เหนือพันธะ 4 : กองเพลิงที่ถูกจุด
ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ
“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา
“ลัลลาเบลเรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้น
หมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง
“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า
“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”
“....” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ
“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนิ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย
“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเกลียดเขาขึ้นทีล่ะนิด
“....” เราทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากัน
สเตฟานเดินผ่านฉันไปทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟา สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ฉัน แต่ลัลลาเบลกลับฟุบหน้าซบลงบนอกผู้ชายไม่สนใจฉันเลยสักนิด สภาพของเธอเหมือนคนเมาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เหล้า
“ให้เธอพาเพื่อนกลับไป” สเตฟานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันเอากลับอยู่แล้ว” ร่างบางเดินตรงเขาไปคว้าแขนเพื่อนตัวเอง แล้วออกแรงดึงแต่อีกฝ่ายกลับขืนแรงเอาไว้ไม่ยอมลุกขึ้นตาม
“ปล่อย!” ลัลลาเบลสะบัดมือฉันออกแล้วซบหน้าลวงบนอกตามเดิม
“ลัลลาเบลกลับบ้านกับเรา” ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้ว่าภายในใจจะใกล้หมดความอดทนเต็มทีแล้ว
เธอยังคงสะบัดมือออกไม่ยอมให้ฉันโดนตัว ไม่คิดจะหันมามองหน้ากันด้วยซ้ำ ฉันมั่นใจว่าอาการเมานี้เกิดจากสารเสพติด สายตาทุกคนยังคงมองมาและอมยิ้มไม่เว้นแม้แต่หมอนั่น
“ลัลลาเบล มานี่สิครับเด็กดี” สเตฟานยกแขนพาดหนักโซฟาแล้วหันมองไปทางลัลลาเบล เพียงเขาส่งเสียงพูดก็ทำให้คนถูกเรียกรีบลุกเดินโซเซเข้าไปหาทันที
พึ่บ!
ร่างบางทิ้งตัวนั่งลงข้างเขา มือเล็กยกแตะข้างแก้มลูบไล้ลากมือเลื่อนลงมาจนถึงแผงอกแล้วซบหน้าลง เธอคลั่งไคล้ในตัวเขาจนยากที่ถอนตัว
“ไปไหนมาคะเมื่อกี้เรายังจูบกันอยู่เลย” เสียงอ้อแอ้ของลัลลาเบลดังขึ้น เธอจูบกับใครก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ได้ไปไหนครับ ลัลลาเบลนั่นแหละไปไหนมา”
“ลัลลาเบลจะไม่ไปไหน จะอยู่กับพี่ตลอดไป”
“หึ! น่ารักจังครับ” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่สายตากลับมองมาอย่างผู้ชนะ
“ลัลลาเบลกลับบ้านกันเถอะ” ฉันเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนขึ้นมาอีกครั้ง
“หื้อ ~ คริสเหรอ ไม่เอาเราไม่กลับ!” เธอยังคงยืนยันคำเดิม
“กลับกันนะตอนนี้ดึกแล้ว” จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีวะเนี่ย!
“ไม่เอา!”
“ลัลลาเบลมีสติหน่อยสิ เรากลับกะ!”
“เป็นแม่หรือไงบังคับเพื่อนกลับบ้านอยู่ได้” สเตฟานพูดแทรกขึ้น เขายกมือโอบแผ่นหลังของลัลลาเบลกอดไว้
“....” ฉันเมินคำพูดของเขาแล้วพยายามดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น
“อย่าเมินเวลาที่รุ่นพี่เขาคุยด้วยสิ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น มีตัวแทรกเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งเลย
“....” ฉันเมินทั้งสองคนแล้วพยายามดึงเพื่อนขึ้น สเตฟานไม่ได้จับลัลลาเบลเอาไว้แต่เป็นเพื่อนฉันเองที่กอดเขาไว้แน่น โว๊ย! ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่สนใจหรอกแต่นี่...ฉันมีเพื่อนแค่คนเดียวแล้วยังมาอยู่ในสภาพแบบนี้อีก
หมับ!
“เด็กกำพร้านี่เมินจังเลย ไม่รู้หรือไงว่าพวกฉันเป็นใคร” ผู้หญิงอีกคนเข้ามาคว้าแขนไว้ วุ่นวายกันจังคนพวกนี้
“ปล่อย” ฉันปาดสายตามองไปยังผู้หญิงที่จับแขนอยู่
“ฉันชอบสายตาแกตอนนี้นะ มันดูเหมือนหมาจรจัดที่พยายามจะสู้ดี”
“....” หมาเหรอ...
“กรี๊ด!”
พึ่บ!
มือเล็กปล่อยจากแขนเพื่อนแล้ว ใช้มือข้างที่โดนจับพลิกเปลี่ยนมาจับแขนของอีกฝ่ายพร้อมกับออกแรงกระชากเธอเข้าหาตัว มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปสอดเข้าใต้หลังหัวก่อนออกแรงดึงผม บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นสยตา
“พูดอีกที!” ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ทำเอาทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว
“กรี๊ด! อีเด็กกำพร้ามึงไม่ตายดีแน่!”
“มึงนั่นแหละไม่ตายดี”
หมับ!
แขนข้างที่ดึงผมคนตรงหน้าถูกมือหนึ่งจับเอาไว้ แล้วออกแรงบีบอีกฝ่ายก็ถูกเพื่อนของตัวเองจับเอาไว้และช่วยกันดึงมือฉันออกจากแขนเธอเช่นกัน
“เก่งพอตัวเลยนี่ ขนาดมาคนเดียวนะเนี่ย” สเตฟานเป็นคนเข้ามาจับแขนฉันไว้
“ขอบคุณที่ชม แต่ทำตัวเหมือนหมาหมู่เลยนะ รุมผู้หญิงคนเดียว...กลัวไปหมดแล้วค่ะ” ริมฝีปากบางยกยิ้ม
“แน่ใจนะว่าเป็นแค่เด็กกำพร้า” เขาถามมันออกมาซึ่งหน้าและนั่นยิ่งทำให้ทุกคนต่างสนใจมาที่ฉัน
“ถ้าบอกแล้วจะไปตายเลยมั้ยล่ะ จะได้พูดให้ฟัง” คำถามเดิมถูกนำมาใช้อีกครั้ง สงสัยไม่จบไม่สิ้นจริงนะหมอนี่
พึ่บ!
ข้อมือเล็กปล่อยออกจากผมยาวและสะบัดออกจากมือเขา แล้วตรงเข้าไปคว้าแขนเพื่อนมาพาดคอไว้ข้างหนึ่ง มือโอบเข้าเอวบางแล้วออกแรงพยุงเพื่อนขึ้นมา ตัวหนักชะมัดเลยยัยลัลลาเบล!
“ให้ช่วยมั้ย” สเตฟานมองสภาพฉันตอนนี้แล้วยิ้มมุมปาก
“ช่วยไปตายไหนก็ไป” นัยน์ตาคมปาดมองคนตัวสูง
“เฮ้ย! จะมากไปแล้วเด็กกำพร้าไม่รู้หรือไงว่าสเตฟานเป็นใคร!” ผู้ชายอีกคนตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ถ้าเขาไม่ใช่คนแล้วค่อยมาทำให้ฉันตื่นเต้นโว๊ย!” เสียงเล็กตะโกนกลับไปอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
“อีเด็กปากดีนี่!”
“แล้วจะทำไม!” กลายเป็นว่าฉันและเพื่อนของสเตฟานตะโกนด่ากันเอง ส่วนตัวต้นเหตุยังคงเอาแต่มองหน้าฉัน สงสัยอะไรนักหนา
“อ้าว! สเตฟาน!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ทุกสายตาหันมองไปที่เธอ
“เฮเลน เคท” สเตฟานเรียกชื่อบุคคลเข้ามาใหม่
“บังเอิญจังที่เจอกัน” พี่เคท หลานสาวของเลขาธิการประจำราชวงศ์ แน่นอนว่าเธอก็รู้จักฉันดีเป็นคนส่งเสียงขัดจังหวะ เธอมองมาที่ฉันและสลับไปที่ลัลลาเบล
“มาทำอะไรที่นี่เฮเลน” น้ำเสียงของสเตฟานเปลี่ยนไปทันทีตอนพูดกับพี่เฮเลน
“อ่อ พอดีเรามาดื่มกับเคทน่ะ แล้วบังเอิญเห็นสเตฟานตอนที่พึ่งมาถึงเมื่อกี้ ก็ว่าจะมาเซอร์ไพรส์กว่าจะหาห้องเจอ” พี่เฮเลนกำลังโกหก สายตาของทั้งคู่มองมาที่ฉันขนาดนี้ตามมาสินะ
“ถ้างั้นเราสามคนไปที่อื่นกันเถอะ” สเตฟานทิ้งคนที่นี่เพื่อพี่เฮเลนเลยเหรอเนี่ย
“นั่น...น้องคริส” พี่เคทกระพริบตาปริบ ๆ ตอนเรียกชื่อฉัน
“ค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้พี่เคทและพยุงเพื่อนตัวเองตรงไปยังประตู
“เคทรู้จักด้วยเหรอ” ยิ่งพี่เคททัก สเตฟานก็ยิ่งสงสัยเมื่อเรารู้จักกัน
“อื้อ เด็กสาวที่ตระกูลของควีนมาเรียดูแลอยู่ฉันก็ต้องรู้สิ”
“อือ” ขนาดที่เคทหลบได้ดี หมอนี่ก็ยังไม่หยุดมองฉันด้วยความสงสัย
“เพื่อนเมาเหรอคะ เดี๋ยวพี่ช่วย ๆ” พี่เฮเลนรีบเข้ามาช่วยพยุงลัลลาเบลอีกคน
“เฮเลนก็รู้จักเหรอ” ไอ้บ้านี่ขี้สงสัยจังวะ!
“ไม่รู้จักหรอกแต่ดูเหมือนน้องเขาจะหนักนะฉันแค่ช่วย เอางี้เดี๋ยวฉันกับเคทไปรอข้างล่างนะ แล้วก็...จัดการของบนโต๊ะด้วย” พี่เฮเลนชี้ไปที่โต๊ะแล้วไล่สายตามองทุกคนก่อนจะหยุดที่หน้าเพื่อนตัวเอง
“ไม่ต้องมองแบบนี้เลย เฮเลนก็รู้ว่าเราไม่เคยยุ่ง”
“ไม่รู้ล่ะ ไปรอข้างล่างแล้วกัน” พูดจบพี่เฮเลนกับฉันก็พยุงลัลลาเบลออกไปทางประตู โดยมีพี่เคทเดินตามหลังมา
ร่างสูงจ้องมองกลุ่มคนที่เดินออกไปทางประตู ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในหัว สายตาของเด็กนั่นไม่มีความกลัวอยู่ภายในนั้นเลยและเรื่องบังเอิญที่เพื่อนทั้งสองเข้ามาได้ทันเวลา ตอนที่ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นเหมือนเหนื่อยจากการวิ่งมา แค่จะเซอร์ไพรส์ต้องวิ่งตามหาเขาเลยเหรอ
“กูบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าเอาของแบบนี้มาเล่น” นัยน์ตาคมไล่มองเพื่อนตัวเองทีละคน
“...” ทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบ
“แล้วมึงก็เลิกเอาชื่อกูไปใช้ล่อเด็กสักที เพื่อนเด็กนั่นเข้าใจว่าทั้งหมดกูเป็นคนทำแล้ว”
“สนใจอะไรวะ ก็แค่เด็กกำพร้ามันจะทำอะไรมึงได้”
“ทำไม่ได้แต่กูรำคาญ” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไปทันที ใบหน้าของเด็กคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว สายตาของเธอที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นไม่เหมาะกับคนที่เป็นแค่กำพร้าเลยสักนิด