บทที่6 ‘truth or dare ความจริงหรือท้าทาย’
หลังจากที่ยืนสบตากันไปสักพัก ฉันก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน ส่วนพี่ดินเมื่อเห็นว่าฉันหันไปทางอื่น พี่แกก็ลากฉันต่อทันที ฉันที่ยังไม่ทันจะได้เตรียมตัวเดินแทบจะถลาหน้าเข้าไปซบกับหน้าอกของเขา
พี่ดินที่เห็นว่าฉันถลาหน้าเข้าไปหาเลยหยุดเดินไว้แล้วเปลี่ยนมาโอบเอวฉันแทนก่อนจะเดินต่อไปอย่าง ๆ เงียบจนมาถึงหน้าห้องที่เขียนว่าวีไอพี
End part
Peandin part
ปึก!!
“นั่นไงมันกลับมาแล้ว มึงหายไปไหนมาว่ะ” เสียงรามสูรทักขึ้นทันทีที่ผมผลักประตูเข้ามาในห้องวีไอพี หลังจากที่เมื่อหลายนาทีที่แล้วผมออกจากห้องไปโดยไม่บอกพวกมัน
“แล้วนั่นมึงลากใครกลับมาด้วยว่ะ” กองทัพพี่ชายของผมถามขึ้นเมื่อมันเห็นว่ามีคนยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผม ผมจึงคว้าเอวบางของเจนีนที่หลบอยู่ข้างหลังออกมา
“สวัสดีค่ะพี่ๆ ทุกคน” เจนีนยกมือไหว้ทุกคนในห้องด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อยหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน พวกมันทุกคนก็พยักหน้ารับกลับมานิ่งๆ ตามสไตล์...ยกเว้นคนเดียวที่มีท่าทีแปลกไปกว่าคนอื่น
ฟึบ!
“เจน! น้องกูมากับมึงได้ไง” ไอ้เจคที่นั่งอยู่รีบลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟาทันทีที่เห็นว่าน้องมันมากับผม
“กูลงไปรับเอง” ผมตอบไอ้เจคกลับไปนิ่งๆ
“อ้อ ที่มึงหายหัวไปเมื่อกี้นี้คือไปตามน้องมันเหรอว่ะ แล้วมึงเอาโทรศัพท์ไอ้เจคไปทำไม” ไอ้รามถามผมอย่างสงสัย แม่งขี้สงสัยฉิบหาย
“ยุ่งเรื่องของกู” ผมตอบกลับไอ้รามอย่างรำคาญ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับดึงตัวเจนีนนั่งลงบนตักตัวเอง
ใช่ครับ เมื่อกี้ผมหยิบโทรศัพท์ไอ้เจคที่ตั้งอยู่บนโต๊ะออกไปข้างนอกด้วย ผมอาศัยช่วงจังหวะตอนที่มันนั่งเคลิ้มกับเด็กที่มันเรียกมานั่งด้วยเอาออกไป ก็กะว่าจะเอาไปทักไลน์น้องมันนั่นแหละ
แต่ออกไปยืนข้างนอกได้ไม่นานก็เห็นเธอยืนเต้นเบียดผู้ชายอยู่ข้างล่างพอดี ผมเลยใช้ไลน์ไอ้เจคทักเธอไป แต่คุยได้ไม่นานผมก็ต้องเดือดเพราะเจนีนดันยั่วโมโหผมด้วยการหันไปกอดกับผู้ชายข้างล่าง ผมจึงลงไปลากเธอขึ้นมาที่ห้องวีไอพีอย่างตอนนี้ไง
หึ! กลับมาไม่ทันไรก็กระตุกต่อมโมโหผมแล้ว และไม่ต้องแปลกใจว่าผมลากขึ้นมาบนนี้ทำไม ผมแค่ไม่อยากให้เธออยู่ใกล้คนอื่นแค่นั้นเอง เห็นแล้วรำคาญลูกตาฉิบหาย!
หมับ!
ผมกระชับกอดเอวเจนีนเข้าหาตัวเองเพื่อให้เธอนั่งได้สะดวกและป้องกันการตกลงไป ถึงแม้ร่างบางบนตักของผมดูจะขัดขืนผมอยู่ก็ตามแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ
“เดี๋ยว มึงปล่อยมือออกจากน้องกูแล้วให้น้องกูมานั่งตรงนี้”
ไอ้เจคบอกผมพร้อมกับชี้ไปที่นั่งที่ยังว่างข้างๆ มัน แต่มีเหรอที่ผมจะสนใจมัน ใช่ ผมไม่ปล่อยมือออกจากเอวเจนีน และไม่ยอมให้ลงจากตักด้วย
“ไอ้ดิน! กูบอกให้ปล่อยน้องกูไง”
“พี่เจค ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเขาอยากเป็นเหน็บจนขาชาก็ปล่อยเขาไป”
เจนีนหันไปตอบพี่ชายตัวเองผนวกกับห้ามศึกระหว่างผมกับพี่เธอให้อยู่ในความสงบไปด้วยเพราะดูท่าทางของเธอจะเกรงใจเพื่อนของผมที่เหลืออยู่ไม่น้อย ก่อนจะปล่อยน้ำหนักตัวเองลงบนตักผม
หึ คิดว่าตัวเองหนักเท่าไหร่กัน แค่นี้ไม่ทำผมขาชาหรอก
“เอาๆ พอได้แล้ว ไอ้เจคนั่งลงกูอยากเล่นเกมแล้วสัส ไอ้ดินเมื่อกี้พวกกูกำลังจะเล่นเกมแก้เบื่ออยู่พอดี มึงจะเล่นด้วยไหม” ไอ้รามที่เห็นว่าผมกับไอ้เจคเงียบลงแล้วจึงเรียกให้หันไปสนใจมันที่ชวนเล่นเกม
“เอาดิ” ผมจึงตอบมันกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ กลับไป
“น้องเจนเล่นด้วยกันไหมครับ” มันหันไปถามเจนีนอีกคน
“เกมอะไรเหรอคะ” เจนีนเอ่ยถามขึ้น นั้นดิ ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าที่มันจะเล่นคือเกมอะไร
“Truth or dare ครับ เจนเคยเล่นใช่ไหม”
“อ้อ เคยเล่นค่ะ แล้วก็เล่นบ่อยมากตอนอยู่นิวยอร์ก”
เธอตอบไอ้ราม ส่วนคนอื่นๆ เงียบกริบ ไม่ใช่เพราะไม่เคยเล่นก็เคยเล่นนั่นแหละแต่นานแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่ามันนึกคึกจะเล่นอะไรวันนี้
“แต่คืนนี้พี่ไม่ให้เล่น” ไอ้เจคที่นั่งเงียบอยู่ก่อนหน้านี้เอ่ยค้านน้องมันไม่ให้เล่นเกมกับพวกผม
“ทำไมละคะ เล่นหลายคนสนุกดีออก”
“แต่พี่ไม่ไว้ใจพวกมัน” หึ มันกลัวน้องมันจะโดนมอมเหล้าเหมือนมันเหรอว่ะ
“มึงกลัวว่าพวกกูจะมอมเหล้าน้องมึงรึไง ไอ้ดินมันคงยอมอ่ะ” ไอ้รามพูดขึ้น
“เกรงใจกูหน่อยก็ได้น่ะไอ้เจค กูไม่มอมเหล้าน้องมึงหรอกหน่า” เฮียทัพพูดขึ้นอีกคนเพื่อกล่อมคนประสาทแบบมัน
“เฮียอ่ะไม่ห่วง...แต่น้องเฮียอ่ะไม่แน่” มันพูดพร้อมกับปรายตามองมาที่ผม หึ ระแวงที่ผมมอมเหล้ามันเมื่อคืนเหรอว่ะ ผมทำกับมันแต่ก็ไม่ได้คิดอยากจะทำกับน้องมันไหมว่ะ
“กูแค่หมั่นไส้มึง แต่กูไม่ได้หมั่นไส้น้องมึง” ผมบอกมัน แต่มันก็ยังจ้องหน้าผมเขม็งเหมือนเดิม
“เอาหน่าไม่เป็นไรพี่เจค เจนดูแลตัวเองได้ค่ะ เล่นเถอะ” เจนีนบอกพี่ชายตัวเองเพื่อให้รู้ว่าเธออยากเล่น และไม่ต้องเป็นห่วงเธอก่อนจะแอบเหลือบมองผมแวบหนึ่ง
“ตกลงเล่นนะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา งั้นมาฟังกติกากันหน่อยละกัน กูจะบอกความหมายและวิธีการเล่นเกมคร่าวๆ ก็คือเกมมาจากตัวชื่อของเกมเองเลยแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม Truth คือ ความจริง ส่วน Dare ก็คือ การท้าทายนั่นเอง เกมนี้จะให้นั่งกันเป็นวงกลมโดยไม่ซ้อนกัน แต่มึงไอ้ดินกำลังนั่งซ้อนกันกับน้องเขาอยู่ เพราะฉะนั้น แยกครับไอ้ห่า”
ไอ้รามอธิบายไม่ทันไรมันก็สั่งผมให้นั่งแยกกับเจนีนทันทีเพราะกติกาของเกมมันออกแบบมาแบบนั้น แม่งวุ่นวายฉิบหายเลย
“วุ่นวายสัส” ผมสบถออกไปหน้านิ่งแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวเจนีน
“ก็กติกามันเป็นแบบนี้ เร็วๆ” มันตอบผม
“หึหึ” เสียงไอ้เจคหัวเราะด้วยสีหน้าพอใจที่สุดท้ายผมก็ต้องนั่งแยกจากเจนีนอยู่ดี
พรึบ!
หมับ!
“นั่งลงข้างๆ ฉันไม่ต้องไปนั่งใกล้ไอ้เจค”
ผมรีบจับเอวเจนีนไว้และสั่งเธอทันทีที่เห็นเธอเตรียมจะลุกไปนั่งใกล้พี่ชายตัวเอง เธอจึงหันมาเลิกคิ้วใส่ผม ผมจึงพยักหน้าไปที่โซฟาข้างๆ แทน เพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าให้นั่งตรงนี้
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมง่ายๆ ผมจึงกระซิบบอกเธอให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า ‘อยากนั่งลงด้วยปากฉันนักหรือไง’
พรึบ!
พอผมพูดจบไม่นานเธอก็กระแทกก้นตัวเองนั่งลงข้างๆ ผมด้วยสีหน้าบึ้งตึงทันที ก่อนจะหันมาทำตาขวางใส่ผมในภายหลัง
“เอาล่ะ กูจะอธิบายต่อเลยน่ะ ง่ายๆ เลย ถ้าปากขวดนี้หมุนไปหยุดที่ใครก็จะให้คนนั้นเลือก truth or dare ถ้าเลือก truth ให้ใครก็ได้ในวงถามคำถามอะไรก็ได้ แล้วคนที่โดนจะต้องตอบความจริงเท่านั้น แต่ถ้าเลือก dare ใครก็ได้ในวงจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้แล้วคนที่เลือกต้องทำตาม ถ้าไม่ทำหรือไม่ตอบก็ต้องโดนลงโทษ โอเค๊?”
“อืม/อืม/ค่ะ” สิ้นเสียงของไอ้รามทุกคนก็พร้อมใจตอบมันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่โคตรเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด ก็แม่งเล่นอธิบายยาวเหยียดขนาดนั้น ขนาดผมยังถอนหายใจเบื่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มหมุนขวดที่อยู่กลางโต๊ะทันที
ฟุ่บ! ฟิ้ว~
ซึด!
และปากขวดก็หมุนมาหยุดตรงหน้าผมเป็นคนแรกพอดี ทุกคนในห้องจึงส่งสายตามาทางผมกันหมดรวมถึงคนข้างๆ ผมด้วย
“มึงเลือกอะไรไอ้ดิน” เสียงนิ่งๆ ของพี่ชายผมเป็นคนถามขึ้น
“Truth” ผมตอบสั้นๆ กลับไป
“เค งั้นกูถามเอง”
“มึงไปลากน้องไอ้เจคมาทำไม”
“หวง” ผมตอบอย่างไม่ลังเลและทันทีที่ผมตอบออกไปทำเอาไอ้เจคและเจนีนหันขวับมาทางผมทันที หึ ก็ผมหวงจริงๆ นี่หว่า ยิ่งตอนเห็นอยู่ใกล้คนอื่นยิ่งหงุดหงิด รำคาญไปหมด
“หึหึ” เสียงนี้ก็มาจากเฮียผมอีกนั่นแหละ
“งั้นมาต่อ” ไอ้รามหมุนขวดอีกครั้ง แต่รอบนี้ปากขวดดันมาหยุดตรงหน้าเจนีนแทน
“Truth or dareครับน้องเจน” ไอ้รามถาม
“Truth ค่ะ” เจนีนตอบ
“กูถามเอง” ผมบอกพวกมันก่อนจะค่อยๆ หันไปมองคนข้างๆ
“เธอยังรักฉันอยู่หรือเปล่า”
ขวับ!!
