บท
ตั้งค่า

DANGEROUS LOVE : 04

หลายวันต่อมา....

@ ห้างสรรพสินค้า

“ไหนบอกแค่มากินข้าว?”

ผมขืนแรงลากของ น้ำฟ้า คู่ขาคนใหม่หมาดๆ ที่เพิ่งพากันออกมาจากโรงแรมได้สักพักนี่เอง ก่อนจะพากันมาหาอะไรกินที่นี่ ความจริงผมไม่ค่อยได้พาใครมากินข้าวแบบนี้ซักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ตัวเด็ดจริงๆ แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดแหละ เพราะมันออกเหนือจากที่เธอขอ พาผมมาหยุดหน้าร้านเสื้อผ้าสุดหรูเฉย เรื่องเงินน่ะผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ที่เป็นปัญหาคือมันใช่หน้าที่ของผมเหรอ ที่จะต้องมานั่งเฝ้าเธอแบบนี้

“นะคะ แป๊บเดียวเองค่ะ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อนออเซาะ เกาะแขนผมพลางเอาหน้ามาซบ หึ! ผู้หญิงคนนี้ยังไม่รู้จักผมดีพอซินะ มารยาหญิงใช่ไม่ได้กับผมนะ บอกก่อน

“ปล่อย!” คำสั่งเสียงเข้มหลุดออกจากปากผมพร้อมๆ กับแขนผมก็หลุดจากการเกาะกุมเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเธอยอมปล่อยตามคำสั่งนะ แต่ผมเองเนี่ยแหละที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี ก่อนจะสาวเท้าเดินแบบไม่ฟังใคร เด็ดแค่ไหนผมก็ไม่ได้ง้อนะ ไม่จำเป็นเลยสำหรับผม

“เดี๋ยวซิคะ รอฟ้าด้วย” เธอรีบเดินตามมาเกาะแขนผมเหมือนเดิม ก่อนฝีเท้าผมจะหยุดลงและตวัดตามองที่มือเธอ ถ้าทำให้ผมไม่พอใจขึ้นมาแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้ใกล้ผมอีก

“คุณวาโยขาาาา~ ฟ้าขอโทษก็ได้ค่ะ ไม่ก็ไม่ซิคะ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลยนี่คะ” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวนะ เอ่ยบอกผมเสียงอ่อนเสียงหวานใส่จริตจะก้านเต็มที่ เหอะ! น่ารำคาญชะมัด

ผมเลือกที่จะเงียบและแกะมือเล็กออก เร่งฝีเท้าออกมาให้ห่างจากผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็….

ปึกกก!

อ๊ะ!!!

ฝีเท้าผมต้องหยุดลงอีกจนได้ เพราะชนเข้ากับใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือผมโคตรจะหงุดหงิดเมื่อก้มมองเสื้อตัวเองและพบว่าเลอะคราบไอศกรีมของคนที่เดินมาชนผมเต็มไปหมด ผมเงยหน้าขึ้นกะจะต่อว่าคนตรงหน้าเต็มที่ แต่ก็ต้องชะงักไป

“นี่!!...”

“คุณ!!”

เพราะผู้หญิงซุ่มซ่ามคนนั้น ก็คือยัยเด็กต๊องนั่น เธอเองก็ดูตกใจไม่น้อยที่เจอผม เหมือนจะช็อกไปเลยด้วยซ้ำ อีกสองคนที่มากับหนูเฌอนั่นก็ด้วย คงจะช็อกพอกัน เพราะตอนนี้ไม่มีใครสนใจคราบไอศกรีมบนเสื้อผมเลยสักคน

“เหอะ! เธออีกแล้ว?” ผมเลื่อนมือขึ้นเท้าเอวตัวเองพลางสบถออกมาก่อนจะบ่นให้คนตัวเล็กตรงหน้า ผมจะหนียัยหนูเฌออะไรนี่ไม่พ้นเลยจริงเหรอวะ แล้วดูดิเนี่ย เจอทีไร เกิดเรื่องทุกที ให้มันได้อย่างงี้ดิ

