โฉ...นด ของขวัญชิ้นใหญ่
โฉ...นด ของขวัญชิ้นใหญ่
15 ปีต่อมา ...
“ฮัลโหล หม่ามี๊ ไหนหม่ามี๊บอกจะมารับวินซ์ที่สนามบินล่ะคะ หม่ามี๊อยู่ตรงไหนแล้วคะ? “หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงสวมเสื้อยืดสีขาวทับไว้ด้านในกางเกงยีนส์เอวสูงขายาวสีขาวเช่นกัน สีขาวทำให้ขับผิวคนที่สวมใส่ให้ดูขาวมีออร่ายิ่งขึ้น รวมกับหน้าตาอันน่ารัก สดใส ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ขนตาแพหนาเหมือนใส่ขนตาปลอมแต่คือขนตาธรรมชาติ ผมลอนยาวสยายสีบรอนด์คาราเมล ผิวขาวใสอมชมพู ปากเล็กริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อที่กำลังขยับสนทนากับคนในสาย ทำให้หญิงสาวดูน่ารักราวกับตุ๊กตาเดินได้ก็ไม่ปาน ร่างบางเดินลากกระเป๋าเดินแล้วคุยโทรศัพท์ไปด้วย
‘มี๊ไม่ได้ไปรับวินซ์นะลูก ป๊ากับมี๊มีติดคุยงานกับลูกค้ายังไม่เสร็จเลย’ เสียงหวานจากผู้เป็นแม่ที่อยู่ปลายสาย ที่บอกก่อนหน้าที่เธอจะบินมาประเทศไทยหลังจากที่เธอไปเรียนต่างประเทศ 15 ปี
“อ้าว แล้วใครจะมารับวินซ์ล่ะคะ พวกลุงก็ไม่ว่างเลยเหรอคะ หลานสาวกลับมาอยู่ไทยทั้งที ไม่มีใครสนใจมารับวินซ์เลย” วินเซ่ตัดพ้อเล็กน้อย
‘พวกลุงๆ ของหลานก็คุยงานอยู่กับป๊านี่แหละลูก ยังไม่มีใครว่างไปรับเลยสักคนค่ะ ‘
“แล้วจะให้วินซ์กลับเองเหรอคะหม่ามี๊ วินซ์จะกลับยังไง นั่งรถยังไง สายไหน หรือแท็กซี่ไปลงที่ไหนยังไม่รู้เลย”
‘ไม่ต้องกังวลนะคะคนสวย อยู่ๆไปเดี๋ยวก็รู้จักเอง มี๊ให้พายุไปรอรับที่สนามบินแล้วจ๊ะ หาพายุให้เจอก็กลับได้แล้ว’ เสียงของคนเป็นแม่พูดกับลูกสาวที่เพิ่งจะกลับมาอยู่ที่ไทย
“แล้ววินซ์จะหาน้าพายุที่ไหนเนี่ย สนามบินออกจะกว้าง หม่ามี๊มีเบอร์ติดต่อน้าพายุไหมคะ”
ตรู๊ดดดดดด ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามหรือได้คำตอบอะไรจากแม่ของเธอ เสียงสัญญาณกดวางสายจากปลายสายก็ดังขึ้นเสียก่อน
“อ้าวววววว โอ้ยยยยย จะบ้า จะหายังไงเจอล่ะทีนี้ หม่ามี๊นะหม่ามี๊ เห็นงานดีกว่าลูกสาวเสียอีก พวกลุงก็เหมือนกัน คอยดูนะ จะงอนเสียให้เข็ด!” หญิงสาวบ่นพึมพำให้กับคนที่เห็นงานสำคัญกว่าการรับลูกมารับหลาน ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปยังรอบๆ บริเวณภายในสนามบินเพื่อมองหาน้าพายุ ลูกน้องคนสนิทของพ่อเธอ น้าพายุอยู่กับพ่อของเธอมายาวนาน ตอนเด็กๆ เธอจำได้ว่าน้าพายุจะชอบพาฉันเล่นยิงปืนบ่อยๆ จากยิงเล่นกลายมาใช้ปืนจริง ครอบครัวเธอก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด ทุกคนไม่ปิดกั้นอิสระทางความคิดของเธอ พ่อและพวกลุงๆ มักจะสอนฉันอยู่เสมอ เอาไว้ป้องกันตัวเมื่อยามโตขึ้นแล้วไม่มีลุงกับพ่อคอยคุ้มครอง
“คุณหนู คุณหนูครับ ทางนี้ๆ” เสียงของน้าพายุที่ตะโกนพร้อมโบกไม้ โบกมือ ให้เธอเห็นว่าต้นเสียงมาจากทางไหน หญิงสาวเห็นเป้าหมายที่เธอตามหาแล้ว ก็ยิ้มกว้างสดใสให้ผู้ที่ทำหน้าที่มารับเธอแทนลุงและพ่อแม่ของเธอ