“เชี้ย! บรรยากาศมาคุเลยสัส” เสียงไอ้รามสบถ
ซึ่งทันทีที่ผมถามออกไปเจนีนก็หันขวับพร้อมกับชะงักนิ่งไปทันที แต่ผมแอบเห็นสายตาที่วูบไหวของเธอตอนมองผมเมื่อกี้ ก่อนจะซ่อนมันแล้วเงียบแทน
ทำไมวะ คำถามแค่นี้มันตอบยากนักเหรอ รักก็บอกว่ารัก แต่ถ้าไม่รักผมก็ไม่ยอมรับคำตอบอยู่ดีเพราะเธอต้องเป็นของผมคนเดียวอยู่แล้ว มันจะไม่มีใครหน้าไหนมาแย่งเจนีนไปจากผมได้ ถ้าผมไม่อนุญาต!
“หึ เป็นกู กูไม่ถามน่ะไอ้สัสมีแฟนใหม่อยู่แล้ว แต่เสือกมาถามอีกคน” ไอ้เจคกระตุกมุมปากพร้อมกับพูดแขวะผม ผมเลยต้องหันไปบอกมันด้วยสายตาสื่อความหมายว่าอย่าเสือกแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาที่เจนีนเหมือนเดิม
“ไม่ได้รักแล้วค่ะ” หึ ถือว่ากล้าดีที่ตอบผมแบบนี้ ผมกะอยู่แล้วว่าคำตอบต้องเป็นแบบนี้ ถามว่าชาไหม ก็หน้าชาใช้ได้ แต่ใจผมรู้สึกโมโหฉิบหายเลยว่ะ เจนดูจองหองกับผมขึ้นเยอะเลย
“หึหึ” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเฮียทัพและไอ้เจคดังขึ้นเบาๆ อยู่ข้างๆ จนผมรู้สึกรำคาญจึงมองตาขวางกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะหันมาถามเจนีนต่อ...
“ไม่รักแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอตอบจูบฉันกลับ”
ผมตั้งคำถามใส่เจนีนอย่างไม่พอใจ ใช่ ผมกำลังไม่พอใจกับคำตอบของเธอเมื่อกี้ เพราะที่เธอตอบมันย้อนแย้งกับจูบเมื่อเช้าสิ้นดี แล้วไหนจะสายตาวูบไหวตอนที่ผมถามเมื่อกี้นั้นอีก ถ้าไม่รักแล้วจะหลบสายตาผมทำไม
“ดินๆ ใจเย็น เขาให้มึงถามแค่คำถามเดียวไอ้สัส”
“ตอบฉันเจน” ผมไม่สนเสียงไอ้ราม แต่ผมกลับจ้องหน้าเจนีนนิ่งและเค้นคำตอบจากเธอแทน
“เจนตอบไปแล้วนี่ค่ะ ว่าไม่ได้รักแล้ว” เธอตอบผม...สายตาของเธอที่ใช้มองผมมันนิ่งและเย็นชาจนผมรู้สึกหงุดหงิดไปหมดก่อนจะหันไปทางอื่น
“หึ” ผมจึงแค่นเสียงในลำคอออกมาอย่างหงุดหงิดกับคำตอบของเธอที่ย้ำกับผมอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะหันมาคว้าแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมากระดกเพียว ๆ เพื่อดับความหงุดหงิดของตัวเองในเวลาต่อมา
.
.
Janine part
เงียบกริบ... ทุกคนในห้องเงียบกริบกันหมดทันทีที่ฉันตอบกลับประโยคสุดท้ายกับพี่ดินไป ส่วนเจ้าตัวก็หันไปกระดกเหล้าเพียว ๆ เข้าปากไม่หยุด โดยที่มืออีกข้างยังโอบกอดเอวฉันไว้เหมือนเดิมไม่ปล่อยแล้วดูจะแน่นกว่าเดิมด้วย
คือตอนที่เขาลากฉันออกมาจากข้างล่างก่อนหน้านี้ ฉันนึกว่าเขาจะลากออกไปจากผับแล้วสักอีก เพราะดูท่าทางเขาตอนนั้นดูโมโหเอามากๆ แถมยังบีบต้นแขนฉันจนแดงเถือกไปหมด ก็คิดแหละว่าอาจจะโดน
แต่สุดท้ายเขากลับพาฉันขึ้นมายังชั้นสองของผับแทน ซึ่งฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะพาไปที่ไหน ไม่ได้ใจง่ายน่ะ แต่แค่รู้ว่าถึงดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่าๆ อีกอย่างฉันรู้ว่าพี่ชายตัวเองอยู่ที่นี่ด้วยก็เลยปล่อยเลยไปตามเลย
ส่วนเกมเมื่อกี้ที่เล่นกัน ตอนเฮียทัพเป็นคนถามแล้วเขาตอบว่า ‘หวง’ ก็ยอมรับแหละว่าหัวใจมันวูบไหวขึ้นมาอยู่เหมือนกัน
เป็นคุณ...แฟนเก่ามาพูดในลักษณะแบบนี้จะไม่รู้สึกหน่อยเลยเหรอ มันก็ต้องมีบ้างแหละที่รู้สึก...ถูกไหม?
ฉันกับเขาเราห่างกันนานมากก็จริง แต่พอมาเจอหน้ากันมันก็มีบ้างที่ยังแอบหวั่นไหว คือฉันเองก็อธิบายความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ถูกเหมือนกัน มันแค่รู้สึกวูบไหวตอนเขาพูดประโยคนั้นแค่นั้นเอง
“ไอ้ดิน เบาๆ หน่อยไอ้สัด แดกเป็นน้ำเปล่าเลยไอ้เวร”
เสียงเฮียรามห้ามพี่ดินที่ยังกระดกเหล้าไม่หยุดอยู่ข้างๆ ฉันอย่างเอือมระอา แล้วถามว่าคนดื้อแบบเขาจะฟังไหม ก็ไม่อยู่แล้ว
เขาก็ยังดื่มเหมือนเดิม แถมยังเหลือบทำตาดุใส่ฉันอีก แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย ก็อยากดื่มจนตับแข็งก็ดื่มไปสิ ฉันไม่ห้ามหรอก
ปึก!!
“นายครับ”
อยู่ ๆ ก็มีคนผลักประตูเข้ามาพร้อมกับเรียกใครคนใดคนหนึ่งในห้องนี้ จนทุกคนที่นั่งกันอยู่เงยหน้าไปมองกันหมด รวมถึงฉันด้วยแต่ยกเว้นพี่ดินคนเดียว
“ไอ้ดิน ลูกน้องมึงมา”
เฮียทัพเตะเท้าสะกิดบอกพี่ดินที่นั่งดื่มเหล้าไม่สนใจฟ้าดินหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่พอรู้ว่าเป็นลูกน้องตัวเองเขาจึงเงยหน้าไปมองอย่างรำคาญ
“มึงมีอะไร” เสียงห้วน ๆ ของเขาถามอย่างหงุดหงิด
“เอ๋อ...คือ”
ลูกน้องของเขาแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนเหมือนลำบากใจจะพูด เมื่อมองมาที่ฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้านายของตัวเอง...แต่จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้มขยับออกมาจากข้างหลังร่างสูงใหญ่ของลูกน้องเขา...
“เฮียดิน... พายเองค่ะ”
ผู้หญิงที่ชื่อพายยิ้มบางๆด้วยท่าทางที่ดูประหม่าเล็กน้อยให้พี่ดินขณะที่กำลังสบตากับเขาด้วยแววตาหวาดกลัว
“พายอาร์...เธอกลับมาเมื่อไหร่”
เขาปล่อยมือออกจากเอวของฉันแล้วลุกขึ้นยืนถามด้วยสีหน้าตกใจ แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นเขาก็ปรับสีหน้าให้กลับมานิ่งเฉยตามปกติ แล้วจ้องเขม็งไปที่ผู้หญิงตรงหน้าแทน ฉันที่ไม่รู้ว่าเธอคือใครเลยได้แต่นั่งเงียบมองเหตุการณ์เฉยๆ แต่แอบรู้สึกใจหวิวเล็กน้อยตอนที่คนตัวสูงปล่อยมือออกจากเอวเมื่อกี้
“ถึงเมื่อกี้ค่ะ เฮียอย่าทำหน้าดุแบบนั้นกับพายสิคะ พายขอโทษ”
ผู้หญิงที่ชื่อพายอาร์ตอบเขาเสียงหงอยพร้อมกับทำหน้างอกลับมาอย่างออดอ้อน ฉันที่นั่งอยู่รู้สึกอดสงสัยนานกว่านี้ไม่ได้จึงไลน์ไปถามพี่เจคอย่างอยากรู้ว่าเธอคือใคร ทำไมดูสนิทกับพี่ดินจัง
Line:: Jk
J.nine: พี่เจค ผู้หญิงคนนี้คือใครเหรอ
JK: น้องอย่ารู้เลยดีกว่า
J.nine: แต่น้องอยากรู้อ่ะ บอกหน่อย
JK: น้อง มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องไปรู้เลย
J.nine: พี่เจค นะคะ
JK: เฮ้อ! คนนี้แหละที่ไอ้ดินมันคบอยู่
J.nine: อ๋อ แฟนใหม่ที่ว่าหายไปเป็นเดือนๆ นะเหรอพี่เจค
JK: ครับ
JK: พี่ว่าเรากลับกันเถอะ อย่าอยู่ต่อเลย
J.nine: ค่ะ
หลังจากที่ฉันได้คำตอบคลายความสงสัยแล้วของตัวเองแล้ว พี่เจคก็ชวนฉันกลับทันที ฉันจึงไม่อิดออดอะไรเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเตรียมลุกขึ้นออกจากโซฟาทันที
แต่...
หมับ!
“เธอจะไปไหน”
“ปล่อยมือน้องกูไอ้ดิน กูจะพาน้องกูกลับส่วนมึงก็ไปหาเมียมึงนู้น”
“กูไปส่งเอง”
เขาหันไปตอบพี่เจค ซึ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วงุนงงอย่างไม่เข้าใจทันที นี่เขากำลังคิดจะทำอะไร แฟนก็ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วจะไปส่งฉันอีกทำไม
“เป็นเหี้ยอะไรของมึง เมียมึงยืนหัวโด่อยู่นู่นอะไอ้ดิน จะมายุ่งอะไรกับน้องกูอีก” พี่เจคด่าเขากลับอย่างเดือดดาล ซึ่งไม่บ่อยหรอกที่จะได้เห็นพี่ชายฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้าแบบนี้
“ไอ้โดม มึงพาพายอาร์กลับห้องไปก่อน”
แต่เขากลับหันไปสั่งลูกน้องแทน โดยที่ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของพี่เจคเลยสักนิดแถมยังทำเป็นเมินเสียงของพี่เจคอีกด้วย
พูดง่ายๆคือ ตีหน้ามึนใส่
“เฮียดิน แล้วพายละคะ”
“เงียบ! กลับไปกับไอ้โดมตามที่ฉันสั่ง”
เขาขึ้นเสียงใส่ผู้หญิงที่ชื่อพายอาร์ทันทีที่เธอพูดจนเธอคนนั้นสะดุ้งตกใจตัวสั่นเป็นลูกนกเลยล่ะ
แม้กระทั่งฉันเองก็ยังตกใจเลย แต่อยู่ ๆ ฉันก็ถูกเขาลากออกมาผ่านผู้หญิงคนนั้นขณะที่ตัวเองยังงงๆ และตกใจโดยไม่ทันได้ตั้งตัว... ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ได้แต่มองตามหลังเราสองคนด้วยสายตาที่อยากร้องไห้เต็มที
นี่ฉันคงไม่ได้กำลังถูกยัดเยียดให้เป็นมือที่สามเหมือนในละครหลังข่าวอยู่ใช่ไหม