บทที่ 4 ‘พร้อมสู้กลับ’
Peandin part
หลังจากที่ผมโดนเจนีนไล่ออกมาจากห้องพร้อมกับพี่ชายของเธอแล้ว ผมก็ตรงดิ่งกลับมาที่คอนโดก่อนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ออกมาคุยธุระกับลูกน้องที่สนามแข่งรถที่ผมเป็นเจ้าของต่อทันที คุยกันเสร็จผมก็ไม่ได้ไปไหนต่อ ก็เลยเข้ามาคลุกคลีอยู่ในบล็อกที่เป็นที่เก็บรถแข่งส่วนตัวของผม
ตึก ๆ ๆ
“เฮีย มีคนส่งรูปนี้มาอะ”
ไอ้บาสลูกน้องของผมมันวิ่งกระหืดกระหอบจากข้างนอกมาหาผมที่กำลังยืนดูสตาฟเช็กเครื่องยนต์ พอแม่งมาถึงตัวผมก็ยื่นโทรศัพท์มันให้ผมดูทันที ผมจึงรับมาดู...
“ที่ไหน”
ผมจ้องรูปผู้หญิงที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือนในมือถือที่ถูกถ่ายไว้ตอนเธอกำลังเดินข้ามถนนด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
“แถว ๆ เชียงใหม่อะเฮีย มีคนเห็นเลยถ่ายส่งมาให้ผม” ไอ้บาสตอบผม
“อืม มึงส่งคนตามไปดูเฉย ๆ ยังไม่ต้องพากลับมาหากู” ผมคืนโทรศัพท์ให้ไอ้บาสพร้อมกับสั่งมัน
“ทำไมอะเฮีย” มันขมวดคิ้วเป็นปมถามผมกลับอย่างแปลกใจ ก็น่าแปลกใจอยู่หรอก เพราะถ้าเป็นปกติผมจะรีบสั่งให้พวกมันรีบพาตัวพายอาร์กลับมาเลยไง
ใช่ครับ ผู้หญิงในรูปที่ผมดูเมื่อกี้คือพายอาร์แฟนคนปัจจุบันของผมนั้นเอง
“กูเบื่อ มึงก็รู้ว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยัยนั้นหนีกู ถ้ายัยนั้นอยากกลับก็ให้กลับมาเอง” ผมตอบกลับพร้อมกับชำเลืองตามองมัน ก็อย่างที่เคยบอกว่าพายอาร์เธอชอบหนีผม ตามกลับมาเดี๋ยวก็หายไปอีก อีกอย่างตอนนี้ผมก็รู้สึกเบื่อและโคตรเหนื่อยหน่ายกับเธอเต็มทีแล้วด้วย
ถ้าเธอไม่อยากกลับมาก็ปล่อยเธอไป
“แล้วถ้ารอบนี้น้องพายไม่กลับมาเลยอะเฮีย” ผมเหลือบมองมันอีกครั้งที่มันถามแบบนั้น จนมันต้องรีบยกมือปิดปากตัวเองทันทีที่หลุดถามผมแบบนั้น
“...”
ผมจึงละสายตาจากมันแล้วยืนเงียบมองออกไปข้างนอกบล็อกที่เป็นสนามแข่งรถอย่างไร้จุดหมาย โดยที่ไม่ปริปากตอบไอ้บาสที่ยืนรอคำตอบจากผม
หึ ถ้าเธอไม่กลับมาเลยเหรอว่ะ ผมว่าพายอาร์ต้องกลับมาหาผมอยู่แล้ว
เพราะอะไรนะเหรอที่ผมมั่นใจ เพราะพายอาร์เธอไม่มีใครนอกจากผมไง ตอนนี้เธอแค่ยังสนุกกับการปั่นหัวผม หรือเรียกอีกอย่างว่าเรียกร้องความสนใจจากผม
แต่เธอคงจะลืมว่าการทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ผมรู้สึกรำคาญแล้วก็ยังทำให้ผมรู้สึกเบื่อเธอด้วย แถมตอนนี้ผมก็มีเรื่องใหม่ที่ต้องสะสางเพิ่มเข้ามาอีก ถ้าเธอจะไปแล้วไม่กลับมาผมก็จะไม่ว่าอะไร
“ถ้าไม่อยากกลับมา ก็ไม่ต้องกลับมาสิวะ” ผมบอกไอ้บาสสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีความรู้สึกใดๆปรากฏบนใบหน้าของผม
“เฮียแม่งเอาเรื่องตลอดเลยวะ แต่เฮ้อ~ นึกว่าจะได้ไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วสักอีก” ไอ้บาสพูดออกมาด้วยท่าทางเสียดาย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“อ้าวพี่โดม หวัดดีคับ มาหาเฮียเหรอพี่”
“อืม”
“เชิญเลยพี่ นู้นอะ นั่งเก๊กหล่ออยู่บนฝ่ากระโปรงหน้ารถอะ”
ผมเงยหน้ามองไปข้างหน้าอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินเสียงไอ้บาสมันคุยกับลูกน้องคนสนิทของผมที่กำลังเดินมา ก่อนที่จะเห็นไอ้โดมมันหยุดพยักหน้าเล็กน้อยให้ไอ้บาสแล้วเดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่บนฝ่ากระโปรงหน้ารถตามที่ไอ้บาสบอกก่อนหน้านี้...