“ว๊ายยย ทำไมเปื้อนแบบนี้ละคะ นี่เธอ!!...” เสียงแหลมของน้ำฟ้าที่ตามผมมาจนทันดังขึ้นพร้อมกับทำท่าจะเอาเรื่องหนูเฌอแต่ผมคว้าแขนเธอและออกแรงดึงกลับไปอยู่ด้านหลังซะก่อน ทำไมผมถึงไม่ชอบเลยเวลามีใครมาตะคอกยัยเด็กนี่ แล้วดูดินะ...จะร้องไห้ไหมนั่น น้ำตาคลอเชียว ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยแท้ๆ

“จะไม่ขอโทษฉันหน่อยเหรอ”

“นะ...หนูขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ คือหนูไม่ได้ตั้งใจ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงสั่นพลางเงยหน้าขึ้นมองผมนิดหนึ่งก่อนจะก้มหลบเหมือนเดิม

“แล้ว?” ผมเลิกคิ้วถามพลางชี้นิ้วไปที่คราบไอศกรีมบนเสื้อ ก่อนเธอจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วรีบเปิดกระเป๋าตัวเองหยิบผ้าเช็ดหน้าสีหวานขึ้นมา กุลีกุจอเข้ามาเช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อผม ที่เกิดขึ้นจากความป้ำๆ เป๋อๆ ของเธอ

Chernarin Talk

หมับบบ

ปึกกก….ตุ๊บบบบ

แขนฉันถูกกระชากออกจากเสื้อคุณวาโยอย่างแรงด้วยฝีมือของผู้หญิงที่มากับเขา ก่อนที่เธอจะออกแรงผลักฉันจนเซถอยแบบไม่ทันตั้งตัว ข้อเท้าฉันพลิกและล้มลงนั่งกับพื้นทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ปังปอนด์พุ่งเข้ามาช่วยประคองฉัน ส่วนใยไหมทำท่าจะพุ่งไปเอาเรื่องผู้หญิงคนนั้น แต่…

“ทำบ้าอะไร ฮะ!!”

คุณวาโยกระชากแขนผู้หญิงคนนั้นกลับไปเผชิญหน้ากับเขาและตวาดใส่หน้าเธอเสียงลั่นก่อนที่ใยไหมจะไปถึงตัวผู้หญิงคนนั้นซะอีก แล้วคุณวาโยก็สะบัดแขนผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงจนเธอเซถอยไปด้านหลัง ขายาวก้าวเข้ามาหาฉัน ย่อตัวลงนั่งหย่องย่อตรงหน้า ก่อนจะช้อนร่างฉันขึ้นแบบไม่พูดไม่จา ฉันตกใจผวาเข้าโอบรอบต้นคอเขาทันทีเพราะกลัวจะล้วงลงสู่พื้น

ฉันมองเขาแบบไม่เข้าใจ ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ผสมปนเปกันไปหมด เขาทำแบบนี้ทำไมกัน มาอุ้มฉันกลางห้างแถมยังต่อหน้าผู้หญิงของเขาอีก จังหวะนั้นเขาก็หันมามองหน้าพอดี เลยทำให้เราสบตากัน และนั่นทำให้ใจฉันเต้นผิดปกติทันที ก่อนจะพาสายตาตัวเองไปโฟกัสที่หัวไหล่เขาแทน อ้อมแขนเขากระชับขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะพาฉันเดินผ่านผู้หญิงคนนั้นออกมา เธอมองตามเราสองคนด้วยอาการสั่นเป็นเจ้าเข้า กำหมัดแน่น สายตาเกรี้ยวกราดสุดๆ ถ้าคุณวาโยไม่อยู่ตรงนี้ มีหวังฉันตายคามือเธอแน่ๆ

เขาเดินออกมายังลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า หยุดฝีเท้าลงตรงข้างรถสปอร์ตคันหรูสีดำเงา ร่างฉันถูกวางลงให้ยืนบนพื้นอย่างบรรจง แต่พอเท้าซ้ายสัมผัสพื้นเท่านั้นแหละ มันรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที ดีที่แขนของเขาข้างหนึ่งยังประคองร่างฉันไว้อยู่ เสียงปลดล็อกรถจากรีโมทในมือเขาดังขึ้นจากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออก พร้อมๆ กับร่างฉันที่ถูกดันให้นั่งลงบนเบาะหนังนุ่มทันที แต่ขาทั้งสองข้างยังอยู่นอกรถ

“เจ็บมากไหม” เขาถามขึ้นพลางนั่งหย่องย่อลงตรงหน้าฉัน จับข้อเท้าข้างซ้ายฉันยกขึ้นมาเล็กน้อย ฉันตกใจกับการกระทำของเขาจนต้องรีบออกปากห้ามพร้อมกับดึงเท้าเข้าหาตัวทันที

“อย่าค่ะ! หนูไม่เป็นไร”

“อยู่เฉยๆ” เขาไม่ยอม ออกคำสั่งเสียงเข้มพร้อมส่งสายตาดุมาให้ฉัน เขาจับข้อเท้าฉันขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาถอดรองเท้าผ้าใบของฉันออกด้วย ฉันพยายามจะขัดขืน แต่เพราะสายตาคมคู่นั้น ฉันก็เลยต้องยอม

“อ๊ะ...ซี๊ดดด” ฉันซูดปากพลางนิ่วหน้า เมื่อเขาจับข้อเท้าฉันหมุนไปหมุนมา ความจริงมันก็ไม่ได้เจ็บมาก แค่แปล๊บๆ

“หึ! ก็ไม่ได้เป็นไรมากนิ ทำไมไม่ลุกไปตบยัยนั้นสักฉาด ปล่อยให้เขารังแกอยู่ฝ่ายเดียวได้ไง” เขาพูดขึ้นพลางปล่อยมือจากข้อเท้าฉัน และหยิบรองเท้าผ้าใบขึ้นมาจะใส่ให้ แต่ฉันแย่งมาได้ก่อน ใครจะกล้าปล่อยให้เขาทำให้ล่ะ แค่นี้ใจก็เต้นจนไม่เป็นจังหวะแล้ว

“ทำไมคุณพูดแบบนั้นละคะ เธอเป็นผู้หญิงของคุณนะ” ฉันพูดขึ้นเสียงแผ่วเบาพลางโน้มตัวลงใส่รองเท้าตัวเอง

“ใครบอกเธอ ว่านั่นผู้หญิงของฉัน” เขาเลื่อนหน้ามาสบตาฉันแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่ฉันไม่ได้สนใจฟังที่เขาพูดสักนิด ตอนนี้ฉันได้ยินแต่เสียงใจตัวเองที่มันดังขึ้นแบบจับจังหวะไม่ได้ สายตานั่นก็เหมือนมีมนต์สะกดยังไงก็ไม่รู้ ฉันไม่สามารถควบคุมอะไรในตัวเองได้เลยสักอย่าง แย่แล้ว...แย่แน่ๆ ไม่ได้นะหนูเฌอ เขาเป็นแค่ความฝันเท่านั้น อย่าเพ้อเจ้อ เขาไม่มีวันชอบแกหรอก

ฉันกะพริบตาถี่เรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะแสร้งมองไปทางอื่นและดึงตัวกลับขึ้นตรงเพื่อจะรักษาระยะห่างจากคนที่มีผลต่อหัวใจฉันสุดๆ แต่…

“ฉันถาม ทำไมไม่ตอบ”

มือหนารั้วท้ายทอยฉันกลับลงมาเผชิญหน้ากับเขาในระยะกระชั้นชิดกว่าเดิม ปลายจมูกเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดอยู่ตอนนี้ และฉันควรทำยังไงต่อดี ใจที่เต้นแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เพิ่มจังหวะขึ้นเป็นสองเท่า ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนแทบระเบิด ลมหายใจที่มันควบคุมโคตรยาก เลยกลั้นมันไว้ซะเลย ถ้าคุณยังทำแบบนี้...หนูจะคิดไปไกลแล้วนะ งื้ออออ

“หายใจด้วย เดี๋ยวก็ตายหรอก” เสียงทะเล้นหลุดออกมาพร้อมกับร่างหนาที่หยัดยืนขึ้นเต็มความสูง และเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งทันที ส่วนฉันหายใจออกอย่างเหนื่อยหอบ เหมือนจะขาดใจตาย ฉันลืมหายใจจริงๆ นะเมื่อกี้

“เข้ามานั่งดีๆ แล้วปิดประตู” เขาออกคำสั่งหลังจากที่พาตัวเองขึ้นมานั่งอยู่หลังพวงมาลัยเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ทำตามแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เชื่อฟังเขาไปหมดทุกอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม วันนี้ฉันได้นั่งรถเขาด้วย รถคันโปรดของเขา คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มซะอีก บางทีฉันอาจต้องไปขอบคุณผู้หญิงคนนั้นนะ

“อ๊ะ...คะ...คุณ” ฉันผงะถอยจนติดเบาะ เอ่ยขึ้นเสียงตะกุกตะกักเมื่อเขาโน้มตัวลงมาแบบไม่บอกกล่าว ด้วยสัญชาตญาณการป้องกันตัว มือเล็กถูกดันขึ้นดันอกแกร่งไว้ทันทีเพื่อไม่ให้ใกล้ไปกว่านี้ แต่สายตาเรายังจ้องกันอยู่แบบนั้นอย่างไม่ลดละ ทำไมวันนี้เขาถึงเนื้อถึงตัวบ่อยจัง แบบนี้ใจหนูก็แย่ซิคะ

ใบหน้าคมค่อยๆ เลื่อนเข้ามา...เลื่อนเข้ามา

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เขาหลุบตาลงมองริมฝีปากฉัน ไม่นะ...ไม่นะ ไม่ได้นะ แบบนี้ฉันอาจจะตายได้ ถึงใจจะคิดแบบนั้นแต่เปลือกตาบางกลับปิดลงเพื่อรอบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

แป๊กกก

เสียงเหมือนอะไรสักอย่างลงล็อกและฉันคิดว่ามันคือเสียงเข็มขัดนิรภัย ตัดสินใจลืมตาขึ้นก่อนจะพบแต่ความว่างเปล่าตรงหน้า มีแค่เข็มขัดนิรภัยเท่านั้นที่ล็อกตัวฉันอยู่ โอ๊ยยย...อายไหมล่ะ ทีนี้ อยากว๊าบหายไปจากตรงนี้เลยจริงๆ

“อยากให้ฉันจูบเธองั้นเหรอ”

“ปะ...เปล่านะคะ ไม่ใช่นะ หนูไม่ได้คิดแบบนั้นเลย” ฉันรีบปฏิเสธขึ้นเป็นพัลวัน บ้าจริง ทำไมเขาถึงเป็นคนพูดตรงแบบนี้นะ

“เรอะ?”

“คุณน่ะ...ทำไมชอบแกล้งหนู” ฉันบ่นพึมพำพลางดึงตัวกลับมานั่งตรงๆ แบบหน้ามุ่ยสุดๆ ก็เขาชอบแกล้งฉันจริงๆ นิ่ ชอบดุ ชอบว่าอีกต่างหาก

“ก็เธอมันน่าแกล้ง ยัยเด็กต๊อง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแบบขำๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มฉันข้างหนึ่งอย่างแรง คล้ายกับเขามันเขี้ยวฉันมากมายก่ายกอง และมันเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย

“งื้ออออ คุณ...หนูเจ็บ”

ฉันแกะมือเขาออก แล้วลูบแก้มตัวเองป้อยๆ ก่อนจะดึงตัวมาแอบอยู่จนชิดประตูอีกฝั่ง กลัวเขาจะแกล้งอีก เล่นแรงชะมัด หื้อออ หนูเจ็บ...

“เลิกเรียกฉันว่า คุณ สักที คุณน่ะมีไว้สำหรับผู้หญิงพวกนั้นที่ไม่ได้สนิท แต่เธอ...”

“คะ..?” ฉันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย คุณ มีไว้สำหรับคนไม่สนิทงั้นเหรอ แต่ฉัน...แต่ฉันอะไร เขาหยุดไว้แค่นั้น..และมันนานเกินไปแล้ว ฉันลุ้นใจจะขาดแล้วเนี่ย

“เรียกฉันว่า เฮีย ก็แล้วกัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel