ตอนที่ 2 Family Bonovese
แฟมมิลี่โบโนเวส
“อ่า” เจ็บจัง นาซึมะพยายามลืมตาแล้วเรียกสติตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดให้กลับเข้าร่างพลางคิดทบทวนกับตัวเอง กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถ้าจำไม่ผิด เขากำลังเดินดูดช็อกโกแลตและคิดว่าจะเดินทางไปบ้านพักยังไงนี่ แล้วจู่ๆ ก็เห็นชายชุดดำ เอ๊ะ! แล้วเขาก็โดนยิง! ทำไมวันแรกที่มาถึง ต้องเจอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้ด้วยเนี่ย แถมยังเอาตัวเข้าไปรับลูกปืนแทนใครอีกก็ไม่รู้
“แล้วนี่มันที่ไหนล่ะเนี่ย หรือจะเป็นโรงพยาบาล” แล้วโรงพยาบาลที่ไหนไม่มีสายน้ำเกลือ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจล่ะวะ คิดพลางมองรอบตัวแล้วลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ก่อนความคิดหนึ่งจะวูบผ่านเข้ามาว่า มันเหมือนกับเป็นห้องของใครสักคนมากกว่า
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นดึงความสนใจของนาซึมะให้หันไปมอง ก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง ผมยาวเป็นลอนสีแดงขับให้ใบหน้าดูสวยขึ้น ตาโต จมูกโด่งรับกับใบหน้า กับปากที่อ้าค้างเป็นรูปตัวโอ ซึ่งทำให้ทั้งหมดที่ว่ามามันดูน่ารัก เหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต ดูเป็นคนร่าเริงได้ง่ายๆ
“ฟื้นแล้วเหรอหนุ่มน้อย อาการเป็นยังไงบ้างจ้ะ” เธอถามด้วยเสียงที่ร่าเริง ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตรงมานั่งลงข้างเตียงนอนสีฟ้า ซึ่งตัวเองก็พึ่งสังเกตเห็นเหมือนกัน
“ที่นี่ที่ไหนครับ แล้วทำไม..” ถามยังไม่ทันจบ เธอก็พูดกลับมาซะก่อนราวกับรู้ว่ากำลังจะถามอะไร
“ที่นี่คือ แฟมมิลี่โบโนเวส ส่วนทำไมมาอยู่ที่นี่นั่น เพราะมันง่ายต่อการดูแลนะ ว่าแต่หิวหรือยัง อยากกินอะไรหน่อยไหม เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วควรจะกินอะไรสักหน่อย จะได้กินยา แล้วพักผ่อน จะได้หายเร็วๆ” นาซึมะนั่งฟังเธอพูด พร้อมกับคำตอบที่มันดังโครกครากตอบแทนปากไป เลยกลายเป็นเรียกเสียงหัวเราะได้ซะงั้น น่าอายจริงๆ =///= ว่าแต่ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาที่นี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า แถมยังเกิดเรื่องขึ้นมาก่อนอีกเลยตอบตกลงออกไป
“งั้นรอสักแป๊บนะ อ้อ ฉันชื่อลิซ่า”
“อ้อ ครับ ผม นาซึมะ”
“งั้นฉันเรียกซึมะนะ ไปละเจอกันพรุ่งนี้ จุ๊บๆ” นาซึมะนั่งมองส่งคุณลิซ่าออกไปก่อนจะทิ้งตัวนอนลงอีกรอบอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะได้ไม่นอนทับแผล
เฮ้อ อยากรู้จังเลยแผลโดนยิงเนี่ย ใช้เวลากี่วันถึงจะหาย แหม ก็คนมันไม่เคยนี่ ว่าแต่ป่านนี้แล้ว แม่จะนอนหรือยังนะ นั่นสิยังไม่โทรบอกแม่เลยนี่ไม่รู้จะเป็นห่วงลูกชายอย่างเขาบ้างไหม
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ”
นาซึมะหันไปมองทางประตูก็พบกับเมดสาวน่ารักคนหนึ่ง เข้ามาพร้อมถาดอาหาร อ่า หอมชะมัดตอนนี้ไม่ว่าตรงหน้ามันคืออะไร ก็คงต้องกินก่อนแล้ว ก็คนมันหิวนี่! อะไรก็ไม่เกี่ยงหรอก
“ขอบคุณนะครับ เอ่อ..”
“ขอตัวก่อนนะคะ” เอิ่ม..กำลังจะถามว่าคนที่พาตัวเขามาเป็นใคร เพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามคุณลิซ่าเลย จะเป็นคนนั้นไหมนะที่ตัวเขาวิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปรับลูกปืนแทนอะ แต่ก็ต้องกลืนคำถามลงคอไปทันทีที่เมดคนนั้นหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป
อะไรวะเนี่ย!
เฮ้อ ช่างเถอะ กินก่อนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้ค่อยถามก็ยังไม่สาย แถมยังมีโอกาสโทรหาแม่ด้วย แล้วค่อยหาทางขอตัวกลับไปพักที่บ้านพักที่ซื้อเอาไว้สักที จะได้มีเวลาไปตามหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายด้วย
เวลาเดียวกันภายในห้องรับแขกของเหล่าบุคคลระดับหัวหน้าของแฟมมิลี่ ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งเงียบ สายตาจับจ้องไปที่ร่างสูงของคนเป็นบอส ที่ตอนนี้กำลังถือเอกสารบางอย่างอยู่ จนลิซ่าทนไม่ไหวเลยต้องเอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมา
“นายจะเอายังไงต่อกับหนุ่มน้อยคนนั้นอะคาร์ตัน เด็กน่ารักๆ อย่างนั้น ฉันไม่อยากให้จากที่นี้ไปเลยงะ” นั่นสินะ จะเอายังไงดี เท่าที่ให้ลูซไปตามสืบประวัติของเขามา มันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่จะให้ปล่อยไปตอนนี้ก็คงไม่ดี เพราะไม่ใช่นิสัยตัวเองซะด้วย
“ให้อยู่ที่นี่จนกว่าแผลจะหายก็พอ” คาร์ตันตอบตามที่คิด เพราะไม่อยากให้คนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นปัญหาคงจะตามหลังมาอีกมาก
“เรื่องที่ให้ตามเป็นยังไงบ้างโอเว่น” หันไปถามโอเว่นที่กำลังนอนเล่นที่โซฟาข้างๆ ทันที
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเลยวะ ว่าพวกมันรู้เรื่องการส่งของได้ยังไง กูว่านะมันจะต้องมีหนอนที่พยายามทำตัวเป็นเกลืออยู่ในแฟมมิลี่แน่ๆ”
“อืม แล้วเขาเป็นยังไงบ้างลิซ่า” คราวนี้หันไปถามลิซ่าต่อ เพราะให้เธอดูแลนาซึมะ แทนคนอื่น เพราะเธอว่างที่สุดแล้วในนี้
“ฟื้นแล้วละ แต่ก็ให้กินข้าวกินยาไปแล้ว คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ แต่เด็กอะไรน่ารักชะมัด หน้าหวานอย่างกับผู้หญิงแหนะ “พรุ่งนี้มีไปไหนบ้างลูซ”
“พรุ่งนี้มีนัดคุยกับวอเรนต์เกี่ยวกับของลอตใหม่ช่วงเช้าที่โรม ส่วนตอนบ่ายมีนัดเจรจาเรื่องซื้อขายท่าเรือ”
หลังจากที่เราคุยเรื่องสำคัญกันเสร็จแล้วเราก็ยังนั่งกันอยู่ตรงนั้น ราวๆ ครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อที่จะเตรียมตัวลุยงานกันต่อให้วันพรุ่งนี้ ส่วนคาร์ตันก็เดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนใจเดินกลับไปอีกทิศทางหนึ่ง ห้องที่จัดให้นาซึมะพักอยู่ชั่วคราว ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจ แต่ก็อยากไปดูอีกฝ่ายสักหน่อย
ภายในห้องที่มีแสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ในห้องไม่มืดจนเกินไป คาร์ตันปิดประตูเบาๆ เพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่รู้สึกตัว
พลางไล่สายตาไปตามใบหน้าที่ขาวเนียน คิ้วเรียงตัวสวย จมูกโด่งได้รูป รับกับริมฝีปากสีชมพูที่ปิดสนิท และโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของนาซึมะก็ใกล้สายตามากขึ้น
ใบหน้ายามหลับมันช่างน่ารักจริงๆ อย่างที่ลิซ่าบอก มันดึงดูดให้รู้สึกอยากที่จะสัมผัสคนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อท่อนแขนดันถูกคว้าแล้วกระชากเข้าหาตัว คาร์ตันจึงล้มลงไปบนเตียงอย่างไม่ตั้งใจ พยายามที่จะลุกออกมาก็ถูกกอดเอาไว้ซะแน่น
“งื้ม อย่าดิ้นสิเจ้าหมอนข้าง”
คาร์ตันขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยินนาซึมะพูดแต่กลับไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร พอขยับตัวหนีหรือจะลุกก็จะถูกแขนเล็กกอดแน่นกว่าเดิม ไหนจะขาที่พาดผ่านร่างของตัวเองไป
เอาเข้าไป ให้ตายสิ! คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มาห้องนี่! ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมานอนกอดตัวเองแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะไม่ชอบและคิดว่ามันน่าอึดอัด แม้แต่คู่นอนชั่วคราวที่แค่เสร็จก็แยกทางก็ยังไม่ได้อภิสิทธิ์ตรงนี้เลยนะ! ไม่มีหรอกที่จะให้มานอนกอดอย่างนี้
แต่ทว่า คาร์ตันกลับไม่สะบัดออก ดูท่าคืนนี้คงต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วค่อยรีบตื่นก่อนที่คนอื่นจะรู้ว่าไม่ได้นอนห้องตัวเอง พลางถอนหายใจให้กับความคิดก่อนหน้านี้
“เอาเถอะ คืนนี้ฉันจะยอมให้นายกอดในฐานะที่ช่วยฉันเอาไว้แล้วกัน” ใช่สำหรับคาร์ตันแล้วมีบุญคุณต้องตอบแทนเสมอ ว่าแต่กลิ่นกายหอมๆ นี่มันอะไร
คาร์ตันมองใบหน้าที่กำลังหลับพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ พลางก้มดมสูดกลิ่นกายหอมๆ ก่อนแตะจมูกลงที่ซอกคอขาวอย่างถือวิสาสะ และถือว่าอีกคนอนุญาตเพราะไม่ขัดคืนอะไร
“อื้อ คิกๆ” ชะงักกับเสียงครางอื้อ หวานๆ และเสียงหัวเราะที่แผ่วเบานั้น ว่าแต่ นี่มันกลิ่นอะไรทำไมถึงได้รู้สึกปลอดโปร่งอย่างนี้ แล้วคาร์ตันก็หลับไปพร้อมกับกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสบายใจในทันที
อืม สบายจังเลยแฮะ แต่เอ๊ะ? เดียวนี่มันอะไร มีเสียงตุ้บๆ ด้วย
เมื่อคืนนาซึมะฝันว่าได้นอนกอดหมอนข้างด้วยแหละ แต่ในความทรงจำก่อนนอนมันไม่มีหมอนข้างนี่ แล้วตอนนี้กำลังกอดอะไรอยู่ ได้แต่คิดแต่ก็ไม่ได้คำตอบ งั้นก็ลืมตามองเลยแล้วกัน!
เฮือก =O=!! นะ นี่เขา มานอนตรงนี้ได้ยังไงเนี่ย!!
“นะ นี่คุณ! โอ๊ย!” นาซึมะที่ดิ้นเพื่อออกจากอ้อมแขนของคนที่กอดมาทั้งคืน ก่อนผลักอีกฝ่ายออกแต่ก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงเนื่องจากเจ็บจี๊ดที่แผลขึ้นมาซะก่อน
นาซึมะรีบลุกขึ้นมานั่งทันทีโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาทีหลังเลยสักนิด ก่อนยกมือขึ้นกุมแผลที่ไหล่ซ้ายด้านหลัง ให้ตายสิ! แผลยังไม่ทันหายเลยนะ! แผลจะฉีกไหมเนี่ย
“อยู่นิ่งๆ ขอฉันดูหน่อย” นาซึมะหันไปมองหน้าเขาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที ทำไงได้ละครับ ขนาดเพื่อนที่สนิท ยังไม่เคยนอนกอดกับมันเลยนะ แล้วนี่ กับเขา อ่า
“อะ ดะ เดียวคุณ!” นาซึมะรีบคว้าจับมืออีกฝ่ายทันทีที่ทำท่าจะดึงเสื้อตัวเองออก แต่เขาก็ไม่สนใจ ปัดมือออกก่อนจะดึงเสื้อขึ้นเพื่อดูแผล แล้วเขาก็หันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยเมินเฉยต่อใบหน้าเอ๋อๆ ของตัวเองทันที
“ลิซ่า เอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ฉันที” นาซึมะรีบคว้าเสื้อมาใส่ก่อน แล้วกระเถิบถอยออกจากเขาที่ทำเพียงแค่เหลือบสายตามามอง
“อืม ห้องของนาซึมะ” ก่อนจะหันขวับไปมองทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากปาก จะว่าไป คนที่ตัวเขาแนะนำชื่อให้อีกฝ่ายรู้จักไปเมื่อวานก็มีเพียงคุณลิซ่านี่น่า แล้วคนคนนี้รู้ชื่อได้ยังไง ว่าแต่เขาคือใครละเนี่ย
“นี่คุณ ว่าแต่คุณเป็นใครแล้วเข้ามานอนห้องนี้ได้ยังไง ยะ อย่าบอกนะว่า!!” โอ้ ไม่นะ นี่โดนผู้ชายด้วยกัน
“นี่นาย คิดว่าฉันจะทำอะไรเหรอ”
“กะ คุณมานอนกอดผมทำไมล่ะ! ถ้าจำไม่ผิดผมนอนคนเดียวนะ! นี่คุณมาลักหลับผมเหรอเมื่อคืนนี้ ไม่จริงใช่ไหม นี่ผะ ผม” แย่แล้ว นะ นี่ตัวเขากำลังมีผัวเหรอ ยะ แย่แล้ว ทำไมตื่นเต้นงี้!
“หยุดคิดเพ้อเจ้อได้แล้ว!” งะ ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ด้วยเนี่ย! ชิ นาซึมะทิ้งตัวนอนหันหลังหนีซะเลย ต่อให้เจ็บแผลแค่ไหนก็เถอะ เพ้อเจ้อแล้วผิดหรือไงเล่า!
แล้วระหว่างเราสองคนก็เกิดความเงียบขึ้นมาทันที แต่นาซึมะก็สงสัยนะว่าเขาเป็นใคร แล้วมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง แล้วรู้จักกับคุณลิซ่าด้วยเหรอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปอยู่ดี เนื่องจากอีกฝ่ายนั่งเงียบอยู่
แอ๊ด
เสียงประตูที่เปิดเข้ามาดึงความสนใจทำให้นาซึมะเหลือบตาไปมองคนที่เข้ามาก่อนจะเห็นว่าเป็นคุณลิซ่า ก็รีบเด้งตัวขึ้นนั่งทันทีก่อนจะฉีกยิ้มกว้างไปให้
“มอนิ่งครับคุณลิซ่า”
“อุ๊ย น่ารักจังเลย มอนิ่งจ้ะซึมะ” นาซึมะฉีกยิ้มหวานก่อนจะเขยิบลุกไปนั่งตรงปลายเตียงโดยไม่สนใจคนที่ต่อว่าตัวเองไปโดยปริยาย
“เอ๊ะ คาร์ตัน นี่นายมาดูซึมะแต่เช้าเลยเหรอ ว่าแต่ให้ฉันเอาอุปกรณ์มาทำไม แล้วชุดนั่นมันดูคุ้นๆ นะ”