ตอนที่ 5 วางแผนหนี
ยามเช้าที่มาเยือนทำให้นาซึมะปรือตามองก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งแล้วกวาดมือไปด้านข้างที่เมื่อคืนมีร่างของคนคนหนึ่งอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่า นั่นทำให้นาซึมะลืมตาตื่นในทันที
“หายไปไหนของเขา” นาซึมะบ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะกวาดมองไปทั่วแล้วก็พบโทรศัพท์ของตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง นาซึมะจึงรีบคว้ามันมาเปิดดูในทันที
“10 สายไม่ได้รับ” นาซึมะตกใจจนรีบโทรกลับไปยังปลายสายทันที ซึ่งก็รอสายไม่นานปลายสายก็รับสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน
(ฟ้า! ลูกหายไปไหนมา หนูรู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง! แล้วโทรไปทำไมไม่รับ!)
“ฟ้าขอโทษครับแม่” รีบตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
(เฮ้อ ไหนบอกแม่ว่าถ้าถึงแล้วจะโทรบอกแม่ไง นี่พ่อเขาก็เป็นห่วงหนูเหมือนกันนะ)
“ครับ ขอโทษที่โทรกลับช้า อีกอย่างคือฟ้าหลงทางอยู่ด้วยอะครับ” ใช่ อย่าให้ได้รู้เลยว่า ลูกชายสุดรักสุดหวงวิ่งไปรับลูกปืนแทนคนอื่น
(หลงทาง! ตายแล้ว หนูหลงทางได้ยังไงคะลูก!)
“ก็ฟ้าไม่รู้นี่ครับว่าบ้านพักที่พ่อกับแม่ซื้อไว้อยู่แถวไหน ฟ้าก็เลยพักโรงแรมเอานะครับ”
(ลูกคนนี้นี่ แม่ก็บอกไปแล้ว จำไม่ได้หรือไง)
“คุณคุยกับใคร”
เฮือก!
นาซึมะรีบหันกลับไปมองที่มาของเสียงทันที จึงได้เห็นว่าร่างสูงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียว กำลังยืนเช็ดผมอยู่ แล้วมองมาด้วยสายตาดุๆ
(ฟ้า หนูอยู่กับใครนะลูก เสียงผู้ชาย เพื่อนเหรอ)
“อะ เอ่อ ครับ พึ่งรู้จักกันเมื่อวาน แม่ครับแค่นี้ก่อนนะครับ คิดถึง รักแม่นะครับ” แล้วก็ชิงวางสายไปทันทีด้วยใจที่เต้นตุ้บๆ
“ฉันถามว่านายคุยอะไรกับใคร ฉันฟังไม่รู้เรื่อง” จะรู้เรื่องได้ไงในเมื่อ พูดภาษาไทย แต่ก็ยังตอบกลับไปตามตรง
“ผมคุยกับแม่ครับ ผมกลับห้องก่อนนะครับ” สิ้นคำก็วิ่งออกมาจากห้องนั้นทั้งชุดคลุมนั้นแหละ!
นาซึมะที่วิ่งก้มหน้าก้มตา ออกมานั้นเลยไม่ทันได้ระวังจึงได้วิ่งชนเข้ากับใครบางคนเข้าซะก่อน
“โอ๊ะ!”
หมับ!
