เจอกัน 4/4
“เรียก พี่ไบค์ สิ”
“ทำไมต้องเรียกแบบนั้นด้วย” แก้มใสไม่ยอมสบตาผม เธอเอาแต่มองไปทางอื่น ผมจึงพลิกตัวให้แก้มใสไปชิดกับกำแพง มือข้างหนึ่งค้ำตัวเองไว้ข้างหัวแก้มใส ส่วนมืออีกข้างก็รัดเอวบางไว้แน่น แก้มใสจ้องหน้าผมด้วยความตกใจเมื่อรู้ตัวว่าเผลอสบตากับผมเข้าเธอรีบหลบตาในทันที
“จะเรียกไม่เรียก” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก แกล้งพ่นลมใจหายรดแก้มเนียนแรงๆ ทำให้ใบหน้างามถึงกลับขึ้นสีอมชมพู่อย่างน่ารัก
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ทำไมตะ...อุ๊บ!” ผมไม่รอให้แก้มใสได้เอ่ยจบ รีบโฉบริมฝีปากตัวเองบดจูบปากบางทันที
“อือ....” แก้มใสร้องท้วงอยู่ในลำคอพร้อมกับจิกเล็บลงที่อกแกร่งของผมอย่างแรง เธอไม่ยอมเปิดปากให้ผมได้เข้าไปชิมความหวาน ผมจึงละมือที่ยันกำแพงไว้เลื่อนไปลูบไล้ต้นขาอ่อนที่อยู่ใต้กระโปรงทรงพีทของเธอ แก้มใสรีบคว้ที่ข้อมือของผม เปิดทางให้ร่างกายของเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม ผมอาศัยจังหวะที่แก้มใสเผลอสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างโหยหา ผมสูบเอาทุกอย่างและคว้านชิมทุกจุดที่สัมผัสได้
“อือ...” เสียงแก้มใสครางแผ่วเบาเมื่อเธอไม่สามารถต่อต้านผมได้ แขนหนาทั้งสองข้างกอดรัดร่างบางแน่นพร้อมกับบดขยี้ปากบางอย่างเร่าร้อนจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องการมากกว่าจูบ
ผมเลื่อนริมฝีปากลงจูบเม้มที่ซอกคอทำให้แก้มใสมีช่องในการผลักผมออกห่างจนได้ แก้มใสจ้องหน้าผมด้วยความสับสน สีหน้าของเธอดูตื่นตระหนกมากกว่าโกรธเคือง
“แก้มมีเรียนค่ะ” เธอพยายามจะชิ่งหนีอีกรอบและผมก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ หากยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมยกแขนทั้งสองข้างกักตัวเธอไว้อีกรอบ แต่ไม่ได้แน่นหนาเหมือนตอนแรกเพราะดูเหมือนว่าแก้มใสไม่ได้ต่อต้านอะไรแล้ว
“บอกว่าไง” แก้มใสไม่กล้าสบตากับผม เธอเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นพร้อมกับกลอกตาไปมา ไม่มีความเก่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเฮะ
“อะ อะไรคะ”
ผมชอบให้แก้มใสที่เป็นนี้จัง เหมือนเธอกำลังเขินยังไงก็ไม่รู้ มันทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เรียกพี่ไบค์สิ”
แก้มใสเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว ก่อนที่ริมฝีปากบางจะค่อยๆ เอ่ยออกมาเบาๆ
“พี่ไบค์” ถึงจะเบาไปหน่อยแต่มันก็ทำให้ผมยิ้มไม่หุบเลยละ
“ถ้าไม่เรียกพี่ไบค์อีกล่ะก็... โดนแบบเมื่อกี้แน่” เพื่อเป็นการย้ำเตือนความจำ ผมจึงกดจูบริมปากบางไปอีกรอบ ทำให้แก้มใสถึงกลับสะดุ้งสุดตัวแล้วผลักผมออกรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผมมองตามหลังบางด้วยรอยยิ้ม ถ้ารู้ว่าการที่จูบเบาๆ แล้วทำให้แก้มใสเขินได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ผมคงไม่ทำรุนแรงกับเธอแน่ ผมยกนิ้วโป้งขึ้นมาปาดริมฝีปากตัวเองเบาๆ
“นิ่มจัง” ผมยกยิ้มอย่างพอใจที่ได้สัมผัสแก้มใสในวันนี้ อย่างน้อยๆ ก็พอจะรู้แล้วล่ะว่า เธอไม่ได้รังเกียจผม
ตอนที่โดนแก้มใสตบหน้าในห้องคณะนั้นผมคิดว่าแก้มใสต้องเกลียดผมไปแล้วแน่ๆ เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ เลย ต่อจากนี้ผมจะค่อยๆ เข้าหาแก้มใสก็แล้วกัน รุนแรงไปอาจไม่ช่วยอะไร แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะอ่อนโยนไปได้สักกี่น้ำ สำหรับผมนะ...
ฉันวิ่งหลบเข้ามาในห้องน้ำหญิงด้วยอาการตื่นตระหนกไม่หาย นี่มันอะไรกัน ฉันยืนจ้องหน้าตัวเองในกระจก พร้อมกับเลื่อนมือขึ้นมาทับลงที่อกข้างซ้ายซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจเร็วมากจนฉันกลัวว่ามันอาจจะทะลุออกมา
มันมีความรู้สึกอย่างหนึ่งแทรกเข้ามาในหัวของฉัน ตอนที่เขาจูบ เขาไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งก่อนซึ่งมันทำให้ฉันเผลอไผลและลุ่มหลงไปชั่วขณะ ความรู้สึกเหมือนกับว่า ฉันรู้สึกดีกับจูบของพี่บิ๊กไบค์
“ไม่ใช่หรอก” ฉันสะบัดหัวแรงๆ นึกค้านตัวเองอยู่ในใจ ฉันแค่เผลอตัวเท่านั้นแหละ เพราะว่าฉันยังไม่เคยจูบกับใครมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่า...จริงๆ แล้ว จูบมันเป็นอย่างไร และต้องรู้สึกอย่างไร ฉันแค่ตื่นเต้นแค่นั้นแหละ ไม่ได้หวั่นไหวสักหน่อย ใช่! มันต้องเป็นอย่างนั้น ฉันเถียงกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ในใจ
14:14 PM.
หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ฉันกับต้าหนิง แพรวแล้วก็น้ำ เดินไปซื้อขนมที่ร้านค้า ก่อนจะมานั่งทานกันที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ
“ตั้งแต่น้ำเกิดเป็นคนมาเนี้ยนะ ยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาเลยสักครั้ง น้ำว่าเราไปกันหน่อยไหม” น้ำชวน
“แต่เรายังไม่ 20 เลยนะ จะเข้าได้เหรอ” แพรวถาม
“อยากไปกันจริงๆ เหรอ” ฉันเอ่ยถามเพื่อนพร้อมกับยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ต้าหนิงกับแพรวแล้วก็น้ำ พยักหน้าอย่างพร้อมเพียงกันในทันที
“แก้มมีวิธี...” ฉันบอกกับเพื่อนๆ ซึ่งทำให้เพื่อนทั้งสามหันหน้าไปมองกันอย่างงงๆ ฉันพาเพื่อนเข้าไปได้จริงๆ นะ ไม่ได้โกหกด้วย
จากนั้นพวกเราทั้งสี่คนก็พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของแพรวกับน้ำ เพื่อนทั้งสองคนอยู่หอพักเพราะบ้านของแพรวกับน้ำอยู่ต่างจังหวัดกันก็เลยมาเช่าหอพักอยู่เพื่อความสะดวกในการไปเรียน
ฉันแอบออกมานอกห้องเพื่อโทรบอกแม่ว่าวันนี้มีรายงานกลุ่มที่ต้องรีบทำส่งอาจารย์ให้ทันพรุ่งนี้เช้า จึงขออนุญาตแม่ค้างที่หอพักของเพื่อน
“แก้มขอโทษนะแม่” ฉันพูดกับหน้าจอโทรศัพท์ที่กดวางสายแม่ไปแล้ว
“โอ้โฮ น้ำ ทำไมน้ำมีชุดเซ็กซี่เยอะจังอ่ะ”
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นต้าหนิงกำลังยืนมองชุดที่แพรวกับน้ำเอาออกมาวางไว้บนเตียงเพื่อให้ฉันกับต้าหนิงเลือก ฉันเดินมาดูชุดเหล่านั้นใกล้ๆ ถึงกลับต้องกลืนน้ำลายเลยทีเดียว เพราะว่าแต่ล่ะชุดค่อนข้างเซ็กซี่มาก
“ก็มันซื้อไว้เป็นแรงจูงใจในการลดน้ำหนักไง คิดว่าต้องลดให้ได้เพื่อใส่ชุดพวกนี้ แต่ก็เปล่าเลยค่ะ กินตัวแตกเหมือนเดิม ฮ่าๆ ๆ ๆ ” แพรวเล่าอย่างขำขัน
“ก็ของกินมันอร่อยอ่ะ” น้ำเถียงแพรว
“แก้มลองใส่ชุดนี้สิ”
ต้าหนิงหยิบเสื้อสีขาวยาวถึงหน้าขาด้านบนเปิดไหล่กว้าง เอามาทาบบนตัวของฉัน
“ชุดมันดูโป๊ไปไหม” ฉันมองดูชุดที่ต้าหนิงหยิบให้มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฉันจึงหยิบชุดออกมาจากมือต้าหนิงแล้วไปวางไว้ตามเดิม
“ถ้าไม่ใส่โกรธ...” ต้าหนิงทำหน้างง้อใส่ ทำให้ฉันรู้สึกเหวอเล็กน้อย นี่ต้าหนิงจะโกรธฉันจริงๆ เหรอ
“งั้นต้าก็ต้องใส่ชุดนี้ด้วย ไม่งั้นโกรธ...” ฉันจึงหันไปหยิบชุดที่คล้ายกันกับชุดที่ต้าหนิงหยิบมาให้ มันต่างกันก็แค่...ชุดที่ฉันหยิบให้ต้าหนิงนั้นมันรัดรูปกว่าชุดที่ต้าหนิงหยิบให้นะสิ
“ได้!” ต้าหนิงยื่นมือมารับชุดมาพร้อมกับฉีกยิ้มให้อย่างท้าทาย
“ไปแต่งตัวกัน”
สามนาทีผ่านไป
“ว๊าว” เมื่อฉันกับต้าหนิงแต่งตัวเสร็จ แพรวกับน้ำก็ร้อง ว๊าวออกมาพร้อมกัน
“พวกแกเหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีนเลย เซ็กซี่มาก...” แพรวชม
“ไปกันได้ยังค่ะ ฉันอยากจะดิ้นๆ แล้วนะ” น้ำพูดพร้อมกับทำท่าทางออกสเต็ปเต้น
แล้วเราทั้งสี่คนก็นั่งรถแท็กซี่มายัง STผับ นี่คือแหล่งท่องเที่ยวยามราตรียอดฮิตที่สุดในหมู่วัยรุ่นแล้วล่ะ ผับนี้ดังที่สุดในย่านนี้ก็ว่าได้
รถแท็กซี่จอดสนิทอยู่หน้าผับ ฉันจึงเดินนำเพื่อนๆ อ้อมไปยังด้านหลังของผับซึ่งมีประตูอยู่ ฉันเคยทำงานที่นี้จึงรู้ทางเข้าออกดีกว่าใคร ฉันหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าแล้วไขเข้ากับกลอนประตู
แก็ก!
“แก้มทำได้ไง ไปเอากุญแจมาจากไหน” ต้าหนิงถามฉันด้วยสีหน้าตกใจ
“พอดีว่าแก้มเคยมาทำงานพาร์สไทม์เป็นผู้ช่วยอยู่ในครัวนะ พี่ที่ทำงานด้วยกันก็เลยให้กุญแจมา แต่พอจะเอามาคืนพี่เขาก็ลาออกไปแล้ว” ฉันจึงหันไปอธิบายให้เพื่อนฟัง
ฉันพาเพื่อนๆ ย่องเข้าไปยังด้านของผับผ่านห้องเก็บอาหารไปโผล่อีกทีที่หน้าห้องน้ำหญิง และเราก็สามารถเข้ามายังด้านในผับได้อย่างแนบเนียน ต้าหนิงเดินนำไปนั่งที่โต๊ะอย่างเนียนๆ เหมือนว่าเราเคยมาบ่อยอะไรประมาณนี้
“เดี๋ยวต้าเลี้ยงเอง ใครอยากจะดื่มอะไรเต็มทีเลยนะ แต่...อย่าหนักมากเดี๋ยวกลับห้องไม่ได้” ต้าหนิงบอก
“อะไรน่าดื่มที่สุดเหรอแก้ม” น้ำหันมาถามฉัน
“ไม่รู้สิ แก้มก็อยู่แต่ในครัวไม่เคยออกมาตรงนี้เลยสักครั้ง” ฉันตอบตามความจริง เพราะฉันก็พึงเคยมานั่งตรงนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ต้าหนิงยกมือขึ้นโบกเรียกพนักงาน สักพักพนักงานผู้ชายหน้าหล่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ต้าหนิง
“รับอะไรดีครับ” พนักงานผู้ชายถามขึ้น
“อยากได้เครื่องดื่มสำหรับผู้หญิงนะคะ ขอไม่แรงมาก” พนักงานจึงยื่นเมนูเปิดให้ต้าหนิงดู
“กามิกาเซ่ ครับ รสชาติเปรี้ยวนิดขมหน่อยเหมาะกับผู้หญิงและคนที่พึงดื่มครั้งแรก...” พนักงานชายแนะนำ
“งั้นก็เอากามิกาเซ่สาม ส่วนของฉันขอเป็นเตกีลาก็แล้วกัน...” ต้าหนิงสั่งให้ตัวเองและพวกเราเสร็จสับ
“ต้าสั่งอะไรไปอ่ะ ไม่เห็นเหมือนพวกเราเลย” ฉันถามต้าหนิงด้วยความสงสัย เพราะชื่อที่ต้าหนิงสั่งให้ตัวเองไม่เหมือนกับพวกเรา
“ก็สั่งเหมือนโต๊ะข้างๆ เรานี่แหละ ไม่เห็นเหรอว่าพนักงานคนเมื่อกี้มันพูดว่า...คนที่ดื่มครั้งแรก... มันรู้ว่าเราพึ่งเคยมา เพราะฉะนั้นเราต้องทำเหมือนว่าเราเคยมาแล้ว ไม่งั้นเราอาจจะโดนหมายตาแล้วถูกผู้ชายหิ้วกลับบ้านไปได้” ต้าหนิงอธิบาย
“แล้วที่ต้าสั่งมาอ่ะมันแรงป่ะ” แพรวถาม
“ก็น่าจะแรงกว่าที่สั่งให้เพื่อนอยู่แหละ ถ้าต้าไม่ไหวยังไงก็...หิ้วต้ากลับด้วยนะ” ต้าหนิงส่งยิ้มแห้งๆ มาให้พวกเรา แล้วฉันกับเพื่อนก็ส่ายหน้าให้อย่างหน่ายๆ
ไม่นานพนักงานคนเดิมก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ฉันค่อยๆ จิบทีละนิด เพราะรู้สึกไม่ค่อยชอบของมึนเมาสักเท่าไร อีกอย่างหากฉันเมาก็คงไม่มีใครพาเพื่อนๆ กลับหอพักได้แน่ๆ เมื่อฉันหันไปมองเพื่อนๆ อีกสามคนต่างก็แข่งกันยกแก้วอย่างสนุกสนาน
“ไปแดนซ์กันเพื่อน...” น้ำพูดขึ้นพร้อมกับดึงตัวต้าหนิงออกจากโต๊ะไปยังฟอร์เต้น แล้วต้าหนิงก็หันมาคว้าแขนฉันให้ตามไปด้วย ฉันเต้นไม่เป็นหรอก ได้แต่ยืนมองต้าหนิงกับเพื่อนอีกสองคนออกสเต๊ปกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ฉันยิ้มขำไปด้วย
“ทำอะไรนะ!” เสียงต้าหนิงหันไปตะคอกผู้ชายคนหนึ่งเสียงดังลั่น ฉันจึงรีบเข้าไปหาต้าหนิงพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้ออกห่างผู้ชายคนนั้น
“ก็ก้นเธอมันน่าฟัดนิ” ผู้ชายที่โดนต้าหนิงตะคอกดูไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ต้าหนิงหันไปที่โต๊ะข้างๆ แล้วหยิบแก้วเหล้าที่มีเหล้าอยู่เต็มแก้วขึ้นมาเทราดลงบนหัวผู้ชายคนนั้น ฉันรีบคว้าแขนต้าหนิงให้ถอยหลบผู้ชายคนนั้นทันที เพราะดูเหมือนว่าต้าหนิงจะทำให้เขาโกรธสุดๆ
“มึง!” ผู้ชายคนนั้นตั้งท่าเข้ามาจะชกต้าหนิง
พลึก! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร พอรู้ตัวอีกทีฉันก็เข้าไปยืนอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน เขายืนโอบรอบเอวฉันไว้แน่น ฉันก้มมองดูแขนแกร่งที่รัดเอวก่อนก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา
.
.