บท
ตั้งค่า

CHAPTER 3

สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ

หลังจากทานอาหารเย็นกับคุณพ่อคุณแม่เสร็จแล้วฉันเดินตามพี่มิวะออกมาจากประตูบ้าน

เรื่องแต่งงาน...ดูคุณพ่อคุณแม่จะงงๆ เหมือนกัน

แล้วต้องยังไงต่อละเนี่ย?

“พี่เครียดไหมคะ? กดดันไหม? โกรธไหม?” ฉันถามพี่มิวะด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

“เรื่องอะไรครับ?”

“ก็เรื่องถูกจับให้แต่งงานไงคะ”

“น่ารักจังน้ามิกินี่” ใบหน้าคมคายอมยิ้มเมื่อลากสายตาคู่คมสง่างามมาที่ฉัน “มิกิก็น่ารักดีออก เรียนเก่ง เป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เหมือนพี่”

“อะไรกันคะ พี่ออกจะเพอร์เฟ็ค”

“มิกิไม่รู้หรอกครับ อาจจะมีหลายอย่างที่เด็กอย่างมิกิไม่รู้”

หือ? พี่หมายความว่าไง?

ฉันก็เห็นพี่มาตลอดนี่ ฉันเฝ้ามองเขาอยู่ตลอด ฉันเคยเห็นพี่คบกับผู้หญิงคนอื่นอยู่บ้างและสวยๆ ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ฉันไม่เห็นพี่คบกับใครเลยรีบสารภาพรักเพราะไม่อยากให้พี่ไปคบกับใครอีก

“อ้าว เดินออกมาเสียแล้วแทนที่จะคืนมิกิให้พ่อแม่ในบ้าน วันพุธแท้ๆ” พี่รู้อีกว่าถึงฉันจะอยู่หอแต่มักกลับมานอนบ้านพ่อแม่ทุกวันพุธ “ไหนๆ ก็ออกมาแล้วงั้นไปหาขนมกินกันไหม? พี่เลี้ยงเองครับ”

“ค่ะ”

ทุกครั้งที่ไปกับพี่ฉันไม่เคยต้องควักเงิน

ความรักมันเป็นอย่างไรนะ? บางทีฉันเห็นผู้ชายจูงมือกับผู้หญิงหรือนั่งข้างกันและไปไหนมาไหนด้วยกัน ฉันชอบเวลาที่เห็นผู้ชายกางร่มให้ผู้หญิงหรือพันผ้าพันคอให้ผู้หญิงเหมือนในซีรี่ส์

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ส่วนฉันมักมองไปที่พี่...

รู้ตัวอีกทีก็ละสายตาไปไม่ได้ซะแล้ว

ขณะที่เราไปกินกันอยู่ในร้านพี่มิวะถามขึ้น “ไง พี่เดาใจมิกิถูกไหม?”

คือว่าพี่พาฉันมาร้านบิงซูที่ฉันชอบที่สุด

“ถูกค่ะ” ฉันตอบและกินไปเยอะเลยในค่ำนี้ นึกสงสัยเหมือนกันว่าผู้หญิงที่สวยๆ เขากินดุเดือดจนเกล็ดน้ำแข็งติดแก้มแบบฉันหรือเปล่า

“กินเยอะๆ นะครับ” พี่เอียงคอมองฉันแล้วยิ้ม

นี่นะเหรอชีวิตแต่งงาน...?

“พี่คะ”

“ครับ?”

“มิกิแต่งงานกับพี่แล้วจริงๆ เหรอคะ?”

“ครับ เมื่อกี้พี่ไปสู่ขอแล้วนี่”

“แล้วพี่มีความสุขไหมคะ?” ที่ฉันถามเพราะไม่เคยมั่นใจ

“มีสิ” พี่ยิ้ม

“มากไหมคะ?”

“มากครับ”

“พี่รู้สึกถูกบังคับไหม?”

“ใครจะมาบังครับพี่ได้ล่ะครับ” ดวงตาคมคายของร่างสูงที่ดูสะอาดเนี้ยบอยู่เสมอยกจากบิงซูขึ้นจ้องมองฉัน “มีอะไรเหรอ?”

“ไม่รู้สิคะ ฉันรู้สึกเหมือนฉันบังคับพี่...” เสียงของฉันอ่อยและแผ่ว “มันเหมือนว่าไม่ได้มีการแต่งงานเกิดขึ้นทั้งที่พี่ก็อยู่ใกล้แค่นี้”

“แล้วการแต่งงานมันต้องเป็นแบบไหนล่ะครับ?”

“ไม่รู้สิคะ ฉันอาจจะยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจอะไรเลย อาจจะ...”

จู่ๆ พี่มิวะที่นั่งฝั่งตรงข้ามโน้มใบหน้ามาจูบฉัน ริมฝีปากของพี่อุ่นจนร้อนเมื่อทาบทับลงแนบสนิทกับริมฝีปากของฉัน

อึก...!?

จูบนั้นทั้งนุ่ม อบอุ่น ละมุนและร้อนนิดๆ

ตึกตัก...

หัวใจฉันเต้นแรงมากจนเหมือนจะระเบิด

ครั้นลืมตาอีกทีใบหน้าคมที่ฉันเฝ้ามองอยู่เสมอผ่านแว่นหนานั้นก็ผละออกไปแล้วอย่างอ้อยอิ่งทว่ายังลอยอยู่ชิด ดวงตาคู่นั้นดูงดงามและร้อนแรง “หมายถึงแบบนี้เหรอครับ...?”

“อ...เอ่อ...”

ฉันไม่รู้...

ฉันไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร...

ทว่าเวลานี้ดวงตาคมคายนั้นดูเปลี่ยนไป “เพราะมิกิเป็นคุณหนูของพี่นะครับพี่ถึงทะนุถนอมแบบนี้”

ดวงตาของร่างสูงสง่าจ้องมองตรงมาที่ฉัน รอบข้างพลันเงียบและร่างของฉันรู้สึกร้อนวูบวาบเพราะจูบแรกในชีวิต นัยน์ตาคู่หล่อเหลานั้นที่ทุกคราดูสีอ่อนสดใสเมื่อกี้กลับดูเข้มขึ้นอีกหลายเฉด

ฉันเคลื่อนมือแตะริมฝีปากตัวเองที่รู้สึกชายิบๆ รู้สึกตัวเองช่างไร้เดียงสากับจูบของพี่

ดวงตาของเขาทาบมองริมฝีปากของฉันนิดหนึ่งก่อนจะยกยิ้มสบายๆ ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น “กินหมดแล้วก็กลับบ้านกันนะครับ เด็กดีจะได้ไม่นอนดึก”

พี่มิวะขับรถพาฉันมาส่งที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ ระหว่างรถแล่นเขาคุยเรื่องสัพเพเหระที่น่าตื่นเต้นและฟังสนุก ทุกเรื่องที่พี่เล่าดูเป็นเรื่องพิเศษแม้จะเป็นเรื่องธรรมดา

เขาช่างเป็นผู้ชายที่พูดทุกเรื่องได้น่าฟังจริงๆ

ฉันชอบที่ได้อยู่ใกล้ๆ พี่

ชอบมาก

ถึงบ้านพ่อแม่แล้ว แย่จัง ทำไมถึงบ้านเร็วอย่างนี้

“ตั้งใจเรียนและนอนเยอะๆ นะครับ” รุ่นพี่เคลื่อนมือใหญ่มาลูบเส้นผมของฉันราวกับฉันเป็นเด็กน้อยหรือลูกแมวตัวเล็ก

หากแต่คำพูดนั้น...เขาพูดเหมือนกับฉันเป็นเด็กที่ยังไม่โตยังไงยังงั้นทั้งที่ฉันโตแล้วและพร้อมจะมีความรักแล้วไม่ใช่เหรอ...?

“ฝันดีครับมิกิ”

วันต่อมา

เมื่อคืนเหมือนฝันไปเลย พี่มิวะจูบฉันด้วย

รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซินเดอเรลล่า

ฉันคงเป็นคนรักของพี่แล้วจริงๆ ไม่แค่คนรักแต่แต่งงานกับพี่ด้วยแล้วต่างหาก

เมื่อมาถึงห้องน้ำของวิทยาลัยฉันส่องกระจกบานเดิมและพบเงาสะท้อนของน้องแว่นคนเดิม...เด็กเนิร์ดไร้เสน่ห์ที่ไม่ดูตัวเองและกล้าขอแต่งงานกับรุ่นพี่ผู้ไร้ที่ติ

ฉันถอนหายใจแรงก่อนเดินออกไปนอกห้องน้ำ จากนั้นฉันล้วงมือลงในกระเป๋าเพื่อหยิบแว่นมาสวมกลับบนจมูกเหมือนทุกที ที่ฉันถอดแว่นชั่วคราวเมื่อกี้ก็เพราะต้องล้างหน้า

“อ๊ะ”

กึก

จู่ๆ ฉันเดินชนใครเข้าไม่รู้ ด้วยความที่ไม่ได้ใส่แว่นเลยมองไม่ชัด แว่นหลุดจากมือฉันลงไปบนพื้นทำให้ต้องนั่งลงควานหา

อยู่ไหนล่ะ ไม่เจอสักที

ไม่นะ ไม่มีแว่นแบบนี้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย

“นี่ครับ” มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นและมือหนึ่งที่ยื่นมาพร้อมกับแว่นที่ถูกวางลงบนมือฉัน

ฉันใส่แว่นก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่มิวะที่เก็บแว่นให้ฉัน

เมื่อพี่เห็นว่าฉันเห็นชัดเหมือนทุกทีแล้วเขาก็ยิ้มให้ “สวัสดีครับมิกิ”

อึก

“เอ่อ...”

เมื่อคืน...พี่จูบฉันจริงเหรอ?

จูบเมื่อคืนเป็นเพราะพี่เขาเกรงใจฉันหรือเปล่านะ? ฉันรู้สึกผิดที่กดดันพี่เขา ชายที่เพอร์เฟ็คและสุดเท่อย่างเขาจะมาชอบเด็กกะโปโลอย่างฉันได้อย่างไร

“กระโปรงเปื้อนนิดนึงนะครับ” พี่เอี้ยวตัวลงดูกระโปรงของฉัน ดูเหมือนมันจะเปื้อนตอนที่ฉันนั่งลงเก็บแว่น “มาครับ พี่จะช่วยปัดให้”

“ฮายมิวะ”

ก่อนพี่จะทันปัดกระโปรงฉันรุ่นพี่ผู้หญิงสองสามคนเรียกเขา ทุกคนใส่กระโปรงที่สั้นกว่าฉันและดูฟิต จะว่าไปมันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดหรอกแต่ดูดีและต่างจากกระโปรงฉันที่ดูเชยทั้งที่เป็นยูนิฟอร์มเดียวกัน

“พวกเราตามหานายอยู่เลยท่านประธาน” พวกรุ่นพี่ผู้หญิงพูดกับเขา “ตอนนี้ประชุมชมรมเริ่มแล้วนะ”

“รู้แล้ว ขอช่วยน้องก่อน” พี่ตอบพลางปัดๆๆ กระโปรงของฉัน

“นี่ใครเหรอ?” พวกพี่ผู้หญิงถามถึงฉัน

“ภรรยา” พี่ตอบ

“ว่าไงนะ?”

“เป็นรุ่นน้องชื่อมิกิ” พี่อธิบายเพิ่มให้พี่ผู้หญิงพวกนั้น

พวกพี่ผู้หญิงอ้าปากค้างไปสามวินาทีก่อนพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ก็น่าเอ็นดูดีนะ คิกๆ”

ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’

หรือไม่พวกเขาก็ได้ยินผ่านหูแต่ไม่ได้ฟังให้ฝังเข้าไปในความคิด...คงเป็นแบบนั้น

จากนั้นพวกพี่ผู้หญิงจึงพากันดึงแขนรุ่นพี่มิวะห่างออกไปจากฉัน “ไปกันได้แล้วน่า”

พี่ดูลังเลเหมือนยังอยากจะช่วยปัดกระโปรงให้ฉันต่อเพราะเปื้อนเยอะเหมือนกัน

“พี่ไปเหอะค่ะ ฉันเองก็ต้องรีบไปแล้ว” ฉันบอกพี่มิวะให้เขาสบายใจก่อนที่ฉันจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้น

ฉันดูไม่มีเสน่ห์จริงๆ และไม่เหมาะกับพี่เลย ดูสายตาของพี่ผู้หญิงพวกนั้นที่มองตามฉันมาสิ พวกเขาเหมือนจะพูดว่า “ภรรยางั้นเหรอ? เราคงหูเพี้ยนฟังผิดไปน่ะ” และ “มิวะไม่ได้พูดอะไรเป็นไปไม่ได้แบบนั้นหรอก”

ฉันเป็นแค่เด็กเนิร์ดที่ไม่ได้ดูน่ารัก ไม่มีอะไรโดดเด่นหรือดูดีสักนิด

ทำไมชีวิตฉันถึงได้เป็นอย่างนี้...!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel