ็บมากไหม”
เหอะ! อะไรคือยิงคำถามมาแล้วถามต่อเลย ผมกำลังจะบอกว่าไม่ได้ แล้วมันจะทันไหมแบบนี้ เชื่อเขาเลยจริงๆ ผมได้แต่โคลงศีรษะไปมาแบบเอือมๆ
“ไม่เจ็บเลยเหรอคะ”
“หื้ออ” บอกตอนไหนว่าไม่เจ็บ ส่ายหน้าเพราะเอือมเธอนั่นแหละ ยัยหนูเฌอติ๊งต๊อง หึ แต่นั่นกลับทำให้ผมเกือบกลั้นยิ้มไม่อยู่เหมือนกันนะ ไอ้ความไร้เดียงสาของเธอเนี่ย น่ารักชะมัด เห้ย! น่ารักกับผีอะไรไอ้ห่าวา หยุดเลยมึง ผมส่ายหัวน้อยๆ เพื่อไร้ความคิดบ้าๆ พวกนั้นออก แล้วเธอก็บ่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสา
“ได้ไงกัน เลือดออกเยอะขนาดนี้ หนูว่าเฮียต้องเจ็บนั่นแหละ แต่ไม่กล้าบอกหนูใช่ม้า”
“บ่นอะไรของเธอ น่ารำคาญ” ผมพูดขึ้นพลางขมวดคิ้วใส่เธอแบบหงุดหงิด พูดอะไรเยอะแยะ น่ารำคาญชะมัด แล้วเธอก็เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงก่อนจะทำแผลให้ผมต่อ แต่ไอ้สายตาผมเนี่ย มันกลับโฟกัสแต่ใบหน้าหวานนั่น ราวกับมีมนต์สะกด ผมไม่อาจละสายตาไปมองที่อื่นได้เลย แววตาที่เธอมองผมยังเหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเผลอหรือตั้งใจ ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำแต่ ทำไมเธอถึงเลือกที่จะชอบผม… ทำไมถึงเป็นผม
“ทำไมถึงทำแบบนั้น ไม่กลัวตายรึไง ถ้าพวกมันไม่ได้มีแค่ไม้ล่ะ ถ้ามันมีปืนขึ้นมาจะทำไง” ผมถามขึ้นพลางจ้องหน้าเธออย่างไม่ลดละ ร่างบางชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม และทำไมจังหวะที่เราสบตากัน ผมต้องใจสั่นทุกที ไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายหนูเฌอก็เป็นคนหันหนีก่อน
“แล้วเฮียล่ะ ไม่กลัวตายบ้างรึไงคะ เฮียทำแบบนี้ ไม่นึกถึงคนที่เขาเป็นห่วงเฮียบ้างรึไงคะ” เธอพูดพลางหันไปหยิบสำลีมาใส่ยาเพื่อจะทำแผลให้ผมต่อ แต่ผมแม่งโคตรใจเต้นแรงกับประโยคนี้ของเธอเลย ทำไมยัยเด็กบ้านี่หยอดเก่งชะมัด นี่ผมกำลังจะแพ้เด็กเหรอวะ...เหอะ ไร้สาระฉิบหาย แต่จะว่าไป ถ้าเด็กมันจะหยอดขนาดนี้ นิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรมั้ง
[Chernarin Talk]
พรึบบบ
ว๊ายยย
ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ แขนแกร่งก็ยกขึ้นเกี่ยวรั้งร่างฉันเข้าหาแบบไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีคือฉันนั่งอยู่บนตักแกร่งพร้อมกับมือเล็กที่โอบรอบต้นคอเขาเพื่อหาที่เกาะกันตกอย่างถือวิสาสะ พอตั้งสติได้ฉันก็พยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่ท่อนแขนนั่นกลับรั้งฉันเอาไว้ ฉันทำอะไรไม่ถูก มือก็ไม่รู้จะเอาไว้ไหน แต่ไม่ควรเอาไว้บนต้นคอเขาแบบนี้ คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบชักมือกลับมาไว้ที่ตักตัวเองทันที สายตาก็ล่อกแล่กจนหาจุดโฟกัสไม่ได้ สมองก็ไร้การสั่งการไปแล้ว ณ ตอนนี้ ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเลย
“ทำต่อดิ ฉันก็แค่กลัวเธอจะเมื่อย”
บ้าจริง...กลัวจะเมื่อยเนี่ยนะ แล้วทำแบบนี้คิดว่าหนูจะหายเมื่อยรึไงกันเล่า หรือบางทีอาจจะเมื่อยยิ่งกว่าเก่า เพราะตอนนี้เกร็งไปทั้งตัว จนจะเป็นตะคริวแล้วเนี่ย อร๊ายยย…>////<
“สะ...เสร็จแล้ว..ค่ะ ปล่อยเถอะค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงตะกุกตะกักจนแทบจะไม่เป็นประโยค และไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาเลยสักนิด ตาย...ฉันต้องตายแน่ๆ เลย
“ง่ะ แล้วนี่ล่ะ ไม่ต้องติดเหรอ” เขาพูดขึ้นแล้วจับมือฉันที่มีปลาสเตอร์ติดแผลอยู่ชูขึ้นระดับสายตา
“ตะ...ติดก็ได้ค่ะ แต่ปล่อยหนูก่อนนะคะ” ฉันยื่นข้อเสนอไปให้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลบังคับใช้ เพราะมือหนารั้งท้ายทอยฉันเขาไปใกล้ใบหน้าเขาทันที ฉันตั้งใช้มือเล็กดันแผงอกเขาไว้เพื่อไม่ให้เราใกล้กันเกินไป แค่นี้ฉันก็จะตายอยู่แล้ว สงสารหนูเถอะนะคะ
“ก็ทำให้...เสร็จก่อน แล้วจะปล่อย หึ!” เขาพูดเสียงเรียบพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น ฉันก็ไม่เข้าใจว่ายิ้มแบบนั้นมันหมายความว่าไง แต่อยู่แบบนี้นานๆ ไม่เป็นผลดีแน่
ฉันรีบดันตัวเองออกจนหลังชิดกับพวงมาลัย แล้วแกะปลาสเตอร์ติดแผลในมือและติดให้เขาแบบรีบๆ พอเสร็จเรียบร้อยฉันก็จะลุกออก แต่...นั่นแหละไม่มีสัจจะในหมู่โจร เพราะเขาก็ไม่ยอมให้ฉันลุกขึ้นอยู่ดี
“หนูติดเสร็จแล้วนะคะ” ฉันพูดแล้วพยายามแกะแขนเขาออกแต่ไม่สำเร็จ
“เดี๋ยว ไม่อยากได้รางวัลจากฉันง่ะ”
“รางวัล?” ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันไปเลิกคิ้วถามเขาด้วยความสงสัย อาการคล้ายๆ กับเด็กน้อย พอรู้ว่าจะได้ของแล้วก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเฉยๆ โดยที่ลืมจุดประสงค์ก่อนหน้าไปเลย
อุ๊บบบ!
ฉันเบิกตากว้างเมื่อปริศนาถูกไขอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง คำตอบของเขาคือการรั้งท้ายทอยฉันเข้าไปประกบจูบแบบไม่ทันตั้งตัว จนเกือบลืมหายใจ ดวงใจน้อยๆ ก็เต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้ นี่มันคือจูบแรกของฉันเลยนะ และยิ่งไปกว่านั้น คือเป็นเขา….เขาคนที่ฉันไม่อาจเอื้อมถึง
เฮียว่าโยผละจูบออก ฉันก็ยังคงอยู่ท่าเดิมเหมือนถูกสตัฟฟ์ไว้ คราวก่อนแค่ผิวเผินฉันยังเกือบตาย แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ผิวเผิน แต่มันสัมผัสกันแบบจริงจัง สัมผัสแบบเนื้อถึงเนื้อ…และฉันต้องตายแน่ๆ เลย งื้ออออ
“หึ! หายใจได้แล้ว”
เฮือกกก!
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาพูดขึ้น ก่อนร่างฉันจะลอยลิ่วขึ้นกลางอากาศและไปตกลงนั่งบนเบาะที่เดิมจากแรงยกของเขา คนที่เพิ่งได้จูบแรกจากฉันไป ฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น หันหน้ามองออกไปนอกกระจกด้านข้าง เมื่อกี้นี้มันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ เขาจูบฉันจริงๆ งั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ไง แล้วถ้าเป็นเรื่องจริง เขาทำแบบนั้นกับฉันทำไมกัน…แต่จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ฉันอยากกรี๊ด อร๊ายยยย…>//////<