นาซึมะที่กำลังเตรียมตัวรับความเจ็บเนื่องจากก้นจะต้องกระแทกพื้นอย่างแน่นอน แต่ เอ๊ะ! ไม่เจ็บ และด้วยความสงสัย เลยจำต้องลืมตามอง ก่อนจะมองเห็นแว่น =_=
“รีบร้อนจะไปไหนเหรอครับ แล้วทำไม”
“เอ่อ คือ…”
“ทำอะไรกัน” เสียงเย็นๆ ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมแรงกระชากที่ดึงร่างออกจากอ้อมแขนของคุณลูซดังขึ้น
“ผมกำลังจะเดินไปหาบอสที่ห้อง แต่ก็เกิดชนกับคุณนาซึมะซะก่อนนะครับ”
“มีอะไร” นาซึมะที่ยืนเงียบฟังทั้งคู่คุยกันตอนแรกก็คุยเป็นภาษาอังกฤษอยู่หรอกนะ แต่หลังจากนั้นดันพูดภาษาที่ฟังไม่ออกซะได้
“คุณลูน่า เธอมาหาบอสนะครับ เธอบอกว่าวันนี้เป็นคิวของเธอ”
คำตอบของลูซ ทำให้คาร์ตันก้มลงมองคนในอ้อมแขนของตัวเอง ที่กำลังยืนนิ่งแล้วทำสายตาสงสัย ว่าเรากำลังคุยอะไรกันอยู่ คาร์ตันหันไปตอบกับลูซต่อว่า
“บอกเธอไปว่า หลังจากนี้ไม่ต้องมาอีก” แล้วก็ดึงแขนของนาซึมะ เดินจากมาทันที โดยที่นาซึมะเองก็เดินตามมาอย่าง งงๆ จนกระทั่งถึงห้องของเขา คาร์ตันถึงได้ปล่อยมือแล้วหันไปจ้องเจ้าตัวที่กำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไป เลยเอ่ยขัดการกระทำดังกล่าวขึ้นก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วเดินจากมาทันที
“เอาเสื้อผ้าของนายแล้วย้ายไปอยู่ในห้องของฉันซะ ตั้งแต่วันนี้เลย”
ธุรกิจที่คาร์ตันทำอยู่นั้น ใช่ว่ามันจะขาวสะอาดเสมอไป อย่างน้อย พวกอาวุธสงคราม ก็ไม่เคยที่มันจะอยู่ในสายตาของเรา พวกสารเสพติด ยอมรับว่ามีบ้าง แต่จะเน้นประโยชน์ทางด้านการแพทย์ซะมากกว่า อย่างที่รู้ๆ กันว่าสารเสพติดบางชนิดสามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ ก็เลยเลือกที่จะร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลทุกแห่ง แล้วทางแฟมมิลี่ของเราจะเป็นคนแจกจ่ายให้เอง มันเลยกลายเป็นการขัดแข้งขัดขาใครหลายๆ คน ซึ่งสินค้าล็อตก่อนก็คือ มอร์ฟีน
สารเสพติดที่อยู่ในครอบครองของเรานั้น มีอยู่แค่ 2 ประเภทเท่านั้น นั่นก็คือ มอร์ฟีน กับ โคเคน ซึ่งสารจำพวกนี้มันจำเป็นต่อการผ่าตัด ถ้าจะทำกิจการเกี่ยวกับของพวกนี้จะต้องทำเรื่องให้มันถูกกฎหมาย ในข้อระเบียบเพื่อใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น ถึงแม้ว่าตัวเขาไม่อยากจะข้องแวะข้องเกี่ยวกับพวกตำรวจเท่าไหร่ก็ตาม
โชคดีที่วันนี้ไม่มีงานไหนที่จะต้องออกไปข้างนอก ซึ่งก็ดี มันเลยทำให้มีเวลาว่างในการตรวจเช็คสวนที่ทำการปลูกทั้งคู่เอาไว้ ซึ่งโคเคน นั้นยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า โคคาอีน และ มอร์ฟีน ในชื่อของฝิ่น ซึ่งส่วนใหญ่ทางการแพทย์เขาจะเรียกแค่ศัพท์เฉพาะทางเท่านั้น
“สวัสดีครับบอส”
“อืม” คาร์ตันรับคำ ก่อนที่จะยืนมองคนงาน รดน้ำต้นไม้พวกนั้น ที่นี่อยู่ในสวนหลังคฤหาสน์ซึ่งสถานที่แห่งนี้ ได้จัดสร้างมันให้เป็นเรือนกระจก ไว้เฉพาะเพาะปลูกของพวกนี้โดยเฉพาะ
“มาดูความเรียบร้อยหรือไง นึกไงถึงมาวะเนี่ย” เหลือบสายตาไปดูโอเว่น ที่เดินเข้ามาในชุดกาวน์ สวมหมวก สวมถุงมือพร้อมแว่น
“อืม ในห้องวิจัยเป็นไงบ้าง มีใครทำตัวผิดสังเกตบ้างไหม” คาร์ตันหันไปถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เท่าที่สังเกต ยังไม่พบวะ”
“ดูต่อไป”
