บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 แก๊งยอดดอย

เธอยังจำเหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้วได้อย่างดี ตอนที่กำลังจะจบมัธยมปลายข้อเสนอพิเศษอันแสนหวานตอนนั้น ทำให้เธอตอบรับคำในที่สุด แม้ในทีแรกจะไม่รับขอกลับไปตัดสินใจก่อน แต่ในวันที่เรียนจบชั้นมัธยมปลายท่านประธานใจดีคนนั้นก็เข้ามาที่บริษัทอีกครั้ง

ทั้งที่เธอคิดว่าท่านจะลืมเรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อนไปแล้ว แต่ท่านกลับยังจำได้ดีและยื่นข้อเสนอเรื่องเรียนต่อให้เธออีกครั้ง ในที่สุดเธอจึงได้รับข้อเสนอนั้นมา

แต่ในวันนี้ในหลายๆ ครั้งที่เธอนึกอยากจะกลับไปที่โรงงานหล่อเหล็กและผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์นั่นอีกครั้ง อยากจะกลับไปคืนข้อเสนอที่เธอคิดว่ามันแสนหวานนั้นให้ท่านเสียจริง ถ้าไม่ติดที่เธอเกรงใจและทราบซึ้งในความเมตตาของท่าน

"โอ๊ย"

"หลีกไปซิยะหล่อน เวลาเดินแหกตาดูกว้างๆ หน่อย จะได้ไม่ชนคนอื่น"

เสียงเล็กแหลมบาดหูจากคนที่เดินชนไหล่จนถาดอาหารในมือแทบจะหล่น เพราะไม่ทันตั้งตัวที่ถูกชนจากด้านหลัง

"เธอเป็นคนมาชนเรานะ อรปรียา"

"ก็เดินไม่หลบเองนี่"

กุลจิราได้แต่ถอนหายใจใส่ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงเดินออกจากตรงนั้นทันที

"เดี๋ยวสิ"

เสียงเรียกอย่างไม่พอใจ ไม่ได้ทำให้เธอหยุดเดิน อรปรียาจึงเดินมากระชากแขนอย่างแรง น้ำซุปถ้วยเล็กที่อยู่ในถาดจึงกระฉอกลวกมือทันที เธอไม่ได้ร้องออกมาได้แต่กัดฟันตัวเองไว้แน่น วางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างๆ หันไปเผชิญหน้ากับคนที่รั้งแขนไว้

"ทำไม มีปัญหาอะไรกับฉันอีก"

"เธอยังไม่ขอโทษฉันเลยนะ"

"คนที่ชนฉันคือเธอ ฉันไม่ให้เธอขอโทษก็ดีเท่าไรแล้ว แล้วเธอควรจะขอโทษที่ทำให้น้ำซุปลวกมือฉัน"

"ฉันไม่ได้ตั้งใจ เพราะเธอไม่ยอมหยุดต่างหาก" อรปรียายังลอยหน้าเถียง

กุลจิราหันหลังให้อรปรียาอีกครั้ง ยกถาดอาหารของตัวเองเพื่อจะเดินไปหาเพื่อนที่กำลังวางถาดอาหารลงที่โต๊ะตัวสุดท้ายด้านหลัง

"ฉันบอกให้เธอขอโทษฉันไง นังกุลไม่ได้ยินหรือ" อรปรียาคว้าแขนเธอกระชากไว้อีกครั้ง โชคดีน้ำซุปที่หกครั้งนี้ไม่ได้โดนมือเธอ เธอวางถาดอาหารลง หยิบถ้วยน้ำซุปร้อนๆ ของข้าวมันไก่ราคาเกือบหนึ่งร้อยบาทนั้นสาดเข้าไปที่หน้าอกของอรปรียาอย่างจัง

"กรี๊ด!!!"

"ขอโทษนะ พอใจหรือยัง"

กุลจิราไม่สนใจว่าอรปรียาจะดิ้นเร่าๆ อยู่ตรงนั้นพร้อมเสียงกรี๊ดลั่นโรงอาหารติดแอร์หรูหราของมหาวิทยาลัย และตอนนี้เกือบทุกสายตาที่หันมามองต้นเสียงกรีดร้องด้วยความสนใจ และก็หันไปซุบซิบกันอย่างออกรส

นักศึกษาคณะบริหารและคณะบัญชีที่ส่วนใหญ่จะมาใช้โรงอาหารระหว่างตึกแห่งนี้ เพราะใกล้สะดวกและแถมยังติดแอร์เย็นฉ่ำสมราคาค่าเทอมมหาโหดและแน่นอนเธอไม่ได้เสียในส่วนนั้นแต่ก็ยังสามารถเข้ามาเรียนได้ด้วยความอนุเคราะห์ของคุณตาท่านประธานคนนั้น

ในปีแรกยังไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอได้รับทุนพิเศษนี้ เธอก็อยู่อย่างสงบสุขมาได้ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม แต่พอขึ้นปีที่สองอาจารย์ที่ดูแลเรื่องทุนให้เธอพูดถึงทุนนี้อยู่ครั้งหนึ่งที่หน้าห้องพักอาจารย์ ในตอนนั้นเธอไม่ได้ใส่ใจอะไร อาจารย์ถามอะไรเธอก็ตอบไปตามนั้น จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคุยอะไรบ้าง และใครบ้างที่เดินผ่านตอนอาจารย์เอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมา รู้ตัวอีกทีตัวเองก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาในคณะบัญชีไปเสียแล้ว

ชีวิตความสงบของเธอจึงเริ่มไม่สงบอีกต่อไป เธอไม่รู้ว่าการที่เธอได้รับทุนมาเช่นนี้มันไปทำให้ใครเดือดร้อนหรืออย่างไร เพื่อนสนิทของเธออีกสองคนก็ยังยินดีกับเธอ แต่ก็ยังมีคนกลุ่มใหญ่อีกหลายคนที่ดูไม่ค่อยพอใจ เธอแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง บางคนที่เคยคุยกันอยู่ดีๆ ก็ถูกตีตัวออกหากอย่างไร้เหตุผล และที่หนักที่สุดคงจะเป็นกลุ่มของอรปรียา

เสียงกรี๊ดสงบลงแล้ว ยายนั่นก็ถูกเพื่อนลากตัวไปแล้วคงจะพากันไปห้องน้ำนั่นแหละ

"เกิดอะไรขึ้น" พรีมเอ่ยถามตอนที่เธอวางถาดอาหารลง

"ไม่มีอะไรหรอก อุบัติเหตุน่ะ"

"แกแน่ใจนะ ยายอรร้องเป็นผีถูกข้าวสารเสกเนี่ยนะอุบัติเหตุ" มิ้มกำชับถามอย่างไม่แน่ใจอีกครั้ง

"ไม่ได้ถูกข้าวสารเสก ถูกน้ำซุปเสก"

"หะ! แกว่าอะไรนะ อย่าบอกนะแกเอาน้ำซุปสาดยายนั่น" มิ้มขมวดคิ้วมุ่นตอนที่เอ่ยถาม

"อือ ทำไม ก็มันมากระชากแขนฉันจนน้ำซุปลวกมือฉันไง"

"ยายกุล แกลืมไปแล้วหรือไง ว่ายายอรปรียานั่น มันน้องใคร" พรีมเอ่ยเตือนความจำเพื่อนพร้อมทำหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที

"ไม่ลืม แต่ทำไมฉันต้องสนใจด้วย ยายนั่นมาหาเรื่องฉันก่อน"

"โอ๊ย ตายแล้วแก เดี๋ยวก็ซวยหรอก"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel