บทที่ 2 คุณภีม
เธอจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรมก่อนที่จะขนเครื่องมือทำความสะอาด เครื่องดูดฝุ่นและถังน้ำยาทำความสะอาดลงมาจากท้ายรถ แล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นัดกันไว้ที่ห้องซักล้างของโรงแรม
“ มาแล้ว ๆ พี่นิ่มพี่อ้วน แล้วเราทำชั้นไหนเหรอพี่ ” มะลิร้องถามเพื่อนรุ่นพี่ที่มารับจ๊อบทำงานพิเศษด้วยกัน เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงวอร์มสีเทารองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกรวบแล้วผูกเป็นหางม้าไว้ที่ท้ายทอย อวดดวงหน้ารูปไข่สวยสะดุดตาแม้จะไร้เครื่องสำอางตกแต่งก็ตาม
“ ชั้นบนสุดน่ะ ห้องชุดกับสระน้ำบนดาดฟ้า เมื่อคืนก่อนมีแขกมาปาตี้ริมสระ เขารีบให้ไปทำความสะอาดต้องเสร็จก่อนสามทุ่มด้วยเพราะลูกค้าเขาจะปาตี้ต่อตอนสี่ทุ่มน่ะ ” พี่อ้วนสาวอวบสมชื่อบอกพร้อมกับเตรียมถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม
“ งั้นเดี๋ยวพวกพี่สองคนทำตรงสระน้ำนะ มะลิดูดฝุ่นเก็บของในห้องชุดก็แล้วกัน ตรงสระคงจะเละเทะกว่าในห้องแหละ ” พี่นิ่มแบ่งหน้าที่ขณะที่ทั้งสามคนอยู่ในลิฟท์
“ ได้พี่ ว่าแต่พวกพี่กินข้าวกันมารึยังอ่ะ ” นี่เธอกะเวลาผิดงั้นรึ คิดว่างานจะไม่เร่ง เลยว่าจะหาข้าวที่โรงครัวกินก่อนทำงาน ที่ไหนได้ต้องให้เสร็จก่อนสามทุ่ม อดกินข้าวเย็นเลย รู้แบบนี้กินที่บ้านมาก่อนเสียก็ดี
“ พี่กินมาแล้ว เรายังไม่ได้กินเรอะมะลิ ” พี่นิ่มถามเธอเมื่อลิฟท์เปิดออกที่ชั้นดาดฟ้าพอดี
“ อ่า กินแล้วค่ะหนูถามเฉย ๆ น่ะ ” เธอจำต้องโกหกเพราะเกรงใจพี่ทั้งสอง อีกอย่างอยากจะทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้กลับบ้านก่อนลูกจะหลับสักวัน
ทั้งสามคนเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องชุดสุดหรูบนชั้นดาดฟ้า ทว่าประตูกลับไม่ได้ปิดสนิท มันแง้มอยู่จนเธอและพี่ ๆ ทั้งสองได้ยินบทสนทนาที่ดังลอดออกมา
“ นี่ตาภีมเมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวลอยไปลอยมาผลาญเงินไปวัน ๆ แบบนี้ซักทีฮะ ป๋าไม่สบายอยากให้แกกลับไปดูบ้าง แล้วทำไมป๋าถึงต้องเรียกหาแต่แกด้วยก็ไม่รู้ ทำให้ฉันต้องถ่อมาตาม ทั้ง ๆ ที่ฉันก็นั่งบริหารงานอยู่ทนโท่ นี่ถ้าป๋ายกบริษัทให้แกคนเดียวนะ ฉันจะฉีกอกแกให้ตายตามป๋าไปเลยคอยดูสิ ” เสียงบ่นของมุกดาพี่สาวของภีมดังขึ้นอย่างไม่พอใจในพฤติกรรมของน้องชายคนเดียว
“ โธ่พี่ ผลาญเงินอะไรกัน ที่ผมใช้ทุกวันนี้ขนหน้าแข้งป๋ายังไม่ร่วงเลย พี่เชื่อผมสิป๋าไม่เป็นอะไรหรอกกระดูกเหล็กจะตาย ผมไม่อยากกลับไปหรอก วัน ๆ ถูกขังอยู่แต่ในห้องประชุมน่าเบื่อชะมัด ถ้าหมดธุระแล้วพี่ก็กลับไปเถอะผมจะนอน คืนนี้นัดนางแบบมาปาตี้ด้วยมีแต่ตัวทอปทั้งนั้นเลยเดี๋ยวใต้ตาคล้ำ บายครับพี่สาว ” ร่างใหญ่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำพูดจบก็นอนลงบนเตียงนุ่มอย่างสบายใจ ราวกับไม่ทุกข์ร้อนในเรื่องที่พี่สาวบอกว่าพ่อกำลังป่วย
“ ตาภีม! แกนี่มันโดนตามใจจนเสียนิสัยจริง ๆ ป๋าจะตายแกยังไม่สนใจอีกรึ ” มุกดาตามไปทุบที่แขนน้องชายด้วยความโมโห ความจริงแล้วเจ้าหล่อนไม่ได้ห่วงที่พ่อจะตายแต่กลัวว่าพ่อจะยกบริษัทให้น้องชายมากกว่า
“ โธ่พี่มุก พี่ก็รู้ว่าป๋าใช้มุกป่วยทุกครั้งที่อยากให้ผมกลับบ้าน แล้วก็จับผมขังในกรงทอง ฝันไปเถอะ ไว้ผมสบายใจแล้วจะกลับไปก็แล้วกัน พี่กลับได้แล้วผมจะนอน ” คราวนี้ชายหนุ่มหลับตาแล้วหลับไปจริง ๆ โดยไม่สนใจพี่สาวอีกต่อไป มุกดาได้แต่กัดฟันกำมือแน่นด้วยความขุ่นเคือง สาวใหญ่สะบัดหน้าพรืดแล้วถอนใจก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินมาเปิดประตู
“ ว้ายแหก! ” พี่นิ่มอุทานด้วยความตกใจที่อยู่ดี ๆ ประตูก็เปิดผลัวะออกมา ส่วนสตรีที่เปิดประตูค้างอยู่ก็ตกใจแต่ยังคงกิริยาผู้ดีเอาไว้
“ นี่อะไรกันพวกเธอ ที่โรงแรมเขาไม่สอนมารยาทพนักงานรึยังไงกันฮึ ” เสียงตำหนิดังออกมาจากริมฝีปากได้รูปสีแดงสด ตามด้วยสายตาดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด
“ ขอโทษด้วยค่ะ พวกเราจะมาทำความสะอาดห้องกับสระน้ำน่ะ พอดีคุณผู้หญิงเปิดประตูออกมาพอดี เรายังไม่ได้ยินอะไรเลยนะคะ ” มะลิพูดแก้ตัวขึ้นอย่างนอบน้อม แต่ในใจนึกหมั่นไส้พวกคนรวยที่ชอบเหยียดคนต้อยต่ำกว่าเสียจริง ยิ่งผู้ชายคนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นยิ่งแล้ว
มันทำให้เธออดสงสารตัวเองไม่ได้ ขณะที่คนจนต้องทำงานเลือดตาแทบกระเด็น แต่หมอนั่นกับกินหรูอยู่สบายโดยที่ไม่ต้องทำงานตลอดทั้งชาติก็ใช้เงินของตระกูลไม่หมด พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม!
