บทที่ 1 มะลิ
รถเก๋งญี่ปุ่นคันเก่าจอดลงหน้าโรงเรียนอนุบาลประจำอำเภอ ร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบหกปีนามว่า มะลิ โชติการ เปิดประตูเดินลงจากรถแล้วส่งยิ้มให้ลูกสาววัยห้าขวบที่ยืนรอเธออยู่กับคุณครูประจำชั้นที่หน้าโรงเรียน
“ สวัสดีค่ะคุณแม่ ” หนูน้อยเมษารีบวิ่งเข้าไปกอดเอวคอดของมารดาด้วยความดีใจ
“ หวัดดีจ้ะตัวแสบ วันนี้เมษาดื้อรึเปล่าคะ ” มะลิหันไปถามคุณครูที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ ถึงวีรกรรมของลูกสาวตัวดี ด้วยนิสัยของเมษาที่ไม่เคยยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ จึงมักมีเรื่องทะเลาะกับเด็กผู้ชายในชั้นเรียนอยู่บ่อย ๆ
“ เดี๋ยวนี้น้องเมษาไม่ซนแล้วค่ะ เพราะเด็กผู้ชายในห้องไม่มีใครกล้ารังแกน้องเลย จะมีบ้างเวลาที่เพื่อนโดนแกล้งน้องก็จะไปช่วย เป็นเด็กมีน้ำใจแล้วก็เข้มแข็งมากเลยนะคะเนี่ย ” คุณครูเอ่ยชมเมษาด้วยความเอ็นดู ถึงจะปวดหัวอยู่บ้างในช่วงแรก ๆ ที่น้องเข้าเรียน เด็กผู้ชายที่ชอบมาแกล้งเมษาต่างก็โดนข่วนโดนกัด บ้างก็โดนกำปั้นน้อย ๆ ของเด็กหญิงจนร้องไห้มาฟ้องครูแทบทุกวัน
“ ทุกวันนี้แม่ยังไม่แน่ใจเลยนะคะว่ามีลูกชายหรือว่าลูกสาว หึ หึ ไปจ้ะเมษากลับบ้านกัน ” เธอพูดติดตลกแล้วยิ้มกับคุณครูก่อนจะพยักหน้าให้ลูกสาว เด็กหญิงยกมือไหว้ลาคุณครูแล้ววิ่งไปขึ้นรถ
“ วันนี้มีการบ้านมั้ยลูก ” เธอถามลูกสาวขณะตามองถนนเบื้องหน้า เมษาเปิดกระเป๋าเป้ออกแล้วหยิบหนังสือแบบฝึกหัดออกมาอวด
“ มีค่ะแต่หนูทำเสร็จหมดแล้วตอนที่รอคุณแม่มารับไงคะ ” แม่หนูน้อยบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของมะลิที่ลูกสาวเธอเป็นเด็กฉลาดหัวดี เรื่องการเรียนไม่เคยทำตัวให้เป็นภาระแม่เลย อาจเป็นเพราะลูกรู้ดีว่าแม่ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้นั่นเอง
“ เก่งมากลูกแม่ เดี๋ยวเย็นนี้แม่มีงานพิเศษต้องทำ หนูอยู่บ้านกับพี่เมจินะคะ อาบน้ำกินข้าว แล้วก็ห้ามนอนดึกเกินสามทุ่มนะ แม่อาจจะกลับบ้านไม่เกินสี่ทุ่มถ้างานเสร็จเร็ว ”
“ ค่ะ แล้วแม่ไม่กินข้าวกับหนูก่อนเหรอคะ ” เด็กหญิงถามแม่ด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ ตั้งแต่พ่อตายไปแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลานั่งกินข้าวด้วย หรือแม้แต่อ่านนิทานก่อนนอนให้เธอฟังเหมือนอย่างเคย
“ เดี๋ยวแม่ไปกินที่ทำงานจ้ะ เมษาอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิลูก แม่ทำงานหาเงินไว้ส่งลูกเรียนสูง ๆ ไงจ๊ะ ไหนยิ้มซิคนเก่งของแม่ ” ใจเธออ่อนยวบเมื่อเห็นแววตาสลดของลูก เธอจอดรถที่หน้าทาวน์เฮาส์สองชั้นของตัวเอง แล้วดึงร่างเล็กของลูกเข้ามากอด หอมแก้มใสซ้ายขวาแล้วจ้องหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงตัวเอง
“ ค่ะ หนูจะตั้งใจเรียนถ้าโตแล้วหนูจะช่วยคุณแม่ทำงานคุณแม่จะได้มีเวลาอยู่กับหนูเยอะ ๆ ” เด็กหญิงยิ้มแก้มปริแล้วหอมแก้มมารดาเช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
มะลิ โชติการ เป็นม่ายลูกหนึ่งสามีตายด้วยอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน โชคยังดีที่สามีได้ทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุไว้ จึงได้เงินก้อนนั้นมาจัดการเรื่องบ้านที่ผ่อนอยู่จนหมด ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องแบกภาระทั้งส่งบ้านและค่าใช้จ่ายทุกอย่างเพียงลำพัง
สมาชิกในบ้านจากเดิมมีเธอสามีและลูก แต่พอสามีตายจากไป มะลิจึงต้องทำงานมากกว่าเดิม จึงขอให้เมจิลูกพี่สาวมาอยู่ด้วยเพื่อดูแลน้องเมษาเวลาเลิกเรียน ลูกก็ต้องเลี้ยงงานก็ต้องทำกว่าจะกลับบ้านลูกก็หลับไปแล้วทุกคืน เป็นแบบนี้แทบทุกวันตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอแทบไม่เคยมีเวลาดูแลตัวเองเลย ทั้ง ๆ ที่เธอจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ กลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้แม่เอากับข้าวมาให้แล้วค่ะน้าไม่ต้องทำก็ได้ ” เมจิ หลานสาววัยสิบสองปีร้องบอกเมื่อน้ากับน้องสาวเปิดประตูบ้านเข้ามา เมจิเรียนอยู่ชั้นมัธยมหนึ่งที่โรงเรียนมัธยมใกล้บ้าน ตอนเช้ามะลิจะขับรถไปส่งหลานและลูกก่อนที่ตัวเองจะไปทำงานที่ร้านอาหารของพี่สาว และไปรับลูกกลับในตอนเย็น เมจิจะเดินกลับมาก่อนเพราะว่าโรงเรียนอยู่ใกล้ ส่วนพี่สาวกับพี่เขยนั้นพักอยู่ชั้นบนของร้านอาหารในตัวอำเภอ นาน ๆ ครั้งถึงจะมานอนค้างอ้างแรมที่บ้านเธอ
“ งั้นพาน้องอาบน้ำแล้วก็กินข้าวกันนะ เดี๋ยวน้าจะไปทำงานพิเศษ ถ้างานเสร็จเร็วก็คงไม่ดึกมาก อย่าลืมล็อกประตูดี ๆ ด้วยนะ น้าไปละ แม่ไปนะเมษา ” เธอบอกลูกกับหลานก่อนที่จะขับรถไปยังโรงแรมหรูที่ได้รับงานทำความสะอาดเอาไว้