“ไม่มีใครว่างมารับวินซ์เลย ใช่สิ เดี๋ยวนี้วินซ์ไม่สำคัญแล้วนี่” หญิงสาวบ่นพึมพำตัดพ้อแบบคนน้อยใจพร้อมทำปากยื่นๆ เหมือนเด็กขี้งอนให้กับพายุ พายุเห็นแบบนั้นได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัว ให้กับท่าทางเป็นเด็กของคุณหนูของเขา ทั้งๆ ที่เจ้าตัวอายุย่างเข้า 25 ปีแล้ว และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวที่มีชีวิตอยู่ต่างประเทศต้องกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยตามคำขอของผู้เป็นแม่ ที่มีความเชื่อโบร่ำโบราณ ความเชื่อของเซรินนั้นเชื่อว่า วัยเบญจเพศ เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องระมัดระวังมากกว่าปีอื่นๆ โบราณเขาว่าไว้ว่า ช่วงอายุ 25 ของทุกคน จะเป็นปีที่ท่านยมบาลจะเช็คกรรมและบุญของคนคนนั้น หากใครดวงตกและทำกรรมไว้เยอะกว่าบุญ ก็จะเกิดอันตราย บางคนถึงขั้นเสียชีวิต เซรินกลัวว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะเกิดอันตรายจึงให้กลับมาอยู่ที่ไทย ตอนแรกวินเซ่จะไม่กลับมาเพราะความเชื่อที่แม่ของเธอกลัว แต่เซรินออกแกมบังคับจนสุดท้ายวินเซ่ก็ไม่อาจต้านทานความรบเร้าของผู้เป็นแม่ได้
“กลับกันเถอะครับคุณหนู ถึงจะไม่มีใครว่างมารับ แต่ผมว่างมารับแทนแล้วนะครับ” พายุบอก พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบเดินนำเธอไปยังที่รถจอดอยู่ พายุเก็บกระเป๋าไว้หลังรถเรียบร้อยแล้ว ก็เดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” วินเซ่เอ่ยขอบคุณ แม้เขาจะเป็นเพียงแค่ลูกน้องของพ่อ แต่เขาก็เปรียบเสมือนพี่เลี้ยงของเธอมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะที่บ้านของเธอส่วนมากจะไม่มีพนักงานหรือแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เมื่อหญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว พายุก็เข้าไปในรถ นั่งด้านหน้าข้างคนขับ เขาไม่ได้ขับรถเอง แต่มีคนขับรถให้อีกคน
“จะไปส่งวินซ์ที่ไหนคะ หม่ามี๊กับป๊าน่าจะยังไม่กลับ”
“บ้านใหญ่ครับ นายกับนายหญิงให้ผมมารับไปส่งที่นั่นที่เดียวครับ” พายุกล่าว วินเซ่ได้แต่พยักหน้ารับทราบก่อนจะเบนสายตาออกไปยังบรรยากาศด้านนอกกระจกรถ ที่นี่ประเทศไทย ประเทศบ้านเกิดของเธอ ประเทศที่เธอจะต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ไป
รถหรูสีดำเงา แล่นเข้ามายังคฤหาสถ์หรูหราใหญ่โตโอ่อ่า สีขาวทั้งหลัง ด้านหน้ามีรูปปั้นผู้หญิงสไตล์ยุโรปถือโถน้ำยืนอยู่กลางสระน้ำตื้นๆ รูปวงกลม ในสระเลี้ยงปลาคราฟหลายสีกำลังแหวกว่ายไปมา ที่นี่คือ คฤหาสถ์อีแวนสัน ซึ่งเป็นคฤหาสถ์ของตระกูลอีแวนสัน คฤหาสถ์หลังนี้ปู่ของเธอให้เป็นของรับขวัญในวันที่ วรริทธิ์ฐา อีแวนสัน ลูกสาวคนเดียวของวินเนอร์ อีแวนสัน และเป็นหลานสาวคนเดียวของ ปู่เวนอล อีแวนสัน ได้ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก คฤหาสถ์หลังนี้จึงเป็นของเธอไปโดยปริยาย
เมื่อรถจอดสนิทหน้าประตูคฤหาสถ์ พายุลงจากรถก่อนเพื่อลงไปทำหน้าที่เปิดประตูรถให้กับเธอ หญิงสาวก้าวลงจากรถ มองเข้าไปในคฤหาสถ์ ดูเงียบเหงาผิดปกติ หรือว่าเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
