บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 งานพิเศษ

"น้องมึงทำเกินไปหรือเปล่าวะ" ออสตินเอ่ยถามตอนที่อรปรียาออกไปแล้ว

"เออ กูรู้"

"ฉิบหายเหมือนหมาหมู่เลย เห็นไอ้ซีมันมองไหม แม่งเหมือนหยาม" จีนเอ่ยขึ้นบ้าง

"แหม ไอ้สี่ตาเห็นไปยันโน้นนะมึง" เบสหนุ่มไทยแท้เพิ่งจะมีเสียงก็ตอนนี้ พลางนึกหมั่นไส้ท่าทางของไอ้จีน แต่ก็อดจะเห็นด้วยกับมันไม่ได้

"แล้วน้องมึงมีเรื่องอะไรกับยายนั่น" ออสตินยังสงสัย ที่ไปกับเพื่อนก็ยังไม่ทันรู้เรื่องฟังอรปรียาเล่าเรื่องที่โรงอาหารเมื่อกลางวัน ก็ไม่เห็นพูดถึงที่ตัวเองไปกระชากเขาจนน้ำร้อนลวกคนอื่น แต่เมื่อไปถึงแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ไอ้อาร์ตก็พูดไม่ผิดยายนั่นทำเกินกว่าเหตุ จึงได้แต่เงียบรอดูสถานการณ์ จนถึงตอนที่น้องมันตบผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวคนนั้นจนหน้าแดงห้านิ้วขึ้นทันตา เขานึกอยากจะพูดอะไรบ้าง แต่เพราะเห็นเป็นเรื่องไอ้อาร์ตจึงได้แต่รอดู

"หวังว่าจะไม่ใช่เพราะไอ้ซีนะ" เบสตั้งข้อสังเกตขึ้นมาเพราะตั้งแต่ที่เขาเห็นสถานการณ์น่าอึดอัดตรงหน้าแล้วพูดไม่ออก จนเมื่อเห็นรถไอ้ซีขับมาไกลๆ น้องไอ้อาร์ตมีกิริยาแปลกๆ ขึ้นมา ยิ่งตอนที่เด็กบัญชีตัวขาวคนนั้นซ้อนรถไอ้ซีออกไป เขาแอบเหลือบไปมองอรปรียาเห็นสายตาอาฆาตนั่นแล้วก็อดสงสารเด็กคนนั้นไม่ได้

อาร์ตพูดไม่ออก รู้สึกผิดไม่น้อยเพราะความเป็นห่วงน้องเกินไป ก็ตอนที่อรปรียามาหาพร้อมด้วยคราบน้ำซุปที่หน้าอก กับรอยแดงๆ ด้านในทำเขาอดโมโหไม่ได้ พอกำลังจะออกไปหาผู้หญิงคนที่มีเรื่องกับน้องสาวไอ้พวกนี้ก็ตามไปอีกจนสุดท้ายเหมือนตัวเองไปรุมรังแกผู้หญิงคนนั้น

ออสตินได้แต่ตบไหล่เพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ ทุกคนจึงได้เงียบแค่ตรงนี้เมื่อเห็นไอ้อาร์ตสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว

"ไปโว้ยๆ แดกเหล้ากันดีกว่าคืนนี้" จีนจึงเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา แล้วดูทุกคนจะเห็นด้วยไม่น้อย

อะพาร์ตเมนต์ใกล้มหาวิทยาลัย ราคาค่าห้องสามพันรวมเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดราคาถูก ขนาดห้องพอแค่วางเตียงสามฟุตครึ่งกับตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสืออีกตัวก็เกือบจะเต็มห้องแล้ว เหลือที่ให้พอนั่งดูทีวีอีกนิดหน่อย กางโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยสำหรับกินอาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกก็มีเพียงตู้เย็นกับกระทะเทปลอนทรงสูงสีพาสเทลราคาไม่ถึงสองร้อยที่กลายเป็นหม้อต้มมาม่าได้ในตัว หม้อต้มยอดฮิตของนักศึกษาอยู่หอ

กุลจิรายืนส่องกระจกที่ติดอยู่กับประตูตู้เสื้อผ้า มองรอยนิ้วมือทั้งห้าที่ยังแดงอยู่บนใบหน้าและเหมือนมันจะเริ่มบวมขึ้นบ้างแล้ว โชคดีที่เธอมีหน้ากากอนามัยอยู่ในกระเป๋าไม่เช่นนั้นตอนที่ลงจากรถพี่ซีแล้วเดินเข้าร้านขายยาหรือแม้แต่ตอนที่เดินขึ้นมาบนห้องผู้คนคงจะได้สนใจมองไอ้รอยแดงๆ นั่นแน่

แผ่นแปะแก้วปวดแผ่นขนาดพอดีกับแก้มถูกแปะไว้ เลือดในปากหยุดไหลแล้วแต่ลิ้นก็คอยจะแตะไปที่บริเวณนั้นอยู่บ่อยๆ

"เลิกสนใจได้แล้ว รีบทำการบ้านจะได้รีบออกไปทำงานพิเศษเดี๋ยวสาย"

เธอได้แต่พูดกับตัวเอง ใช้สองมือตบแก้มตัวเองเบาๆ เป็นเชิงเรียกสติ เปิดสมุดการบ้านยังไม่ทันได้จรดปากกาลง เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นและรู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาก็ทำเธอต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

"ค่ะแม่"

(กุลพอมีเงินให้แม่สักพันไหม ไอ้เกมส์มันต้องไปจ่ายค่ากิจกรรมที่โรงเรียน แล้วแม่ก็ยังไม่มีเงินจะซื้อของเย็นนี้เลย นี่แม่ยังติดค่าเช่าเขาอีกสองเดือน สิ้นเดือนต้องจ่ายยังไม่รู้จะเอาที่ไหนเลย...)

กุลจิราคำนวณเงินในแอปธนาคารตัวเองทันที จำตัวเลขครั้งล่าสุดได้ ซึ่งมันเหลือไม่ถึงสองพันบาทด้วยซ้ำ กับเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าจะสิ้นเดือน

"เดี๋ยวโอนไปให้"

พูดจบเธอก็วางสายทันทีไม่ทันได้ฟังคำอธิบายยืดยาวของผู้เป็นแม่จนจบ เพราะในเดือนนี้เธอได้ฟังมันหลายรอบแล้ว เงินในบัญชีถูกลดจำนวนลงทันทีที่เธอกดยืนยันการโอน หนึ่งอาทิตย์กับเงินแปดร้อยกว่าบาท เธอได้แต่ถอนหายใจทิ้งอย่างคนหมดแรง ไหนจะค่าเดินทางไปเรียน ค่าอาหารกลางวันของมหาวิทยาลัยหรูก็ช่างแสนแพง มื้อละหนึ่งร้อยยังได้แค่อาหารตามสั่งหน้าตาหรูหรา และแน่นอนคนรักสุขภาพอย่างเธอก็ดื่มแต่น้ำเปล่า เพราะของทุกอย่างที่ขายในนี้ล้วนถูกบวกราคาเพิ่งอีกเท่าตัว นึกหวังเพียงว่างานพิเศษในวันนี้เธอจะได้ทิปติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel