หวั่นไหว 1/4
“พี่ไบค์...” พี่บิ๊กไบค์หยักคิ้วให้หนึ่งทีประมาณว่า ใช่ พี่เอง
จากนั้นคุณโลโค่เจ้าของ ST ผับ ก็เข้ามาระงับสถานการณ์ พี่ราเรซจึงพาต้าหนิงเดินออกจากผับทันที ฉันกำลังจะเดินตามพี่ราเรซไปเพราะเป็นห่วงต้าหนิง ดูเหมือนว่าต้าหนิงจะเมาหนักเอาการอยู่
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินก็โดนมือหนากุมมือฉันไว้พร้อมกับออกแรงกระชากเล็กน้อยทำให้ร่างของฉันกระเด็นไปปะทะกับอกแกร่งอย่างจัง
“แอบหนีเที่ยวแบบนี้ ไม่ดีเลยนะ” พี่บิ๊กไบค์โน้มตัวลงมากระซิบถามในระยะประชิด ทำให้ฉันต้องเอียงหน้าหนีเล็กน้อยด้วยความตกใจ
“แก้มโตแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องแอบเที่ยว” ฉันเชิดหน้าขึ้นตอบอย่างไม่ยอมแพ้ที่โดนพี่บิ๊กไบค์พูดเหมือนฉันเป็นเด็กที่แอบผู้ปกครองมาเที่ยว
“โตจริงเหรอ...” พี่บิ๊กไบค์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฉันได้กลิ่นเหล้าจางๆ ที่ปะปนมากับลมหายใจของเขาซึ่งมันไม่ได้เหม็นอย่างที่คิดไว้ แต่มันกลับมีกลิ่นหอมบางอย่างปะปนมาด้วย มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่มันคือกลิ่นตัวของเขาเอง
ฉันเผลอสูดดมเข้าเต็มปอดอย่างลืมตัว นี่สินะ กลิ่นฟีโรโมนของผู้ชาย มันไม่ได้แค่หอมเพียงอย่างเดียวนะ มันทำให้ฉันรู้สึกอย่างเข้าใกล้เขามากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“แก้มใส...”
“คะ...” ฉันขานรับเสียงเบาหวิวคลายคนละเมอ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าเขา พี่บิ๊กไบค์จ้องมองฉันด้วยสีหน้าแปลกใจ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป ถึงได้ทำให้พี่บิ๊กไบค์มองฉันแบบนั้น
“เมาหรือเปล่า” พี่บิ๊กไบค์จับไหล่ฉันให้ออกห่างตัวเล็กน้อย ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มตัวลงมามองหน้าฉันใกล้ๆ พอได้มองเขาในระยะใกล้ชิดแบบนี้แล้ว มันทำให้ฉันได้สำรวจใบหน้าพี่บิ๊กไบค์ได้ชัดเจนขึ้น ผิวเขาเนียนดีจัง จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคม ดูดีเป็นบ้าเลย ฉันเลื่อนสายตาลงต่ำอีกก็เจอกับริมฝีปากหนาที่ประทับจูบฉันไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ใจฉันมันก็เริ่มเต้นแรงพร้อมกับไอร้อนพุ่งขึ้นมาบนแก้มเนียน
“ปะ เปล่าค่ะ” ฉันรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเร็ว นี่ฉันเผลอคิดอะไรอยู่เนี้ย
“แก้มไปหาต้าหนิงก่อนนะคะ” ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อหยิบกระเป๋าของต้าหนิง แล้วเดินตามพี่ราเรซและเพื่อนๆ ไป
พี่ราเรซอาสาไปส่งต้าหนิงเอง ฉันจึงยื่นกระเป๋าของต้าหนิงส่งให้พี่ราเรซ ยังไงซะ พี่ราเรซก็คงไม่ทำร้ายต้าหนิงหรอก อีกอย่างเพื่อนรักของฉันก็ชอบพี่ราเรซด้วย หวังว่าทั้งคู่คงจะมีเรื่องดีๆ ตามมาทีหลังนะ ฉันอยากให้ต้าหนิงสมหวังและมีความสุขกับคนที่ต้าหนิงแอบรักมานาน
“เป็นห่วงต้าหนิงเหรอ” พี่บิ๊กไบค์เดินมายืนซ่อนด้านหลัง ฉันจึงหันหน้ากลับไปพยักหน้าให้เขาหนึ่งทีแทนคำตอบ
“เป็นห่วงตัวเองก่อนไหม” พี่บิ๊กไบค์ถามขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
“ทำไมคะ”
“ต้าหนิงนะ มีคนดูแลแล้ว แก้มใสล่ะ ไม่คิดจะหาใครมาดูแลบ้างเหรอ” สายตาของพี่บิ๊กไบค์ในตอนนี้ชั่งดูอ่อนไหวเหลือเกิน นี่เขายังรอฉันอยู่อีกเหรอ
“ไม่ค่ะ...แก้มดูแลตัวเองได้” ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบให้ความหวังใคร ถ้าใจของฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริงๆ
“ใจแข็งจังนะ” พี่บิ๊กไบค์หันหน้าหนีด้วยท่าทางเซ็งๆ
“ขอโทษค่ะ” ฉันไม่รู้จะเอ่ยคำไหนจริงๆ ที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้
“ไม่จำเป็น” พี่บิ๊กไบค์ตอบสวนกลับมาทันควัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็สบเข้ากับตาคมพอดี สายตาของพี่บิ๊กไบค์ในตอนนี้...ดูว่างเปล่า ไม่แสดงความารู้สึกอะไรออกมาอีก เหมือนจะดีนะ ถ้าหากเขาตัดใจจากฉันได้จริงๆ แต่ทำไม...ในใจของฉันถึงได้รู้สึกไม่ไว้ใจในความเงียบและนิ่งของเขาเลยนะ หรือฉันคิดมากไป
ก่อนที่ฉันจะคิดระแวงไปมากกว่านี้ สายตาของฉันก็เลื่อนไปเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นตา กำลังถูกผู้ชายสองคนหิ้วปีกออกมาจากผับ
“พี่บิ๊กไบค์ไปส่งเพื่อนแก้มก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวแก้มกลับเอง” ฉันไม่รอให้พี่บิ๊กไบค์รับปาก รีบจ้ำเดินตามบุคคลที่ฉันสงสัยไปทันที
ผู้ชายสองคนพยายามยัดผู้หญิงใส่เข้าไปในรถเก๋งคันหนึ่งด้วยความทุลักทุเล เพราะดูจากสภาพแล้ว ผู้หญิงเมาหนักมาก ผู้ชายคนหนึ่งเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ ส่วนอีกคนกำลังจะเข้าไปนั่งด้านหลังกับผู้หญิง ก่อนที่ประตูรถจะปิดลง ฉันรีบเดินเข้าไปกระชากประตูรถอย่างแรงพร้อมกับดึงผู้ชายคนนั้นออกมาด้วย
“ใครวะ!” ผู้ชายที่ที่โดนฉันกระชากเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย
“ลงมา” แต่ฉันไม่สนใจที่จะตอบเขา ฉันหันไปดึงตัวผู้หญิงที่อยู่ในรถให้ออกมา เธอหันมามองหน้าฉันด้วยท่าทางหงุดหงิดสุดๆ เธอยอมออกมาจากรถพร้อมกับผลักฉันอย่างแรงทำให้ตัวฉันกระเด็นไปปะทะกับเสาปูนด้านหลัง
ปึก! ความเจ็บแล่นแปล๊บขึ้นมาที่กลางหลัง
“มายุ่งอะไรด้วย ฮะ!”
“ใครเหรอ เกรซ” ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาถาม
“หึ! ก็แค่พวกชอบเสือกเรื่องชาวบ้านนะ” เธอหันไปตอบผู้ชายคนนั้น
“แต่จะว่าไป... น่ารักเหมือนกันนิ สนใจไปสนุกกับพวกเราไหม” ผู้ชายคนที่โดนฉันกระชากหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ
“เธอควรกลับบ้าน” ฉันหันไปพูดกับเกรซแทนเพราะไม่อยากจะเสียเวลาคุยกันคนแปลกหน้าที่ฉันไม่รู้จัก
“ถ้าพวกแกอยากได้มันนะ ก็เอาไปสิ” เธอหันไปบอกกับผู้ชายอีกสองคน
เมื่อผู้ชายทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็เดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างคุมคาม ด้วยความกลัวฉันจึงหันหลังแล้วออกวิ่งทันที แต่ก็วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกผู้ชายสองคนตามมาทัน ฉันโดนล็อกแขนทั้งสองข้างแล้วพวกมันก็ลากตัวฉันกลับมาที่รถเก๋งจนได้
“ปล่อยนะ!” ฉันร้องโวยลั่น พยายามดิ้นแรงๆ ให้หลุดจากการเกาะกุม
“ไงมึง ชอบเสือกเรื่องกูดีนัก” เกรซเดินเข้ามาตบหน้าฉันเบาๆ สองที พร้อมกับยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน เธอยื่นมือข้างหนึ่งมาล้วงกระเป๋ากางเกงผู้ชายตรงหน้าแล้วหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กออกมา เธอจุดไฟเข้ากับบุหรี่ด้วยท่าทีชำนาญแล้วสูบเอาควันสีขาวขุ่นเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาใส่หน้าฉันเต็มๆ
“แฮ่กๆ ๆ ๆ” ฉันลำสักควันบุหรี่อย่างหนักทำให้แสบหูแสบตาไปหมด
“ทะ ทำบ้า อะไร แฮ่กๆ ๆ” ฉันพยายามว่าเกรซแต่ก็พูดได้ลำบากเพราะเธอยังพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าฉันไม่หยุด
“นี่เกรซ ถามจริงเหอะ ว่าสาวสวยคนนี้เป็นอะไรกับเธอ” ผู้ชายที่ล็อคแขนซ้ายฉันถามขึ้น
“ก็แค่...ลูกเมียน้อยพ่อฉันนะ” พูดจบเธอก็พ่นควันใส่ฉันอีกรอบ ฉันว่า ฉันจะเป็นโรคมะเร็งก็คราวนี้แหละ
“น้องสาวเธอเหรอ” ผู้ชายอีกคนถาม
“เปล่า...มันเกิดก่อนฉัน” ผู้ชายสองคนหันหน้าไปมองกันอย่างงงๆ
“ทำไมเธอทำตัวแบบนี้ ถ้าเขารู้ เขาต้องเสียใจแน่ๆ” ฉันจ้องมองเกรซอย่างพิจารณา ก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกรซทำอยู่นี้ มันไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันคือสิ่งที่เธอทำเป็นประจำอยู่แล้ว
เกรซโยนบุหรี่ทิ้ง แล้วเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับจิกผมฉันจนหน้าหงายขึ้น
“โอ๊ย!” ฉันพยายามข่มความเจ็บเอาไว้ ไม่ยอมแสดงความกลัวให้คนพวกนี้เห็นไม่ได้
“จะให้กูทำตัวดีเหมือนมึงนะเหรอ! แล้วไงล่ะ มีใครเขาสนใจมึงบ้าง ขนาดปู่กับย่ายังไม่เห็นว่ามึงเป็นหลานเลย แล้วนับประสาอะไรกับพ่อ!” เกรซจ้องมองฉันอย่างเย้ยหยัน
“ก็ดีกว่า ทำตัวแย่ๆ แบบนี้ก็แล้วกัน”
“ทำไม! มึงคิดว่ามึงมีดีกว่ากูตรงไหน ห๊ะ! อีแก้ม!” เกรซจิกผมฉันแรงขึ้นจนฉันรู้สึกแสบร้าวไปทั่วหนังศีรษะ ฉันอาศัยจังหวะที่เกรซอยู่ใกล้ จึงยกเท้าขึ้นถีบท้องเกรซอย่างแรง จนร่างของเกรซหงายหลังล้มลงไปกับพื้น
“ฉันนึกว่าแกโดนฉุดหรืออาจจะโดนผู้ชายสองคนนี้มอมเหล้า ฉันไม่น่ามาช่วยแกเลย” ฉันตะโกนกลับไปด้วยความเหลือใจในความโง่เง่าของตัวเอง
“มึงกล้าถีบกูเหรออีแก้ม!” เกรซลุกขึ้นจากพื้นแล้วตรงเรามาหาฉัน
เพี๊ยะ! รู้สึกชาวาบที่แก้มด้านซ้ายและได้รสเลือดเค็มๆ ปนมาด้วย
“เป็นไง อยากโดนอีกสักรอบไหม ห๊ะ!” เกรซง้างมือขึ้นเตรียมจะตบฉันอีกรอบ ฉันยืนหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บอีกรอบ
หมับ!
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น เพราะสงสัยว่าทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเจ็บ หรือว่าเกรซเปลี่ยนใจไม่ตบฉันแล้ว แต่พอลืมตาขึ้น สิ่งที่แสดงตรงหน้าฉันคือชายผู้มีใบหน้าคมเข้มกำลังจับข้อมือเกรซไว้แน่นหรืออาจจะบีบก็ได้เพราะเกรซมีสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ พี่บิ๊กไบค์สะบัดข้อมือเกรซอย่างแรงทำให้ร่างเกรซเซไปโดนรถเก๋ง
“ถ้ามึงสองตัวรักชีวิตตัวเองมึงก็ควรปล่อยแก้มใสซะ” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก คนที่ได้ยินถึงกลับรู้สึกขนลุกเลยทีเดียว ผู้ชายสองคนหันไปมองหน้ากันเลิ่กลักอย่างชั่งใจ
“อย่าปล่อยมันนะ!” เกรซตะโกนบอกพวกของตัวเองเมื่อสองคนนี้ทำท่าจะปล่อยฉัน
“งั้นพวกมึงก็แดกตีนกูได้เลย”
.
.