“ปกติเงียบแบบนี้ไหมคะน้าพายุ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ใช่ครับ เพราะปกติมีแค่นายกับนายหญิงอยู่กันสองคน” พายุบอกคุณหนูของเขา วินเซ่ไม่ได้ถามอะไรต่อ เดินเข้าไปในตัวคฤหาสถ์
ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง!!! เสียงพลุกระดาษหลายอันดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบ และตามด้วยพวกลุงๆ ป้าๆ ของเธอพุ่งตัวออกมาจากที่หลบซ่อน
“เซอร์ไพส์!!!! ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่าลูกสาวววว” เซรินเอ่ยต้อนรับลูกสาวเป็นคนแรก
“ที่บอกว่าคุยงานไม่มีใครว่างไปรับวินซ์ เพราะกำลังเตรียมปาร์ตี้เด็กๆ นี่อยู่กันเหรอคะ”
“ใช่จ๊ะ ก็พวกเราดีใจนี่นาที่ลูกแม่ตัดสินใจกลับมาอยู่ไทยแล้ว พวกเราอุตส่าห์รบเร้ากันมาตลอดกว่าจะสำเร็จ”
“ถึงปาร์ตี้จะเล็ก แต่ของขวัญต้อนรับของลุงกับป้าไม่เล็กนะ” คาร์โก้ผู้เป็นลุงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนหันไปยิ้มให้กับป้าของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ลุงๆ ของเธอมีป้ากันหมดทุกคนแล้ว ยกเว้นอยู่หนึ่งคนที่ยังไม่มีป้าให้เธอเสียที ‘ลุงเจค’ ครองตัวเป็นโสดและเลี้ยงเธอมาตลอดมากกว่าลุงคนอื่นๆ
“ของขวัญอะไรคะ เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ก็ของรับขวัญไง” มังกรเอ่ยสั้นๆ
“รับขวัญอะไร วินซ์ไม่ใช่เพิ่งเกิดสักหน่อย”
“ถึงจะไม่ได้เพิ่งเกิด แต่เราเพิ่งกลับมาอยู่ไทย นั่นก็แปลว่าหนูเกิดใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ในไทยไง” เจคอร์ปเสริมทัพ
“อ่ะ รับไป อายุหนูถึงเวลาที่จะดูแลมันได้แล้ว” คาร์โก้โยนกุญแจรถให้วินเซ่รับแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว จนกุญแจเกือบร่วง
“รถ...” หญิงสาวมองกุญแจในมือ พร้อมกับหันไปสบตากับลุงคาร์โก้
“ใช่ รถแข่งคันโปรดของลุงเอง มันจอดอยู่ในสนาม ว่างๆ ก็ไปขับเอาฤกษ์เอาชัยให้มันหน่อย มันเปลี่ยนเจ้าของทั้งที” คาร์โก้บอก วินเซ่ยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปกอดผู้เป็นลุง
“เห้ยๆๆ กอดคนเดียวได้ไง ลุงก็มีของรับขวัญเหมือนกันนะ เอ้า เอาไป” มังกรยืนปืนสั้นให้หลานสาว ปืนที่มีเพียงอันเดียวในโลก เพราะเขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ออกแบบเอง และสลักชื่อตัวอักษร VINCE ด้วยมือของเขาเอง
“ตอนแรกป้าว่าจะซื้อแหวนให้หนูวินซ์มันเหมาะกับเด็กสาวมากกว่าปืนซะอีก แต่เห็นว่าหนูมีแหวนที่ใส่ตลอดอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ซื้อมาให้จ๊ะ” ป้านีน่า ภรรยาของลุงมังกรบอก
“แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ มีปืนก็ดีค่ะ หลานสาวมาเฟียคงมีศัตรูเยอะน่าดู ทั้งศัตรูพ่อ ศัตรูลุงๆ อีก เอาไว้ป้องกันตัวค่ะ” วินเซ่เอ่ยและยิ้มสดใสอย่างดีใจและยินดีกับของขวัญทุกชิ้น
“แล้วมึงไม่มีให้หลานเหรอวะไอ้เจค เงียบอยู่ได้” มังกรแอบแซวเพื่อนของเขาอีกคนที่เอาแต่นิ่งเงียบมาสักพัก
“มี ของกูใหญ่กว่ามึงอีก” เจคอร์ปเริ่มคุยทับ
“อะไรใหญ่วะ? 5555” คาร์โก้เอ่ยสวนทันทีหลังจากเจคอร์ปพูดจบ
“อย่าคิดทะลึ่งต่อหน้าหลาน ไอ้นี่นิ อ่ะ เอาไป” เจคอร์ปยื่นกระดาษม้วนกลมมีริบบิ้นผูกไว้คล้ายการ์ดอะไรสักอย่าง
“อะไรวะนั่น กระดาษใบเดียว ใหญ่ตรงไหนของมัน” มังกรสงสัย วินเซ่ค่อยๆ แกะริบบิ้นออกทีละน้อย แล้วคลี่กระดาษม้วนนั้นออกมาอ่าน แม้จะอ่านภาษไทยไม่ค่อยจะคล่องเท่าไร แต่ก็พอจับใจความได้ว่ามันคืออะไร รอยยิ้มกว้างจึงผุดขึ้นบนใบหน้าสวยทันที
“อ่านแล้วก็บอกลุงด้วยมันคืออะไร” มังกรเร่งเร้าด้วยความอยากรู้
“มันเขียนว่า โฉ~นด ค่ะลุงกร”
“โฉนด!!!” ลุงทั้งสามพูดแก้คำที่ถูกขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อหลานสาวอ่านภาษาไทย
“โอยยย หัวจะปวด” คาร์โก้เหนื่อยใจกับการอ่านภาษาไทยของหลานตัวเอง
“55555 ก็วินซ์อ่านตามที่เขียนเลยนี่คะ ลุงแต่ละคนให้ของขวัญวินซ์แบบนี้ สงสัยสบายไปทั้งชาติไม่ต้องทำงานแล้วค่ะ ดีเลย” วินเซ่บอกแกมประชดประชันผู้เป็นลุง
“พอเลยๆ พวกลุงก็ให้ท้ายดีจริงๆ แค่ของขวัญรับขวัญ ต้องเล่นใหญ่กันขนาดนี้เลย ไม่เปลี่ยนกันสักคน” เซรินบ่นเหล่าลุงทั้งหลายที่สปอยหลานสาวมาแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่เด็กๆ
“แล้วแบบนี้หลานก็จะได้ใจ ไม่ทำงานทำการละ รอกินมรดกที่ลุงๆ ให้กันมาก็ไม่หมด” พวกลุงทำหน้าจ๋อยเมื่อโดนเซรินบ่นที่สปอยหลานมากเกินไป
“ทำสิคะหม่ามี๊ แต่วินซ์ไม่ทำที่บริษัทป๊านะ ไม่อยากถูกมองว่าถือว่าเป็นลูกเจ้าของเดี๋ยวจะไม่ได้ทำงานเพราะพนักงานเกรงใจไม่กล้าว่าไม่กล้าสอนกันหมด” เธอบอก
“ไม่ทำที่ป๊า ก็ไปทำกับลุง” วินเนอร์เอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ตลอด
“กับลุงก็ไม่ทำค่ะ ไม่ต่างจากป๊าเลยนะ พอดีวินซ์เข้าไปลุงก็สปอยคราวนี้พนักงานยิ่งกว่าบริษัทป๊าอีก” วินเซ่ปฏิเสธอีกรอบ
วินเนอร์มองหน้าวินเซ่นิ่ง และหันไปสบตากับเซรินผู้เป็นภรรยา คล้ายจะขอความคิดเห็น เซรินสบตานิ่งแล้วพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเพียงเล็กน้อย
“งั้นไปทำงานกับเพื่อนของป๊าเขา อันนี้ไม่ต้องปฏิเสธ ป๊าเขาฝากให้แล้ว ลูกชายของเขาต้องการเลขาเพิ่มไปช่วยงานคนเก่า” เซรินอธิบายให้ลูกฟังแทนพ่อของเธอที่เป็นคนประหยัดคำพูด
“โห่ ก็ได้ค่ะ แต่วินซ์จะขอไปอยู่คอนโดนะคะ ไม่อยากอยู่บ้านเป็นก้างขวางคอคนแก่สองคนแถวนี้ 555” วินเซ่พูดแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ ทำให้เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับพวกลุงกันเป็นแถว
“เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่ แสบจริงๆ ไปอยู่คอนโดก็ได้ ป๊าเขาซื้อคอนโดใหม่ไว้แล้ว ใกล้ที่ทำงานเรานั่นแหละ จะได้สะดวกสบาย”
“ซื้อใหม่ทำไมกันคะ คอนโดป๊ามีเป็นตึกๆ ตั้งหลายที่” เธอถามขึ้น
“ก็คนรวยอ่ะนะ เงินเหลือใช้มั้ง” เซรินพูดพร้อมมองค้อนไปยังสามีตัวเองที่หันหน้าหนีความผิดที่ไปแอบซื้อคอนโดนั้นโดยไม่ปรึกษา แต่วินเนอร์อธิบายไปแล้วว่าความจริงคืออะไร คอนโดนั้นเป็นของใคร ใครคือเจ้าของ และเขาคนนั้นที่วินเนอร์ยอมให้มีอะไรเกี่ยวข้องกับลูกสาวคนเดียวของเขากันแน่...