ลืมบอกไปสินะครับ ว่าถึงแม้ว่าจะมีเรือนกระจกสำหรับเพาะปลูก แต่ด้านข้างกลับรายล้อมไปด้วยห้องวิจัย เพื่อทำการสกัดสารจากฝิ่นและโคคาอีน ให้ออกมาเป็นผง เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรักษาทางการแพทย์ต่อไป ซึ่งของเหล่านี้จะมีการจัดส่งออก ตามออเดอร์ที่ทางโรงพยาบาลในแต่ละพื้นที่ส่งคำขอซื้อขายเข้ามา เป็นล็อตๆ ไป
นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่นาซึมะทำได้แค่ทรุดตัวนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตกว่า ตัวเองไปทำอะไรให้คาร์ตันไม่พอใจหรือยังไงกัน
ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่รู้สึกเหมือนกำลังโดนคาร์ตันเขาปั่นประสาท แค่ขอโทรศัพท์คืน เขายังหาโอกาสเอารัดเอาเปรียบจนใจแทบจะคล้อยตามไปกับเขาตั้งหลายรอบ แล้วนี่เขาบอกให้เก็บของทุกอย่างย้ายไปอยู่ห้องเขาอีก
บ้า! บ้าไปแล้วแน่ๆ! ดีนะที่ตอนนี้แผลเริ่มแห้งแล้ว มันควรจะถึงเวลาที่จะต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เพื่อออกไปตามหาแรงบันดาลใจที่ตั้งเอาไว้สักทีสิถึงจะถูกนะ!
ทางเดียวที่จะไปให้พ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ได้คือ ต้องแอบหนีออกไปและอย่าให้ใครรู้ตัว!!
แต่จะหนีออกไปยังไงในเมื่อกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนั้น แถมมันคงเป็นจุดสังเกตได้ง่ายๆ อีก เอายังไงดีนะ หรือจะทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่แล้วเอาเฉพาะของที่จำเป็นไปแทน อ่า ดูเป็นไอเดียที่ดีนะ แต่เสียดายเสื้อผ้ากับกระเป๋าว้อย!
หลังจากที่ตีอกชกหัวตัวเองจนได้คำตอบที่ต้องการแล้วนาซึมะก็เริ่มปฏิบัติการทันที อย่างแรกก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วก็ทำตัวตามปกติ แล้วก็ไหลตามน้ำไปก่อน
สิ่งจำเป็นที่จะต้องพกพาไปด้วยตอนหนีก็คือ โทรศัพท์ เอกสารและพาสปอร์ต กระเป๋าเงิน ใช่อันนี้มันสำคัญ สายชาตแบตก็สำคัญ อันนี้ต้องเอาไปด้วยอยู่แล้ว อ่า จะเสียดายก็แต่โน๊ตบุ๊คที่มันใหญ่เกินไปและอาจจะพังระหว่างทางที่คิดจะหนีด้วยก็ได้
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เพราะฉะนั้น วันนี้ยังไงก็ต้องสำรวจทางหนีทีไร่ไว้ก่อนตั้งแต่ตอนนี้แหละนะ! และคาดว่าอีกไม่นาน เรเน่คงจะมาตามแล้วเพราะ ใกล้เวลามื้อเช้าแล้วด้วย เพราะฉะนั้นอาบน้ำให้สบายใจก่อนดีกว่า
นาซึมะใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวราว 15 นาทีก็เสร็จ ในระหว่างนั้นก็คิดไปเรื่อยว่า สถานที่แรกที่จะไปหลังจากออกจะที่นี่ได้แล้วจะเป็นที่ไหนดี
จะว่าไปซิซิลีก็ถือว่าเป็นเกาะที่มีทะเลล้อมรอบเลยนี่น่า นาซึมะรู้สึกได้เพราะเห็นแค่แวบๆ ตอนที่มองผ่านทางหน้าต่างไง
แต่ว่านะกำแพงบ้าอะไรก็ไม่รู้สูงชะมัดเลย ถ้าคิดจะปีนสงสัยได้ตกลงขาหักก่อนได้หนีแน่ๆ
ก๊อก ก๊อก
“ได้เวลามื้อเช้าแล้วค่ะ คุณนาซึมะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงนาซึมะออกจากภวังค์ความคิดที่จะหนีออกไปจากที่นี่ทันที พร้อมเสียงที่เอ่ยแทรกบานประตูเข้ามาภายในห้อง
นาซึมะจ้องมองตัวเองผ่านกระจกที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้งก่อนจะเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วเดินไปเปิดประตูก่อนจะก้าวเท้าเดินตามเรเน่ไปอย่างเคยชิน
ภายในห้องอาหาร ที่ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ทันที บรรยากาศที่ดูอึมครึมหน่อยๆ นี่มันอะไรกัน!
นาซึมะก้าวเท้าเข้ามานั่งที่ประจำข้างพี่ลิซ่า ก่อนจะต้องนั่งเกร็งตัวเองขึ้นไปอีก
รู้ไหมว่ามันทำให้ผมอึดอัด! และเริ่มที่จะเครียดตามทุกคนไปแล้วนะ
เฮ้ย! เอ๊ะ หรือว่าคาร์ตันรู้ว่าตัวเขาคิดจะหนี? ไม่ๆ ไม่น่าเป็นไปได้ ก็ยังไม่เคยหลุดปากเลยนะ ว่าอยากจะออกไปจากที่นี่เร็วๆ นะ -O-!
โอเค ยอมรับว่าก่อนหน้านี้คิด แต่ก็พึ่งจะคิดก่อนออกจากห้องเมื่อกี้นี้เองนะ!
“อะ แฮ่ม! คือว่า…”
พรึ่บ!!
ชะอุ้ย! มองอะไรกันทุกคน รู้นะว่าตัวเองน่ารัก เพราะฉะนั้นอย่าจ้องมากได้โปรด แล้วจ้องกันมาแบบนี้เป็นปลาทอง มีหวังคลอดลูกออกมาเป็นฝูงแล้วมั่ง
“จะพูดอะไรก็พูด” เสียงเรียบๆ เย็นๆ ของคาร์ตันดังขึ้น จนอดที่จะสะดุ้งไม่ได้ ซึ่งมันเป็นน้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อเช้าและเมื่อคืนอย่างเห็นได้ชัด
“อะ เอ่อ คือ…” คือ ผมวางแผนจะหนีครับ เพราะฉะนั้น อย่าโกรธเลยนะ… จะบ้าเรอะ! ใครเขาจะพูดกัน ถ้าขืนพูดออกไปมีหวังตายก่อนได้ผัวแน่ๆ ไอ้ฟ้าเอ๊ย!
“…”
“ผะ ผม อยากออกไปเดินเล่นรอบบ้านนะครับ แฮะๆ”
“…”
“คะ คือว่าผมอยู่แต่ในห้องแล้วมันเบื่อนี่น่า”
“…” ความเงียบยังคงเป็นผู้ชนะในเวลานี้หรือความจริงควรจะขอออกไปตรงๆ ดีวะ อย่างน้อยก็คงไม่เสี่ยงตายเร็ว ถ้าเขารู้ว่ามีคนคิดจะหนีอะ
“เดียวฉันจะพาชมบ้านเอง”
“เอ๊ะ ดะ เดียวนะ คาร์ตัน นั่นมันหน้าที่ฉันไม่ใช่หรือไง! อย่าลืมสิว่าฉันมีหน้าที่ดูแลซึมะนะ!!”
และแล้วความตึงเครียดกับบรรยากาศอึมครึมก็จางหายไปทันทีเพราะเสียงโวยวายของพี่ลิซ่า แล้วทุกคนก็เริ่มลงมือกินมื้อเช้าของตัวเองทันที และนั่นจึงทำให้นาซึมะต้องลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้