บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 เหตุไม่คาดฝัน

ประเทศไทย,กรุงเทพมหานคร

สนามบินสุวรรณภูมิ,09:00 น.

ชีวิตที่เอาแน่เอานอนอะไรกับหน้าที่การงานไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ค่า ที่ทำอะไรไม่เป็น มันถึงได้ทำให้ ยูซึโกะ นาซึมะ ต้องอยู่ที่แห่งนี้พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่อยู่ข้างกาย

อืม ยูซึโกะ นาซึมะ เป็นชื่อจริง ส่วนชื่อไทย คือ สายฟ้า ชื่อดูซะเท่ แต่เจ้าของชื่อดันมีปัญหากับการใช้ชีวิตซะได้ เฮ้อ เป็นชีวิตที่ไร้ค่าสิ้นดี คำพูดประโยคนี้ช่างเหมาะกับตัวเองในตอนนี้ซะจริง เพราะโตจนอายุ 24 แล้วยังไม่รู้เลยว่าชีวิต ต้องการอะไร ต้องเดินไปทางไหน หรือทำงานอะไรถึงจะเหมาะกับตัวเอง

ตอนนี้นาซึมะมีอาชีพเป็นนักเขียนอิสระซึ่งนิยายที่เขียนก็ใช่ว่าจะโดดเด่นหรือโด่งดังอะไร แค่มีคนสนใจและติดตามในช่วงแรกๆ เท่านั้น พอสมองตันอะไรๆ ก็ดูจะไม่สนุกเท่าช่วงแรก ช่วงหลังๆ เลยมักจะมีแต่ความเงียบกริบ ยิ่งกว่าป่าช้าหลังวัดซะอีก

จะว่าไปชีวิตคนเรานี่ก็ตลกดีเนอะ พ่อเป็นถึงท่านอัครราชฑูล ของญี่ปุ่น และแม่เป็นถึงเจ้าของร้านอาหารไทยที่ไม่ว่าใครก็ต่างชื่นชอบ จนมีลูกค้ารายใหญ่มาที่ร้านไม่ขาดสาย ซึ่งต่างกับเขา ที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่างเลย เข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารก็บ่อยนะครับ แต่พอลงมือทำเองโดยมีแม่เป็นครูสอน แต่ฝีมือก็ห่วยแตกอยู่ดี ชีวิต คิดแล้วเศร้า

นาซึมะก้มมองตั๋วในมือพลางถอนหายใจ ใช่ตอนนี้เขากำลังรอที่จะขึ้นเครื่อง เพื่อบินไปตามหาแรงบันดาลใจไกลถึงอิตาลี แล้วทำไมถึงต้องเป็นอิตาลี อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะความรู้สึกของตัวเองมันสั่งให้ไปที่นั้น ถึงแม้ว่าภาษาจะไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่ แต่ก็ยังพูดคุยกันรู้เรื่องอยู่ อย่าลืมสิว่าตัวเขาเองนั้นเป็นถึงลูกครึ่งญี่ปุ่นเชียวนะ มันก็ต้องได้บ้างแหละ แล้วสถานที่แรกที่จะไปนั้นคือ ลอมบาร์ดี เมืองหลวงของมิลาน ด้วยความที่เป็นลูกของอัครราชฑูลเลยทำให้รู้ว่า สถานที่ของราชการระหว่างไทยกับอิตาลีนั้นมีที่ไหนอยู่บ้างก็เลยต้องศึกษาก่อนไปนิดนึ่ง

“ฟ้าเดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงบ้านพักแล้วโทรกลับมาด้วยนะ”

“ครับแม่ ฟ้าถึงโน้นแล้วจะโทรกลับนะครับ” นาซึมะสวมกอดแม่ผู้เป็นที่รัก อย่างขอกำลังใจ ก่อนหอมแก้มไปอีกทีนึ่ง

“จ้ะ แล้วแม่จะรอนะลูก เอาละเสียเวลามาเยอะแล้ว แม่ต้องกลับร้านก่อนละ”

“ครับ ฟ้าจะโทรหาบ่อยๆ นะครับ”

“ลูกชายแม่น่ารักที่สุดเลย อ้อ เกือบลืม”

“อะไรครับแม่” นาซึมะมองแม่อย่างสงสัย ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอ่อนอกอ่อนใจเมื่อได้ยิน

“อย่าลืมสอยแฟนมาให้แม่สักคนนะ แม่อยากอุ้มหลานจะแย่แล้วเนี่ย”

“โธ่ แม่ครับ ผมพึ่งจะโสดได้ไม่นานเองนะ”

“ไม่รู้แหละ กลับมาคราวนี้ต้องได้กลับมาสักคนก็ยังดี ไม่ก็ทำให้ท้องก่อนแล้วค่อยพามาหาพ่อกับแม่ ฮ่าๆ” ส่ายหัวให้กับคนเป็นแม่อีกครั้งพลางโอดครวญในใจ

นาซึมะยืนมองส่งแม่ขึ้นรถก่อนจะหันกลับมาทางเดินข้างหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองตัวอักษรใหญ่โตที่เขียนว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แล้วก้าวเท้าเดินออกไปด้านหน้า อย่างไม่คิดลังเลใจอะไรอีกแล้วในตอนนี้ ซึ่งเป็นโชคดีที่พ่อกับแม่ ตกลงปลงใจที่จะซื้อบ้านพักเอาไว้ให้ ก่อนที่จะเดินทาง ซึ่งยอมรับว่ามันสะดวกสบายมาก ที่มีพ่อแม่พร้อมเปย์อย่างนี้

การเดินทางครั้งแรกของมันช่างทรมานจิตทรมานใจมากจริงๆ คุณเคยนั่งติดที่โดยที่ไม่ได้ลุกไปไหนมาไหนเกือบ12 ชั่วโมงไหม ว่ามันทรมานขนาดไหน เอาเป็นว่าจะมาสาธยายเรื่อง ชั้นสายการบินให้ฟัง คุณคงจะทราบคร่าวๆ กันอยู่แล้วว่าสายการบินนั้นมีกี่ชั้น งั้นเรามาทวนความจำกัน

สายการบินส่วนใหญ่จะมี 4 ระดับ แต่ละระดับก็จะมีแยกย่อยอีกเยอะ ซึ่งผมจะมาบอกเล่าแปดสิบให้ฟังเพื่อพวกคุณสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวผ่านสายการบิน ไอ้ที่สาธยายมานี้ ไม่ได้เงินพิเศษใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากความรู้

First class ชั้นพิเศษ ใครรวยหน่อยและต้องการความเป็นส่วนตัวต้องเลือก ชั้นนี้เลย รับรองได้ว่าไม่มีใครรบกวนแน่นอน ที่สำคัญสามารถนำสัมภาระติดตัวไปได้ด้วยแต่ไม่เกิน 40 กก. ต่อคน เช่น First Class Premium (ชั้นหนึ่งบริการพิเศษ) , First Class (ชั้นหนึ่ง) และ First Class Discounted (ชั้นหนึ่งราคาพิเศษ)

Business Class ชั้นธุรกิจ เป็นชั้นที่รองลงมาจากชั้น1เท่านั้นมีเพียงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ค่อยแตกต่างจากชั้น1เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังสามารถพากระเป๋าไปด้วยได้ แต่ไม่เกิน 30 กก. ต่อคน เช่น Business Class Premium (ชั้นธุรกิจบริการพิเศษ) , Business Class (ชั้นธุรกิจ) และ Business Class Discounted (ชั้นธุรกิจราคาพิเศษ)

Premium economy Class ชั้นประหยัดระดับพลีเมี่ยม ที่นั่งจะกว้างขวางเทียบเท่าชั้นธุรกิจ แต่ในด้านบริการนั้นจะเหมือนกับชั้นประหยัด ราคานั้นย่อมต้องแพงกว่าชั้นประหยัดแต่ก็ถูกกว่าชั้นธุรกิจ ซึ่งชั้นที่นั่งนี้จะไม่เปิดให้บริการในทุกเส้นทาง นอกจากจะมีการเดินทางระยะไกลเช่นไป ยุโรป หรือ อเมริกา

Economy Class ชั้นประหยัด มีจำนวนที่นั่งมากที่สุดแต่ทว่าไม่สามารถปรับนอนได้นั่นเอง สำหรับอาหารและเครื่องดื่มก็มีให้บริการฟรีแต่จะเป็นแบบธรรมดาทั่วไป สัมภาระที่นำติดตัวไปได้นั้น ต้องไม่เกิน 20 กก. ต่อคน เช่น Economy Class Premium (ชั้นประหยัดบริการพิเศษ) , Economy Class (ชั้นประหยัด) และ Economy Class Discounted (ชั้นประหยัดลดราคาพิเศษ)

และกระผม นาซึมะ ขอจบการบรรยายแต่เพียงเท่านี้ แฮ่ๆ ระหว่างที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเครื่อง ซึ่งดีหน่อยที่ได้ชั้น first class แต่การที่นั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้มันก็สามารถสร้างความเบื่อและเหนื่อยได้เหมือนกัน และในที่สุด การเดินทางอันแสนยาวนาน 12 ชั่วโมงก็จบลง

‘ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ในขณะนี้เครื่องกำลังลงจอด ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา ขอให้ท่านผู้โดยสารกรุณานั่งรัดเข็มขัดอยู่กับที่จนกว่าสัญญาณจะดับด้วยค่ะ’

เสียงประกาศของแอร์โฮสเตสดังขึ้น ซึ่งพอได้ยินอย่างนั้นนาซึมะก็ตื่นเต็มตาทันที พลางทำตามเสียงประกาศอย่างเคร่งครัด ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด

‘โปรดตรวจสอบสัมภาระและเอกสารการเดินทาง และสิ่งของต่างๆ ก่อนลงจากเครื่องด้วยค่ะ’

นาซึมะที่เช็คของและเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาลงจากเครื่องสักที เฮ้อ เหนื่อยชะมัด ขนาดที่นั่งเฉยๆ ยังเหนื่อยเลยคิดดูสิ อ่า รู้สึกอยากได้อะไรหวานๆ เย็นๆ มากระแทกปากให้มันรู้สึกสดชื่นขึ้นจังเลย ว่าแต่ว่า บ้านพักที่พ่อแม่เปย์ให้มันอยู่แถวไหนหว่า แล้วจะไปยังไงดีเนี่ย

ตอนแรกที่คิดไว้คือจะพักอยู่โรงแรม สักทีหนึ่ง แบบนั้นมันสะดวกกว่าเวลาจะออกไปเที่ยวต่างสถานที่อะไรงี้ แต่สุดท้ายด้วยมติที่เป็นเอกฉันท์ จากผู้เป็นพ่อแม่ ซึ่งคิดว่าลูกชายต้องมาอยู่ที่นี้นานเป็นเดือน เลยกลายเป็นว่า ซื้อบ้านไว้สักหลัง เพื่อเป็นบ้านพักต่างอากาศ ต่างสถานที่อะไรแบบนี้ เพื่ออนาคตอยากจะมาก็มา จะได้มีที่พักสะดวกไปอีกไง

นาซึมะเดินลากกระเป๋าไปตามทางเดินภายในสนามบิน ไปเรื่อยๆ ชิลๆ พร้อมด้วยเครื่องดื่มช็อกโกแลตเย็นๆ ในมือ แต่สายตาของนาซึมะก็ดันไปจ๊ะเอ๋กับอะไรบางอย่างเข้าซะก่อน

นาซึมะยืนมองชายชุดดำที่สวมแว่นตา ใส่ผ้าปิดปาก ราวกับกลัวว่าจะมีใครจำเขาได้ ในมือถือปืน พลางยกขึ้นเล็งไปที่ใครสักคน

นาซึมะที่มองตามสายตาไป ก็ไปปะทะเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์อย่างเร่งรีบอยู่นั้น โดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร ร่างกายก็ตอบสนองกลับไปในทันที เวลาเดียวกับที่คนชุดดำ เหนี่ยวไกยิงพอดีพอดิบ

“คุณ! ระวัง!!” นาซึมะที่ทิ้งแก้ว แล้ววิ่ง 4x100 ตรงไปทางชายคนนั้นพลางร้องตะโกน ก่อนจะเข้าไปผลักชายคนนั้นให้หลบไปให้พ้นทาง

ปัง!!

“บอส!!”

เสียงปืนที่ดังขึ้น พร้อมๆ กับร่างของนาซึมะที่ทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น โดยมีร่างสูงคนเมื่อครู่นี้รับร่างเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะมีกลุ่มชายชุดดำวิ่งเข้ามา แล้วยิงสวนกลับไป อะไรกัน มาถึงไม่ทันไร ก็เจอแจกพอตเลยแฮะ

“ไปตามจับตัวมันมาให้ได้!!”

ร่างสูงของคาร์ตันจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนที่มีเลือดไหลออกมาจากไหล่ซ้าย ไม่คิดว่า การที่ไปห้องน้ำโดยที่ไม่ให้ลูกน้องตามติดอย่างปกติ จะเกิดเหตุการณ์ลอบยิงเกิดขึ้นกลางสนามบินอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เขาเองก็มีเรื่องเร่งรีบที่ต้องทำเพราะทางแฟมมิลี่ รายงานมาว่า เกิดเหตุผิดปกติกับสินค้าที่ส่งออกไปเกิดรั่วไหลขึ้นมา จนทำให้เกิดปัญหา และปะทะกันกับแก๊งค์อริเข้า

คาร์ตันรีบอุ้มคนที่สลบไปในอ้อมแขนขึ้นก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องที่เหลือไปจัดการกับสัมภาระของคนในอ้อมแขนที่อยู่ไม่ไกลจากเราทั้งคู่ พลางก้าวขาไปขึ้นรถที่ลูกน้องมาจอดรอไว้อยู่ก่อนแล้วตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที

โรงพยาบาลนีกวาร์ดา, มิลาน

“โชคดีนะครับที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ แต่ยังไงก็ต้องให้คนไข้พักฟื้นอีกสักพักถึงจะกลับบ้านได้นะครับ”

คาร์ตันฟังหมอบอกอาการคนที่วิ่งเข้ามาขวางกระสุน เพื่อช่วยตัวเขา ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักกัน แถมยังเป็นแค่คนแปลกหน้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง

จากข้อมูลพาสปอร์ตที่ให้ลูกน้องนำมาให้ จึงทำให้ทราบว่า คนคนนี้ชื่อ นาซึมะ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น และพึ่งจะเดินทางมาถึงในวันนี้ และก็ทราบมาอีกด้วยว่า เขาไม่มีญาติหรือคนรู้จักที่อยู่ที่นี่เลยสักคน เลยทำให้คาร์ตันกลายไปญาติผู้ป่วยชั่วคราวไปโดยปริยาย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

หลังจากที่หมอออกไปแล้ว ลูกน้องคนสนิทพ่วงด้วยเพื่อนในวัยเด็กอย่างลูซก็ก้าวเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยทันที

“รู้ตัวคนร้ายไหม” ถามขึ้นขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างที่นอนหลับอย่างสนิท โดยที่ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาตอนไหน พลางคิดว่าจะเอายังไงกับคนคนนี้ดี

“เป็นคนของโควาเซ่ ส่งมา ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างขนส่งสินค้า คาดว่าน่าจะเป็นคนของโบนันวา ส่งเข้ามาก่อกวน” คาร์ตันนั่งฟังการรายงานของคนสนิท พลางตัดสินใจว่าจะพาเขากลับไปรักษาตัวต่อที่แฟมมิลี่ของตัวเองมันน่าจะง่ายต่อการดูแล และการทำงานของตัวเองด้วย

ถึงแม้หมอจะบอกว่า ควรให้ดูอาการอยู่ที่นี่สักพักก็เถอะ แต่เขาก็มีงานมีการที่ต้องทำเหมือนกัน ไม่ได้ว่างพอที่จะต้องมาเฝ้าคนป่วยอยู่ที่นี่หรอก

“ลูซ นายจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ฉันที และบอกทุกคนว่าเราจะมีประชุมกันทันทีที่ฉันกลับไปถึง”

“ได้ครับ มีอะไรอีกไหมครับบอส” เหลือบสายตาไปที่ร่างของนาซึมะที่กำลังหลับสบาย โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวก่อนจะเอ่ยต่อทำให้คิ้วของลูซต้องเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ

“บอกลิซ่าว่า ช่วยจัดห้องรับรองแขกไว้ให้ด้วย เราจะพาเขากลับไปดูแลต่อที่นั่น”

“ครับบอส”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel