CHAPTER 1
แต่งงาน
“แต่งงานกับฉันเถอะค่ะ!” ฉันพูดออกไปด้วยเสียงอันดังและหัวใจที่เต้นแรง
ตึกตัก...
ตึกตัก...
รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
“ว่าไงนะ?”
คำถามที่ย้อนกลับมาแบบนั้น...
นั่นไง โดนปฏิเสธแน่ ฮือ...
ก็ฉันเล่นไปขอแต่งงานกับรุ่นพี่นิชิซากิ มิวะที่เท่ขนาดนั้นหนำซ้ำยังเป็นสมบัติล้ำค่าของวิทยาลัย ฉันมันไม่เจียมที่ไปขอแต่งงานกับชายผู้แสนจะสูงส่งคนนั้น
“แต่มิกิยังไม่ได้ขอพี่เป็นแฟนเลยนะครับ ขอครั้งแรกนี่จะขอแต่งงานเลยเหรอ?”
ฉันจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะหรือเปล่านะ...ถูกหัวเราะเยาะเหมือนทุกที...
“ชะ...ใช่ค่ะ” ฉันตอบเสียงดังและหลับตาปี๋
ฉันน่ะจีบผู้ชายไม่เป็นเอาเสียเลยหนำซ้ำไม่รู้จักเรื่องความรักหรือเรื่องผู้ชายผู้หญิงอะไรทั้งนั้น ช่างอ่อนต่อโลกจัง
“แน่ใจนะครับที่ถามแบบนี้?”
ฉันคงถูกหาว่าบ้าและถูกปฏิเสธแน่
“ได้ครับ” แต่นั่นคือคำตอบของรุ่นพี่มิวะ
“หา?”
จริงดิ!?
เป็นไปไม่ได้
คือนี่มันหลุดโลกมาก
อีกอย่างที่นี่น่ะมันหน้าร้านไอศกรีมข้างมหาวิทยาลัยที่มีคนเดินและรถผ่านไปมาเรื่อยๆ
ฉันขอรีเพลย์สักเล็กน้อย เมื่อไม่กี่นาทีสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็คือ...
‘พี่คะ...’ ฉันรีบเดินตามรุ่นพี่มิวะออกมาจากวิทยาลัย พี่เขาขายาวมากฉันเลยต้องสปีด ‘พี่มิ....’
กึก
ริมฝีปากของฉันแทบจะจูบกับแผ่นหลังในเชิ้ตสีขาวสะอาดของรุ่นพี่เอาดื้อๆ ก็ร่างสูงข้างหน้าเล่นหยุดกะทันหันแบบไม่ให้สัญญาณนี่
‘หือ? มิกิมีอะไรเหรอครับ?’ เมื่อรุ่นพี่หันมาเห็นฉันก็ถามด้วยรอยยิ้ม
‘ฉะ...ฉัน...’
‘สบายดี?’
พอฉันตอบช้าก็ถูกเขาถามแทรกซะอีก ‘ดีค่ะดี คือ...’
‘อยากได้ไอศครีมซักโคนไหมครับ? มาครับพี่สั่งให้’
‘เอ่อ...’
‘ป้าครับขอสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กครับ’ พี่หันไปสั่งไอศครีมแม้ค้า
งือ...เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้พูดเลย
‘ได้แล้วครับ เห? ทำไมทำหน้างั้น? ไม่ชอบรสนี้แล้วเหรอครับหรือว่าโกรธอะไรพี่หรือเปล่าเอ่ย?’
ก็พี่ไม่ฟังฉันพูดเลยนี่...
‘แต่งงานกับฉันเถอะค่ะ!’ ฉันจะพูดช้าอีกไม่ได้เพราะเดี๋ยวโดนถามแทรกอีกหรือไม่ก็ถูกคนอื่นแย่งพี่มิวะไปอีก
ก็นั่นล่ะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ในมือของฉันตอนนี้ก็ยังถือไอติมที่พี่ซื้อให้
‘ได้ครับ’ แล้วพี่ก็ตอบกลับมาอย่างนั้น
ฉันชะงักงันด้วยความตกตะลึงก่อนจะโพล่งออกไปเสียงดัง ‘เป็นไปไม่ได้!”
“อะไรไม่ได้ครับ? ไอศกรีมเหรอ? ก็นี่ไงครับได้แล้วนี่ พี่จ่ายให้แล้วครับเพราะงั้นมิกิกินได้เลยตามสบาย” เรียวนิ้วที่ดูราวกับเรียวนิ้วของเจ้าชายผู้สง่างามชี้ไอศกรีมในมือฉัน
ที่รุ่นพี่มิวะสั่งรสนี้ก็แสดงว่าพี่รู้ใจฉันเพราะมันเป็นรสที่ฉันชอบที่สุดมาพักใหญ่แล้ว
ทันใดนั้นมีลูกค้าผู้หญิงสองสามคนมาถามหาไอศกรีมรสป๊อปปูล่าร์รสเดียวกับที่พี่สั่งให้ฉันหลังจากนั้น “ป้าไอติมคะ มีไอติมรสสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กไหมคะ?”
ป้าโบกมือปฏิเสธ “หมดแล้วจ้ะ เพิ่งตักให้น้องแว่นเมื่อกี้เลยเกลี้ยงแล้ว”
น้องแว่น...
“ดีนะครับเนี่ยที่พี่สั่งให้ก่อน เกือบอดกินแล้วไหมล่ะ มิกิชอบรสนี้มากไม่ใช่เหรอ?” รุ่นพี่มิวะส่งยิ้มราวกับเจ้าชายผู้แสนอ่อนโยนมาอีก ทว่ามันเป็นอีกครั้งที่บทสนทนาที่จำเป็นกว่านั้นถูกทำให้เฉออกไป
...เรื่องการแต่งงานของฉันกับพี่...
“เย็นแล้วนี่นะ มิกิจะกลับบ้านกับพี่ไหมครับหรือว่าติดงานอะไร?”
“อะ...เอ้อ...กลับค่ะ”
ระหว่างทางเดินกลับที่พักฉันกับพี่มิวะคุยกันเรื่องสัพเพเหระ รุ่นพี่มิวะมักชวนฉันคุยสนุกเพราะเขาเป็นคนอารมณ์ดี
คุยเรื่องแมวน่ารัก หมามอมแมม อากาศดี...
เวลาข้ามถนนพี่ก็แทบจะจูงฉันข้ามเหมือนฉันเป็นเด็กไม่รู้ประสา “เดินดีๆ ครับ มานี่”
กระเป๋าของฉันพี่ก็แบกให้อีก
‘มันไม่ใช่การตอบรับเรื่องการแต่งงานหรอก มันเป็นแค่เรื่องซื้อไอติมนะมิกิ...’ ฉันบอกตัวเองทุกก้าวที่เดินไป
สาเหตุที่ต้องบอกอย่างนั้นก็เพราะหลังจากมาคิดดูดีๆ แล้วการขอแต่งงานของฉันมันเกิดขึ้นหน้าร้านไอศครีมนี่
บางทีที่รุ่นพี่รับปากว่า ‘ได้ครับ’ อาจจะหมายถึงการตกลงซื้อไอศครีมให้ฉันหรือการคุยกับฉันไปด้วยคุยกับแม่ค้าไปด้วยอะไรงี้
เช่น ‘ได้ครับ’ นั้นประโยคเต็มของมันคือ ‘ได้ครับ พี่จะเลี้ยงไอศครีม’
เป็นไปได้เก้าสิบเก้าจุดเจ็ดสามสี่หกแปดเปอร์เซ็นต์ว่าพี่เขาฟังผิดแล้วนึกว่าฉันขอเขาให้ซื้อของกินให้เหมือนที่สมัยเด็กทำอยู่เป็นประจำ ขนาดขึ้น ม.ปลายแล้วฉันยังขอพี่มิวะซื้อขนมให้อยู่เลยให้ตายสิ
ถึงงั้นก็เหอะตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาสาวระดับมหาวิทยาลัยแล้วนะ
“ถึงหอมิกิแล้ว บ๊ายบายครับ” พี่ยกมือลา
เห? ถึงหอของฉันแล้วเหรอ? ทำไมมันเร็วแบบนี้เหมือนเพิ่งผ่านไปวินาทีเดียว??
ไม่ดีเลย ฉันไม่อยากให้เวลาอยู่กับพี่จบลง
“อะ...เอ๊ยเดี๋ยวสิ” ฉันดึงแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดของร่างสูงก่อนที่เขาจะเดินห่างออกไป
“อะไรครับหืม?” พี่มิวะส่งยิ้มน่ามองเป็นที่สุดให้ฉันอีก
“ฉะ...ฉันขอพี่แต่งงานไปนะคะ แล้วตกลงว่า... “
“ก็โอเคครับ”
“พี่ได้ยินจริงเหรอ?”
“ครับ ได้ยิน” ริมฝีปากที่น่ามองอย่างที่สุดนั้นยิ้มอบอุ่นอีก อ่า...ฉันเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝันสีชมพูเลย
“แต่งได้จริงๆ เหรอคะ?” ฉันถามด้วยสีหน้าระแวง
ร่างสูงสง่างามที่โดดเด่นที่สุดบนท้องถนนยิ้มอ่อนโยนกว่าเดิม “ได้สิ”
อะไรกัน...?
ไม่เห็นรู้สึกเหมือนว่านี่มันเป็นการตอบตกลงเรื่องการแต่งงานจากรุ่นพี่เลย ไม่มีความอึ้ง ความตกตะลึงหรือความรู้สึกโรแมนติกใดๆ จะว่าไปมันเหมือนการคุยกันเรื่องทั่วไปที่ไม่ค่อยมีความหมายเช่นการขอยืมปากกาหรือขอยืมเงินซื้อขนมอะไรงี้
“พี่ไปก่อนนะครับมิกิ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”
“ค่ะ”
“บายครับ”
“บาย...”
มือฉันยังยกค้างจากการเอ่ยลาขณะเฝ้ามองแผ่นหลังของรุ่นพี่ที่เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
ฉันขอแต่งงานกับพี่และพี่ตอบตกลงแต่งงานกับฉันแล้วจริงเหรอนี่??