บท
ตั้งค่า

DANGEROUS LOVE : 02

วันต่อมา…

@มหาวิทยาลัย M

ฉันนั่งหมุนปากกาไปมา สายตาทอดมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมายพลางพ่นลมหายใจออกซ้ำไปซ้ำมา ในหัวฉันมีแต่เรื่องของเขาคนนั้นเต็มไปหมด คุณวาโย วรายุ เหมบดินทร์ ทายาทเจ้าของโชว์รูปรถนอกชื่อดังและยังเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ใหญ่สุดในภาค หล่อ รวย เท่ เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ผู้ชายที่ฉันเฝ้ามองมาตลอดหกปี รู้จัก...หมามองเครื่องบินไหม นั่นแหละฉัน

ว่าแต่...ทำไมเขาถึงปีนมาห้องฉันในสภาพแบบนั้นได้นะ เขากำลังจะทำอะไรกับสาวห้องข้างๆ ฉันยังงั้นเหรอ แล้วทำไมโลกมันกลมแบบนี้ล่ะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาเลยสักนิด ความจริงไม่เคยพร้อมเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้เจอ ได้คุย แถมยังอยู่ใกล้ในระยะกระชั้นชิดอีก ฉันเกือบช็อกตาย แต่จะเจอทั้งที สวรรค์ก็ไม่เป็นใจหน่อยเนอะ ฉันทั้งมอมแมม แต่งตัวก็โสโครก สภาพแบบว่ายับเยิน น่าอายสุดๆ ครั้งแรกไม่มีความประทับใจสักนิด หนำซ้ำยังไปตบหน้าเขาอีก เขาต้องเกลียดฉันไปแล้วแน่ๆ

เฮ้ออออ

“อีหนูเฌอ!!!!”

“โว๊ะ!! ตายๆๆๆ หายใจหายคอหมด” ฉันสะดุ้งสุดตัว พร้อมอุทานออกมาเสียงดังลั่นเมื่อ ปังปอนด์ เพื่อนสาวในร่างชายของฉัน กะโกนเรียกใส่แก้วหูจนเกือบแตก พลางเอามือทุบอกตัวเองเบาๆ ฉันเกือบช็อกตายจริงๆ นะนั่น

“อุทานเห่ยได้อีกนะมึง” เสียงเล็กดังตามหลังของปังปอนด์มา นั่นคือ ใยไหม เพื่อนสนิทอีกคนของฉัน ใยไหมเดินมาหยุดจ้องหน้าฉันพลางเอามือขึ้นเท้าไหล่ของปังปอนด์ไว้

“เป็นอะไรวะ กูเรียกตั้งนาน”

“อ้าว อาจารย์ไปแล้วเหรอ” ฉันไม่ได้สนใจคำถามของปังปอนด์แต่ถามกลับไปแทนทันทีที่เห็นว่าทุกคนในคลาสทยอยออกไปเกือบหมดและไม่เห็นแม้แต่เงาของอาจารย์ประจำคลาส นี่ฉันเหม่อลอยจนไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอนเลยเหรอเนี่ย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคลาสจบตอนไหน

“นี่มึงอาการหนักมากนะ เกิดอะไรขึ้นวะ” ใยไหมโน้มหน้าลงมาระดับเดียวกับฉัน ขณะเอ่ยถามพร้อมจ้องนัยน์ตาอย่างคาดคั้น พวกนี้นี่...ทำไมชอบดูอาการฉันออกอยู่เรื่อย ฉันไม่เคยปิดบังอะไรพวกมันได้เลย แต่เรื่องนี้ให้พวกมันรู้ไม่ได้เด็ดขาด

“เปล่าซะหน่อย” ฉันปฏิเสธพลางหลุบตาลงมาสนใจหนังสือบนโต๊ะแทน และพยายามจะเก็บมันลงกระเป๋า ฉันคิดว่าฉันต้องพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

“อีหนูเฌอ” ใยไหมกดเสียงต่ำลงไปอีกโทน ส่วนมือของปังปอนด์ก็จับหน้าฉันให้หันกลับมาสบตาพวกมันสองคน และสุดท้ายฉันก็เลี่ยงไม่ได้

“เออๆ คือคุณเขาปีนระเบียบมาห้องกูเมื่อคืนน่ะ”

สิ้นเสียงฉัน มันสองคนก็เบิกตากว้าง หันมองหน้ากันกับหน้าฉันสลับไปมา เพราะพวกมันรู้ดีว่า คุณ ที่ฉันหมายถึง คือใคร มันเองก็คงตกใจไม่ต่างจากฉันหรอก ใครก็คิดไม่ถึงทั้งนั้นแหละ ขนาดฉันยังคิดว่าฝันเลย

ฮ่าๆๆๆๆๆ

แต่คิ้วฉันก็ต้องขมวดเป็นปมทันที เมื่อมันสองคนพากันหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นแบบลืมอายไปเลย นี่แสดงว่าพวกมันไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ

“นี่!! กูไม่ได้โกหกนะ เขามาห้องกูจริงๆ”

“เหรอๆ โอ๊ยยย...กูจี้วะ ฮ่าๆๆๆ” ปังปอนด์พูดขึ้นด้วยความยากลำบาก เพราะมันเหมือนจะกลั้นหัวเราะไปด้วย แต่สุดท้ายก็ปล่อยออกมาจนหมด มันสองคนพากันหัวเราะเยาะฉันไม่หยุด บ้าจริงเชียว ไอ้เพื่อนบ้า...ทำไมไม่เชื่อฉันกันเล่า

“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

สิ้นเสียงฉัน พวกมันก็หยุดไปได้แป๊บหนึ่ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาอีกระลอก เสียงดังกว่าเดิม ใส่เอฟเฟกต์จนตัวงอ เหอะ! เออดี หัวเราะให้ตายไปเลย ฉันไม่น่าบอกพวกมันเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ! ฉันลุกขึ้นยืนและหยิบกระเป๋าออกมาจากตรงนั้นแบบหงุดหงิดสุดๆ ก่อนพวกมันจะพากันวิ่งตามมา

“กูว่ามึงควรไปหาหมอนะ” ใยไหมเอาแขนขึ้นพาดคอฉันพลางเอ่ยขึ้นแบบขำ คือง่ายๆ มันยังหยุดหัวเราะไม่สนิทดี

“นั่นดิ! นี่มึงเพ้อถึงขั้นนั้นแล้วเหรอวะ ฮ่ะๆ” แล้วปังปอนด์ก็ยกพาดคออีกข้างของฉัน พูดเสริมเพื่อนตัวเองด้วยเสียงแบบเดียวกันเลย ดู...ดูพวกมันยังมีหน้าตามมาเยาะเย้ยฉัน ไอ้เพื่อนบ้า คอยดูนะ วันหนึ่งฉันจะพาเขามายืนอยู่ตรงพวกมึงตัวเป็นๆ เลย ฉันสะบัดไหล่ให้หลุดจากแขนพวกมันทั้งสองข้าง ก่อนจะเดินลิ่วๆ ออกมาแบบอารมณ์เสียสุดๆ

@ อพาร์ตเม้นท์ JJ

ฉันหอบของพะรุงพะรังขึ้นมาบนห้อง ส่วนมากก็ของสดทั้งนั้น ฉันชอบทำอาหารกินเองเพราะมันอร่อยกว่าซื้อกินเป็นไหนๆ และอีกอย่างฝีมือการทำอาหารของฉันไม่ได้ต่างจากเชฟมืออาชีพสักเท่าไหร่หรอก ไม่อยากคุย โฮะๆ แต่ทุกคนที่ได้กินก็บอกแบบนั้น

พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จฉันก็พาตัวเองมาอยู่หน้าเตาทันที วันนี้ฉันตั้งใจจะทำอาหารหลายเมนูเพราะพี่สาวฉันมันไลน์มาบอกว่าอยากมากินกับข้าวฝีมือฉัน เราสองคนพี่น้องแทบไม่เคยได้เจอกันเลย เพราะเรียนกันคนละที่ ไกลกันมากด้วย นานๆ จะเจอกันสักที คิดถึงมันจะแย่ ไม่ได้เจอกันมาสามเดือนกว่าได้แล้วมั้ง

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป….

ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกพร้อมกับอาหารเมนูสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะพอดิบพอดี ฉันถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนที่ฉันกำลังรออยู่พอดี

เห้ย!!!

ปึงงง

ฉันปิดประตูกลับคืนด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังพิง คนที่ยื่นอยู่ไม่ใช่พี่สาวฉัน แต่เป็น...หรือฉันคิดถึงเขาจนหลอน เห็นหน้าพี่สาวตัวเอง เป็นเขารึเปล่า เพื่อความมั่นใจ ฉันเลยหันไปเปิดประตูดูอีกรอบ แต่ก็ยังเป็นเขาอยู่ดี และประตูกำลังจะถูกปิดลงอีก แต่…

หมับบบ

ผู้มาเยือนใช้มือหนาเพียงข้างเดียวดันประตูไว้ ก้าวเข้ามาในห้องฉันอย่างอุกอาจ

ปึงงงง!!!

ประตูจะถูกปิดลงอย่างแรงด้วยฝีมือเขา เล่นเอาซะฉันสะดุ้งเลย เสียงทรงพลังถูกเปล่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม

“ใครสั่งให้ปิดประตูใส่หน้าฉัน ฮะ!”

ยิ่งทำให้ฉันกลัวหนักเข้าไปอีก ทำอะไรไม่ถูกเลยที่นี่ ตัวสั่นเทาไปหมด ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น นะ...นี่ฉันได้เจอเขาอีกแล้ว ได้ใกล้เขาอีกแล้ว งื้ออออ...ใจฉัน ใจฉันมันเต้นแรงมากเลย ฉันจะช็อกตายไหม มือเล็กบีบกันแน่นอยู่ด้านหลัง ในสมองฉันนึกอะไรไม่ออกนอกจาก...

“ขะ...ขอโทษค่ะ”

“เหอะ! ชั่งเหอะ! ฉันมาเอาคำตอบ”

“คำตอบ?” ฉันเลิกคิ้วถามขึ้นด้วยความสงสัย คำตอบอะไรหว่า

“คุกกี้นั่นไง” เขาว่าพลางชี้ไปที่โหลคุกกี้บนหลังตู้เย็น ตาฉันโตขึ้นทันที นี่เขาสนใจมันจริงๆ เหรอ นึกว่าพูดเล่นซะอีก แสดงว่าเขาต้องได้กินมันทุกครั้งแน่ๆ ถึงจำมันได้ หรือฉันควรจะบอกเขาไปเลยดีนะ แต่ฉันไม่ทันอ้าปากเขาก็แทรกขึ้นมาก่อน

“แค่นี้ก็ลืมแล้วเหรอ เหอะ! นอกจากเธอจะบ้าแล้ว ยังความจำสั้นอีกเรอะ”

มาเป็นชุดเลย ฉันได้แต่เม้นปากแน่นเป็นเส้นตรง กะพริบตาปริบๆ ยืนฟังเขาพูดอยู่แบบนั้น ผู้ชายอะไรปากร้ายฉันมัด ว่าฉันบ้าได้ยังไงกัน...งื้อออ

“งั้นเอาเบอร์เพื่อนมา ฉันจะโทรไปถามเอง”

“ไม่มีค่ะ” ฉันตอบกลับทันควัน แบบไม่ต้องคิดเลย จะมีได้ไงก็ฉันโกหกเขาเรื่องคุกกี้นั่น

“อะไร! เป็นเพื่อนประสาอะไรไม่มีเบอร์”

“.....” ฉันเงียบ ไม่ใช่ อะไรนะ คิดคำตอบไม่ทัน สมองไม่ประมวลผลแล้วตอนนี้ ใครใช้ให้เขามายืนจ้องหน้าแบบนี้กันเล่า เขินวุ้ย...จะตายอยู่แล้วเนี่ย

“หรือว่าหวง” เขาพูดขึ้นพลางโน้มหน้าลงมาในระดับเดียวกัน รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้น และมันทำให้ใจฉันแทบจะละลายหายไปกับท่าทางแบบนี้ของเขา บ้าบอที่สุด จะฆ่าฉันให้ตายเลยรึไง แต่เขาบอกว่าอะไรนะ เมื่อกี้ อะไรหวงๆ

“หวงเพื่อนหรือหวงฉันล่ะ หึ!”

เจอประโยคนี้เข้าไปตายเลยฉัน ไปไม่เป็น หวงเขา? ฉันมีสิทธิ์นั้นด้วยเหรอ อร๊ายยยย...หนูอยากกรี๊ดให้ดังไปถึงโลกที่สาม คุณขา...หนูจะตายไหมคะ ใจหนูมันเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ได้แล้ว ความร้อนก็เห่อขึ้นใบหน้าจนทะลุสมองไปแล้วมั้ง งื้อออ ถ้านี่เป็นฝันก็คงเป็นฝันดีที่สุดและฉันคงไม่อยากตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกแห่งความจริงอีกเลย

ครืดดดด~ ครืดดดด~~

ป๊อก!!

โอ๊ะ!!

นิ้วเรียวดีดมาบนหน้าผากเพื่อเรียกสติฉัน และมันได้ผล ฉันกลับมาสู่โลกแห่งความจริง พร้อมกับยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

“มีสายเข้า” เขาจะพูดขึ้นเสียงเรียบพลางหยัดยืนเต็มความสูงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนตัวเองทั้งสองข้าง พยักพเยิดหน้าไปทางมือถือฉันที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร

ฉันเดินมาหยิบมือถือขึ้นเลื่อนสไลด์รับสายพี่สาวตัวเอง ทั้งที่ยังลอบมองผู้มาเยือนเป็นระยะ

‘หนูเฌอ เค้าไปไม่ได้แล้ววะ มีธุระด่วนอะ ไว้วันหลังนะ’

เสียงหวานกรอกมาตามสาย ดึงสติฉันให้กลับมา สมองฉันตัดเรื่องคุณวาโยออกไปชั่วขณะ เพราะพี่สาวที่รักเทฉันในวินาทีสุดท้ายอีกแล้ว ทำแบบนี้กับฉันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ลมหายใจถูกพ่นออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะครางรับกลับไป

“อืม”

ติ๊ด!!

และพอได้รับคำตอบจากฉัน ปลายสายก็กดวางสายทันที ฉันควรจะชินได้แล้ว อาหารฉันเป็นสายบัวรอเก้ออีกแล้ว ฉันวางมือถือลงบนโต๊ะอาหาร และหยิบจานอาหารกำลังจะเทลงถังขยะ แต่มีมือหนามาคว้าไว้ซะก่อน

“ทำอะไร” เขาถามขึ้นเสียงเข้มพลางแย่งจานอาหารจากมือฉันไปวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ยัยพี่สาวตัวดีทำให้ฉันลืมไปเลยว่ามีอีกคนอยู่ในห้องด้วย

“ทิ้งค่ะ ในเมื่อไม่มีใครอยากจะกินมัน ก็ต้องทิ้งไม่ใช่เหรอคะ” ฉันพูดบอกเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจพี่สาวตัวเอง ฉันรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมานอยใส่คนที่ไม่รู้เรื่อง แต่มันอดไม่ได้นี่นา นัดทุกเดือน แต่ไม่เคยมาตามนัดสักที ฉันก็ยังบ้าบอ ทำอาหารรอเธอทุกครั้ง และจบด้วยการเททิ้งทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“บ้านรวยนักรึไง ขนาดบ้านฉันรวยล้นฟ้ายังไม่เคยทิ้งอาหารเรี่ยราดแบบนี้เลย”

“.....” นี่เขากำลังด่าฉันอีกแล้วใช่ไหม

“ตักข้าวมาดิ” เขาพูดขึ้นพลางเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งอย่างถือวิสาสะ

“หื้มม” ฉันหูฝาดไปรึเปล่านะ นะ...นี่เขากำลังจะกินอาหารฝีมือฉัน เรื่องจริงใช่ไหม...?

“ก็ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ เรื่องที่เธอหาคำตอบให้ฉันไม่ได้ก็แล้วกัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel