CHAPTER 2
แค่เข้าใจผิดหรือเปล่านะ?
รุ่งเช้าที่วิทยาลัย
“มิกิทำไมดูง่วงๆ อ่านหนักสือดึกอีกแล้วเหรอ?” เพื่อนหญิงชื่อลิลลี่ทักฉันด้วยคำถามและคอที่เอียงด้วยความสงสัย
ลิลลี่เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน
“ฉันดูโทรมขนาดนั้นจริงดิลิลลี่?”
“ยิ่งกว่าคุณยายหมีแพนด้าอีก”
ฮือ...ฉันเกลียดคนพูดตรง
“ฉันคิดเรื่องอื่น ไม่ได้อ่านหนังสือหรอก” ฉันตอบถึงสาเหตุที่ทำให้ตาของฉันคล้ำแบบนี้ ที่ฉันไม่ได้นอนเพราะฉันมัวแต่คิดเรื่องการขอแต่งงานกับรุ่นพี่มิวะและคำตอบของเขาทั้งคืนเลยนะสิ
“ไม่ได้อ่านหนังสือโต้รุ่ง? งั้นคงจะวางแผนที่ลึกซึ้งเกี่ยวชีวิตมนุษย์และโลกนี้อยู่สินะ หรือไม่เธอก็คงคิดทฤษฏีใหม่ขึ้นมาประดับในโลกนี้ ก็เด็กอัจฉริยะอย่างมิกิไม่ต้องอ่านหนังสือก็สอบได้นี่ ขอแลกสมองด้วยหน่อยสิ” ลิลลี่กรีดยิ้ม
แต่...
อึก หน้าตาน่ากลัวเหมือนจะดึงหัวกันออกมาเลย
“ฉะ...ฉันจะไปล้างหน้าแก้ง่วงหน่อยนะลิลลี่”
ซู่...
ฉันเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าตัวเองในห้องน้ำหญิงของวิทยาลัยอันดับหนึ่งแห่งโตเกียวแห่งนี้ก่อนลากสายตามองตรงไปข้างหน้าหนึ่งฟุต
ภายในเงาสะท้อนของกระจกปรากฏใบหน้าหญิงแว่นหนึ่งคนที่ชื่อมิกิ
สายตาสั้น เส้นผมยุ่งเหยิง...ไม่เคยจัดมันเข้าทรงได้เสียที
‘กระเซอะกระเซิง’ อาจเป็นคำพูดที่ตรงกับลักษณะของฉัน ส่วนคำที่ตรงกว่านั้นก็คือ “เด็กเนิร์ด” คนทั่วไปเรียกฉันแบบนี้ตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอยและจากตึกบนสุดชั้นสิบสองจนถึงชั้นได้ดิน
ขาของฉันก็ไม่ได้ยาวมากหรือเรียกได้ว่าดูเพรียว
ฉันไม่ใช่คนสวยหรือโดดเด่นและว่าที่จริงตรงกันข้ามกับสองคำนี้ด้วยซ้ำ
“สวัสดีจ้ามิกิ คิกๆ” ฉันถูกทักด้วยรอยยิ้มเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ บางทีเพื่อนๆ ก็ทักฉันเหมือนเอ็นดูในความเนิร์ดที่มี ฉันคิดว่าพวกเขาเห็นว่าฉันดูน่าขำนิดๆ
ทั้งน่าขำและน่าเอ็นดู...นั่นล่ะคือเด็กเนิร์ดที่ชื่อมิกิ ที่ฉันไม่ถูกคนทั้งเมืองบุลลี่หรือแกล้งแรงๆ ก็เพราะมีสิ่งหนึ่งที่ช่วยฉันไว้นั่นคือความสมองดี
“มิกิจ๊ะโบว์เธอหลุดแหละ ทำไมไม่ค่อยดูแลเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดีเลยน้า” ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งจากกลุ่มที่ทักฉันเมื่อกี้เดินมาช่วยผูกโบว์ให้ฉัน “แต่ก็นะ...เด็กเรียนก็คงเป็นแบบนี้ จะว่าไปที่เธอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแหละ จะมาเอาแต่แต่งตัวเหมือนพวกฉันแต่เกรดต้องเอาไปฝังดินซ่อนพ่อแม่นี่แย่กว่าอีก”
“ใช่ๆ ว่างๆ อาทิตย์หน้าฉันขอนัดมิกิมาสอนวิชาไบโอให้ฉันหน่อยน้า”
เมื่อเพื่อนๆ เดินยิ้มผ่านหน้าไปแล้วฉันจึงระบายลมหายใจยาวยืดออกมา
เนิร์ดแบบนี้น่ะเหรอกล้าขอแต่งงานกับพี่มิวะคนนั้น
แต่ก็ขอไปแล้วเนี่ยสิ…ช่างกล้า ไม่ส่องกระจกดูตัวเองที่ไม่มีอะไรเด่นเลย ฉันน่ะเหมือนก้อนกรวดหรือก้อนหินเมื่อเทียบกับพี่มิวะที่ราวกับแสงสว่างที่สองมายังโลกนี้
ทันใดนั้นแสงสว่างจากที่หนึ่งเหมือนจะแยงเข้ามาทางหางตาของฉัน
อากาศและเวลาเหมือนหยุดนิ่งเมื่อฉันมองห่างออกไปสิบสองเมตรสามสิบเซ็นต์แล้วเห็นพี่มิวะอยู่ริมสนาม ร่างสูงยกมือที่ดูสง่างามทักทายฉันพร้อมรอยยิ้ม
รุ่นพี่มิวะโดดเด่น เจิดจ้าและราวกับดวงอาทิตย์สำหรับทุกคนที่ได้พบเห็น เขาเป็นที่รักและเทิดทูนบูชาเป็นอย่างยิ่ง
ฉันยิ้มตอบก่อนที่พี่เขาจะเดินผ่านไปและทิ้งให้ฉันยิ้มต่ออยู่คนเดียว
“เป็นน้องสาวของพี่เค้าเหมือนมิกินี่ดีจังน้า ไม่ต้องสวดเริ่ดอย่างพวกเราก็เลยอยู่ข้างๆ รุ่นพี่ได้” จู่ๆ ลิลลี่พูดขึ้นด้วยเสียงน่าขนลุกข้างตัวจนทำเอาฉันสะดุ้ง
“ลิลลี่!” ฉันตกใจหมดเลย “มาทำอะไรที่นี่?”
“ก็มาเข้าห้องน้ำไง ฉันก็ต้องมีธุระกับห้องน้ำบ้างสิ”
“อ่อ”
คำพูดลิลลี่ที่บอกว่า ‘เพราะฉันเป็นน้องของพี่มิวะพวกเราเลยอยู่ข้างๆ รุ่นพี่ได้’ มันมีความหมายที่ต้องอธิบายอยู่
‘พวกเรา’ หมายถึงฉัน ลิลลี่และเพื่อนผู้หญิงอีกสองสามคนที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน
ส่วน ‘เป็นน้อง’ หมายถึงการที่ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่มิวะ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเห็นพี่มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ
ดังนั้นที่บอกว่า ‘เพราะเป็นน้องพวกเราเลยได้อยู่ใกล้ๆ รุ่นพี่’ ก็หมายถึงในเมื่อฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เค้า...พี่จึงมักดีกับฉันหรือแม้แต่ซื้อขนมให้ฉันและเพื่อนๆ พร้อมกันถ้าพี่มิวะเห็นพวกเราเข้า
ยิ่งกว่านั้นพี่เขายังเทคแคร์ดูแลพวกเราเป็นบางเวลาถ้าไม่ได้ติดธุระอะไร
รุ่นพี่มิวะน่ะราวกับเจ้าชายที่สูงส่งและแสนดี...สง่างามราวกับพี่เป็นท้องฟ้าในขณะที่ฉันเหมือนเป็นหุบเหวมืดหม่น
“สวัสดีมิวะ” ไกลออกไปฉันได้ยินเสียงผู้หญิงทักพี่เค้าเต็มเลย แค่เพื่อนๆ ของพี่ก็แต่งตัวสวยและดูดีกันสุดๆ ต่างกับฉันลิบลับ
เพราะงั้น...สงสัยเรื่องการที่พี่มิวะตอบตกลงแต่งงานกับฉันเมื่อวานน่าจะเป็นเรื่องพูดเล่นหรือเรื่องเข้าใจผิดละมั้ง
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่
“จะกลับบ้านแล้วเหรอครับมิกิ?” เสียงทุ้มนุ่มลึกน่าฟังทักฉันขึ้นหลังเลิกเรียน นั่นเป็นเสียงของรุ่นพี่มิวะที่ผ่านมาเห็นฉันเข้าพอดี “มาครับพี่ไปส่ง”
วันนี้รุ่นพี่ขับรถมาเรียนเขาเลยให้ฉันนั่งกลับมาด้วยเพราะที่พักของเราอยู่ห่างกันไม่มาก
แล้วก็เหมือนทุกวันที่พี่จะพูดเรื่องทั่วไป รถติด ฝนตก แมวน่ารัก...
ทุกอย่างเหมือนปกติและไม่ได้เหมือนว่าเราตกลงแต่งงานกันแล้วเมื่อวานนี้
“พี่คะ”
“ครับ?”
“เราแต่งงานกันแล้วเหรอคะ?” ฉันจึงต้องถามรุ่นพี่ให้แน่ใจ
“ครับ ใช่ครับ”
“แต่มันไม่เหมือนเลยนี่ พี่พูดเล่นใช่ไหมคะ?”
“เปล่านะครับ” รถหยุดไฟแดงพอดีใบหน้าไร้ที่ติเลยหันมามองหน้าฉันด้วยดวงตาสีอ่อนสว่างที่ดูงดงาม
“แล้วทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยล่ะคะ?”
ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าการแต่งงานมันคืออะไรและต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนการแต่งงานบ้าง อย่างน้อยมันก็น่าจะมีอะไรพิเศษหรือเปล่า? ชุดเจ้าสาวเหรอ? งานเลี้ยง? การจดทะเบียน...?
ไม่รู้สิ
“ฉันไม่เห็นรู้สึกเหมือนแต่งงานกับพี่แล้วเลย” ฉันพึมพำ
“แต่เราแต่งงานกันแล้วจริงๆ นะครับ ไม่เชื่อพี่เหรอ? งั้นมานี่”
พี่มิวะขับรถมาจอดหน้าบ้านพ่อแม่ของฉัน ทุกวันนี้ฉันไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่นี่แต่อยู่หอพักเพราะใกล้ที่เรียนมากกว่า หลังจากรถจอดสนิทร่างสูงเปิดประตูให้ฉันลงและเดินจูงมือฉันเข้าไปในบ้าน
ฉันมาที่บ้านพ่อแม่อาทิตย์ละหนึ่งถึงสองครั้ง
“อ้าวมิวะลมอะไรหอบมาจ๊ะ? หล่อขึ้นอีกแล้วนะเรา น่ารักน่าหยิกอะไรอย่างนี้” คุณแม่ที่มาเปิดประตูหลังจากเสียงกริ่งทักพี่มิวะด้วยรอยยิ้ม “หลานชายตระกูลเรารูปร่างหน้าตาดีจริงๆ เลย น่าส่งไปเป็นนายแบบให้หมด”
“แต่หลานผู้หญิงก็จะเตี้ยหน่อยอ่ะเนอะ” คุณป้าซาโตโกะพี่สาวของแม่ฉันร้องแซวออกมาจากในบ้าน มันไม่เชิงเป็นการบุลลี่แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตด้วยความเอ็นดูมากกว่า คุณป้าชอบมาเที่ยวหาแม่ของฉันบ่อยๆ
ฉึก คำพูดของคุณป้าจี้ใจดำฉันพอดี
“น่ารักออก นั่นเป็นคำชมนะจ๊ะหนูมิกิ” ป้ายิ้มให้ฉันเพราะเห็นว่าฉันทำหน้าหดหู่ “ป้าว่าหนูมิกิน่ารักเหมือนตุ๊กตาไม่มีผิด นี่เปลี่ยนแว่นหนาขึ้นอีกแล้วเหรอ? ขยันจังน้า เก่งๆๆๆ”
ความรักดูจะเป็นเรื่องห่างไกลเด็กเรียนที่ดูเนิร์ดอย่างฉันจริงๆ ฉันไม่ใช่คนสวยที่ดูคู่ควรกับพี่มิวะสักนิด
“มิวะมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะลมถึงได้หอบมาถึงที่นี่?” คุณแม่จูงมือพี่มิวะเข้าบ้านราวกับเขาเป็นลูกของแม่แทนที่จะเป็นฉัน
“น้องมิกิบอกว่าอยากแต่งงานกับผมครับ” พี่ตอบพร้อมนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก “ผมก็เลยตกลงครับ ไม่ทราบว่าทางคุณป้ากับคุณลุงจะรังเกียจไหม”
คุณแม่และคุณป้าอ้าปากค้างไปสามวินาที คุณพ่อที่กำลังเดินจากบันไดลงมาก็หยุดยืนขาเดียวคาบันได กล่องที่แบกมาด้วยหลุดมือกลิ้งลงจากบันไดดังตุบๆๆ
จากนั้นคุณแม่ยิ้ม “ว้าย...มิวะจะตามใจมิกิไปถึงไหนจ๊ะ น้องโตแล้วไม่ต้องตามใจให้เสียคนหรอก เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญเพราะงั้นเลือกผู้หญิงที่มิวะชอบจริงๆ ดีกว่า”
อึก
นี่แม่หาว่าฉันเอาแต่ใจเหมือนสมัยเด็กและบังคับพี่??
“ผมตกลงกับน้องแล้วครับ ผมขอแต่งงานกับมิกินะครับ” พี่ลูบหัวฉัน...ทำเหมือนเป็นพี่ชายของฉันส่วนฉันเป็นน้องสาวอย่างไรอย่างนั้น “งั้น...ถือว่าขออนุญาตและขอรับมิกิมาเป็นภรรยาแล้วนะครับ”
คุณแม่ “จ้า”