แอบมอง (1)
ต้าหนิง
ฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะ ระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว...
ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ
ใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ...ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่..มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา..มีแฟนอยู่แล้ว
คลื่น......คลื่น......
(098765xxxx)
เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลย
ฉันกำลังลังเลอยู่ ว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว
“ฮัลโลค่ะ”
ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป
“ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ”
เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก
“ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง”
ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา
“พี่ไผ่เองครับ พี่ขอมาจากเพื่อนของต้าหนิงที่ชื่อแก้มใสนะ” เขาอธิบาย
พี่ไผ่นี่เอง นี่เขาคงจะเริ่มจีบฉันอย่างจริงจังแล้วสินะ เพราะไม่มีเฮียโต้งคอยขว้างทางเขาแล้ว
“ค่ะ พี่ไผ่มีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“พรุ่งนี้วันหยุด พี่อยากจะชวนน้องต้าหนิงไปดูหนัง ไม่รู้ว่าน้องต้าหนิงจะว่างหรือเปล่า”
พรุ่งนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำอยู่พอดี อยู่แต่บ้านมันก็น่าเบื่อ ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ลองเปิดใจให้พี่เขาสักหน่อย เขาก็มีความพยายามน่าดูที่จีบฉันอย่างจริงจัง
“ได้ค่ะ กี่โมงค่ะ”
“เย้.. นึกว่าจะแห้วซะแล้ว เอาเป็นว่าสี่โมงเช้าเดี๋ยวพี่เข้าไปรับที่บ้านนะครับ”
“โอเครค่ะ”
ฉันควรจะหันมาสนใจคนที่เขาสนใจฉันจริงๆ และคนที่มีความเป็นไปได้ในการพัฒนาสานต่อความสัมพันธ์ พี่ไผ่เขาก็น่ารักดีนะ ดูจริงใจดี ตรงไปตรงมา การกระทำตรงกับคำพูด ไม่เหมือนใครบางคนที่ดีแต่ปั่นหัวฉันเล่นไปวันๆ
เช้าวันต่อมา...
ฉันตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาวิ่งออกกำลังกายที่สนามฟุตบอลของที่บ้าน เช้าๆ แบบนี้ยังไม่มีลูกค้ามา บรรยากาศยามเช้านี่นะ..สดชื่นดีจริง ฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามแรกหลังจากที่วิ่งรอบสนามไปสามรอบ สนามแรกอยู่ใกล้กับร้านกาแฟของม๊าและก็อยู่ใกล้กับถนนใหญ่ ทำให้ฉันได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่หน้าร้านกาแฟของม๊า เมื่อรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของฉัน จากนั้นก็มีสี่กุมารเดินลงมาจากรถแท็กซี่ ซึ่งดูจากสภาพของแต่ล่ะคนแล้วไปตกถังเหล้ามาแง่ๆ เดินกอดคอกันเป็นคู่ๆ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านฉัน รู้อยู่หรอกว่าไปดื่มกันมา แต่ว่า...กลับมาซะเช้าเลยนะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอ วันหยุดทีไรเป็นต้องไปตกถังเหล้ากันให้ได้ แต่ก็นะ..ผับที่พวกเขาไปนั่นก็เป็นผับของอาพี่ราเรซ ก็ไม่แปลกว่าทำไมอายุอย่างพวกเขาถึงเข้าไปได้ แถมจะเมาแค่ไหนก็ไม่มีใครว่าอะไรซะด้วย พี่ชายฉันก็เลยได้ใจใหญ่...
ฉันยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้เจ็ดโมงกว่าแล้ว คิดเรื่องพวกเขาไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า ฉันเดินขึ้นมายังชั้นสามของบ้านเพราะห้องนอนของฉันอยู่ชั้นสาม ป๊ากับม๊านอนอยู่ชั้นล่างเพราะท่านอายุเยอะแล้วไม่อยากขึ้นบันไดมาอยู่ชั้นบนเลยให้ฉันกับเฮียโต้งขึ้นมาอยู่ ส่วนห้องนอนของเฮียโต้งนะอยู่ชั้นสอง พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็นอนเล่นอยู่บนห้องนอนสักพักก็เดินลงมายังชั้นล่างเมื่อใกล้เวลานัด
ฉันเดินลงยังชั้นสองกำลังจะลงไปยังชั้นล่างประตูห้องนอนของเฮียโต้งก็เปิดออกมาซะก่อน
“จะไปไหน”
ฉันหันไปมองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นแล้วว่าไม่ใช่พี่ชายของตัวเองฉันก็เบือนหน้าหนีทันที พอเห็นหน้าเขาเรื่องเมื่อวานก็พุดขึ้นมาในหัวทันที ฉันทำเมินเฉยก้าวเดินต่ออย่างไม่สนใจ
“ต้าหนิง”
พี่ราเรซจับข้อมือฉันไว้ก่อนที่ฉันจะก้าวขาลงบันได
“มีนัดค่ะ จะรีบไป”
ฉันบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือหนา ซึ่งพี่ราเรซก็ยอมปล่อยง่ายๆ ฉันชายตาไปมองหน้าเขาแวบหนึ่ง และถ้าฉันไม่ได้ตาฝาดไปนะ ฉันเห็นแววตาไหววูบอยู่นัยน์ตาคู่นั้นของเขามันสั่นไหวแปลกๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่พอฉันกะพริบตาแววตาไหววูบนั่นก็หายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันเดินหันหลังให้กับพี่ราเรซ เดินลงยังมาชั้นล่าง ซึ่งเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารของม๊า
“แต่งตัวซะสวยเลย จะไปไหนเหรอลูก”
ม๊ากำลังเช็ดตู้กระจกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อฉันเดินมาที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เพื่อหยิบนมรสสตอเบอร์ออกมาดื่มหนึ่งกล่องกับแซนวิจทูน่ามายองเนส
“ไปดูหนังค่ะ” ฉันตอบม๊า พลางเคี้ยวแซนวิจจนแก้มตุ่ย
มาม๊าของฉันไม่ค่อยจะหวงเท่าไร ถ้าหากฉันจะมีแฟน แต่ป๊ากับเฮียโต้งนี่ดิ หวงฉันอย่างกะไข่ในหิน
“ไปกับแก้มใสเหรอ” ม๊าถาม
“เปล่าค่ะ ไปกับผู้ชาย” ฉันกระซิบบอกม๊า เพราะกลัวป๊าจะได้ยิน
“จริงเหรอเนี้ย ใครกัน” ม๊ากระซิบถามอย่างตื่นเต้น
“สวัสดีครับ”
ยังไม่ทันได้ตอบม๊า พี่ไผ่ก็เดินเข้าสวัสดีม๊าของฉันซะก่อน
“ดีจ้า” ม๊าหันไปรับไหว้พี่ไผ่
“ผมขออนุญาตพาน้องต้าหนิงไปดูหนังนะครับ”
มาม๊าของฉันทำหน้างงๆ นิด แล้วท่านก็ยิ้มกลับไปให้พี่ไผ่อย่างใจดี
เขาสุภาพจัง... ดูเป็นคนมีสัมมาคารวะ แถมยิ้มเก่งอีกต่างหาก
“ได้สิจ้า แต่อยากพาน้องกลับดึกล่ะ” มาม๊าบอก
ฉันรีบกินแซนวิจกับนมรสสตอเบอร์จนหมด หันไปหยิบน้ำเปล่าออกมาจากตูแช่หนึ่งขวดแล้วก็เดินออกมาหาพี่ไผ่ที่หน้าเคาน์เตอร์
“ต้าไปก่อนนะม๊า” ฉันเดินเข้าไปกอดม๊าพร้อมกับหอมแก้มท่านหนึ่งที
“ยัยลูกคนนี้นี่ โตเป็นสาวแล้วยังจะมาหอมแก้มม๊าอีก อายพี่เขาไหมนั่น” ม๊าแกล้งดุฉัน
“ไม่ป็นไรหรอกครับ น่ารักดี..” พี่ไผ่ตอบ
นี่กะจะทำคะแนนกับม๊าของฉันเต็มที่เลยใช่ไหมเนี้ย เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว เหมือนม๊าของฉันจะพอใจพี่ไผ่อยู่ไม่น้อย กับกิริยามารยาทที่น้อมนอบของพี่เขา
“พี่ไผ่ขับรถมาเองเหรอคะ” ฉันถามขึ้น
เมื่อพี่ไผ่เดินมาเปิดประตูรถสปอตร์หรูให้ฉันเข้าไปนั่ง ดูแล้วบ้านรวยใช่เล่นนะเนี้ย รถคันที่ขับมารับฉันเนี้ยราคาเฉียนไปกี่ล้านก็ไม่รู้
“ครับ น้องต้าหนิงไม่ต้องกลัวไป พี่ซื้อใบขับขี่มาแล้ว”
ฉันหันขวับไปมองหน้าพี่ไผ่อย่างอึ้งๆ
“ฮ่าๆ ๆ พี่ล้อเล่น”
เฮ้อ... โล่งอกนึกว่าพูดจริงซะอีก
“พี่ไผ่นี่อารมณ์ขันจังเลยนะคะ แต่อย่าล้อเล่นแบบนี้บ่อยๆละ เดี๋ยวต้าหัวใจวายพอดี”
“น้องต้าหนิงครับ มุมปากเปื้อนนิดหน่อยนะ ตรงนี้” พี่ไผ่ชี้นิ้วไปที่มุมปากด้านซ้ายของตัวเองเพื่อให้ฉันดูเป็นตัวอย่างว่ามุมปากฉันเปื้อนอยู่ตรงไหน
“ตรงนี้เหรอคะ” ฉันเช็ดมุมปากตามที่พี่ไผ่บอก
“ยังออกไม่หมดเลย เดี๋ยวพี่เช็ดให้”
พี่ไผ่หยิบทิชชูจากกล่องด้านข้างประตูรถมาเช็ดที่มุมปากให้ ฉันก็ยื่นหน้าไปใกล้มือพี่ไผ่อีก เพื่อที่พี่เขาจะได้เช็ดได้ถนัดขึ้น
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อเช็ดเสร็จพี่ไผ่ก็กลับไปนั่งที่ตามเดิมพร้อมกับเคลื่อนตัวรถออกจากหน้าบ้านของฉัน
โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของไผ่และต้าหนิงได้มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองทุกกิริยาของทั้งคู่ ซึ่งถูกมองลงมาจากชั้นสองของบ้าน ทำให้เห็นเหตุการณ์ภายในรถหรูได้อย่างชัดเจน