“คุณกองทัพโทรมาแจ้งให้เข้าไปพบที่บริษัทครับนาย” มาถึงปุ๊บมันก็พูดทันทีโดยที่ไม่มีพิธีรีตองใด ๆ ให้เสียเวลาตามฉบับของมัน
“แล้วทำไมมันไม่โทรมาบอกกูเอง” ผมขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยกลับไป
“โทรศัพท์นายโทรไม่ติดครับ”
มันบอกผม ผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมาดูทันที และตามคาดโทรศัพท์ผมแบตหมดอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“เวรเอ๊ย” ผมสบถออกไปอย่างหัวเสียคนเดียวเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าไปพูดกับไอ้โดมต่อ...
“อืม เดี๋ยวช่วงบ่ายกูเข้าไป”
แล้วผมก็หันมาควงโทรศัพท์เครื่องหรูที่แบตหมดเล่นไปอย่างเบื่อหน่ายที่รู้ว่าต้องเข้าบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทที่ผมโคตรไม่อยากเข้าไปให้เสียเวลาเลย เพราะมันมีแต่ความน่าเบื่อและความวุ่นวายที่ผมไม่ชอบอย่างพวกพนักงานบริษัท
“ครับ แล้วนี่ก็ตารางเรียน สถานที่ฝึกงาน และตารางงานพริตตี้ของคุณเจนที่นายให้ผมหามาให้ครับ”
กึก!
?
“มึงว่าไงน่ะ? เจนีนมีตารางงานพริตตี้ด้วยเหรอว่ะ”
“ครับ”
พรึบ!
ผมรีบดึงกระดาษจากมือไอ้โดมมาดูทันทีที่มันพูดจบพร้อมกับกัดฟันกรอกอย่างโมโหที่เพิ่งรู้ว่าเจนีนเธอรับงานแบบนี้ด้วยแถมตารางงานยังยาวเหยียดฉิบหาย
คือยังไง เงินไม่พอใช้เหรอว่ะ ถ้าไม่พอใช้ก็มาเอาที่ผมนี่ ไปรับงานโชว์เนื้อหนังแบบนั้นทำเหี้ยไรว่ะ แล้วฐานะทางบ้านจนนักเหรอว่ะ ไอ้เจคมันเลี้ยงน้องมันยังไงถึงอดอยากขนาดต้องรับงานเสริมแบบนี้
“มึงรีบไปยกเลิกงานพริตตี้นี้ให้หมดเลยนะไอ้โดม”
ผมสั่งไอ้โดมด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับขยำกระดาษในมือทิ้งลงพื้นอย่างโมโห
ใช่ ผมไม่ชอบที่เจนแอบรับงานพริตตี้แบบนั้น เพราะร่างกายเธอมันมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่มองได้ คนอื่นอย่าหวัง!
“แต่มันเป็นงานโชว์รูมของคุณ...”
“ยกเลิก!! กูสั่งอะไรมึงก็ทำไปเถอะ แล้วถ้าใครมันมีปัญหาให้มาคุยกับกูเอง”
ผมไม่รอให้มันได้พูดจบก็แทรกขึ้นไปก่อนอย่างหัวเสีย จะรอให้ผมเดือดกว่านี้รึไงว่ะ
“ครับ”
Janine part
“พรุ่งนี้ก็ฝึกงานแล้วอ่ะ”
“อือ ขี้เกียจว่ะ”
เสียงยัยโมชิกับลูน่านั่งคุยกันสองคนด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มที ในขณะที่ฉันกับยัยคุณนายเอาแต่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้หลังจากพบอาจารย์ที่ปรึกษาคุยเรื่องที่ฝึกงานเสร็จ
ที่เห็นพวกฉันนั่งทำหน้าเบื่อโลกแบบนี้ ไม่ใช่อะไรหรอกพวกฉันแค่ยังไม่อยากออกฝึกงานแค่นั้นเอง และที่พวกมันพูดกันเมื่อกี้ก็เป็นครั้งที่ล้านแปดแล้วมั้งหลังจากมานั่งตรงนี้ ฉันกับคุณนายจึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะแบบนี้ไง เพราะรำคาญพวกมันนี่แหละ
“หยุดเถอะ กูฟังจนเบื่อแล้วอะฝึกแค่ไม่กี่เดือนเอง พวกมึงไม่ได้ไปฝึกเป็นชาติสักหน่อย” คุณนายมันเงยหน้าขึ้นมาบอกยัยโมชิและลูน่าที่นั่งทำหน้าซังกะตายไม่หยุด
“โห้แม่!! มันก็นานอยู่ดีไหมว่ะ” อันนี้เสียงลูน่าที่โวยวายขึ้นมาหน้าบูดหน้าบึ้ง
“ก็พวกกูเซ็ง พวกกูไม่อยากฝึกงานนี่แม่!” ส่วนนี้ก็โมชิที่กำลังเบะปากจะร้องไห้เต็มที
“อีชิ มึงจะแหกปากทำไมเนี่ย หูจะหนวก”
ลูน่าหันไปดุโมชิพร้อมกับทำท่าทางแคะหูของมันไปด้วย เฮ้อ~ เอากับพวกมันเถอะ ฉันเจอกับพวกมันวันแรกก็ปวดหัวแล้วอะ วุ่นวายมาก มีกันแค่สี่คนแต่เหมือนคบกันเป็นสิบ
เฮ้อ~ เลิกคบตอนนี้ยังทันไหมอะ เพื่อนไม่เรียบร้อยเลย
“เออแม่ วันนี้มึงรับงานพริตตี้ใช่ปะ” ฉันที่เลิกสนใจเสียงของโมชิกับลูน่าเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะหันไปถามคุณนายคนคูลทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้ออก
ใช่แล้วละ ฉันกับคุณนายมีอาชีพเสริมที่ทำเฉพาะตอนว่างจากการเรียนเป็นพริตตี้ตามงานโชว์รูม สาเหตุที่ได้มาทำงานพริตตี้ก็ไม่ยากเลย
ตอนฉันคบเป็นแฟนกับพี่ดินฉันชอบไปสนามแข่งรถของพี่ดินบ่อยมาก เดินงง ๆ อยู่แถวห้องแต่งตัวของพริตตี้เลยเจอกับเอเจนซี้เข้าพอดี เขาเลยทาบถามฉันไว้ ฉันเลยมาเล่าให้ยัยคุณนายฟัง มันเกิดสนใจขึ้นมาบวกกับอยากลองหาเงินเองด้วย มันกับฉันก็เลยติดต่อไปสมัครกับทางเอเจนซี่เลย
ตั้งแต่นั้นมาฉันกับมันก็เลยได้เป็นพริตตี้มาจนทุกวันนี้ แต่เรื่องที่ฉันเป็นพริตตี้ไม่มีใครรู้หรอกนะ แม้กระทั่งพี่ชายของฉันก็ยังไม่รู้เลย ส่วนพี่ดินยิ่งแล้วใหญ่ คนที่รู้ว่าฉันรับงานพริตตี้ก็มีแค่เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้เท่านั้น
“อืม กูเบื่อมากอีเจ้คิมมี่มันคะยั้นคะยอให้กูไป”
มันพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มทีเหมือนโดนบังคับให้ไปทำ แต่ปกติไม่มีใครบังคับมันได้น่ะ
“รอบนี้มึงโดนบังคับเหรอนาย ปกติไม่ยอมนี่”
ฉันถามมันอย่างสงสัย เพราะปกติของคุณนายแล้วมันเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีใครกล้าบังคับมัน แต่รอบนี้แปลกที่มันทำเหมือนโดนบังคับมาแบบนี้
“ก็ไม่ยอมไง แต่ไอ้เจ้าของงานมันรีเควสว่าอยากได้กู แถมจ่ายหนักด้วย เจ้คิมเลยคะยั้นคะยอกูไม่หยุด”
อ้อ เพราะเรื่องเงินสินะถึงทำให้มันลำบากแบบนี้
“ว้าว อย่างนี้ก็รวยอ่ะดิ อย่าลืมเลี้ยงเหล้าเพื่อนด้วยนะคร้า~ ^^”
เสียงลูน่าพูดด้วยความตื่นเต้นแถมยังยิ้มกว้างเหมือนมันถูกห่วย รู้เลยว่ามันอยากดื่มของฟรี
“มึงไปทำแทนกูไหมลูน ถ้ามึงจะดีใจขนาดนั้น”
“ไม่ได้จิก๊ะ เพราะเจ้าของงานสุดแฮนซั่ม! เค้าต้องการแม่เด้อ”
ลูน่ามันจิบปากจิบคอพูดด้วยจริตจะก้านสุด ๆ จนฉันรู้สึกหมั่นไส้อยากจะเอาเล็บข่วนหน้ามันซะเดี๋ยวนั้น แต่พอคิดตามที่ลูน่าพูดแล้วก็เหมือนจะมีเรื่องที่ฉันจะตกข่าวไปนะ เลยอดที่จะถามไม่ได้
“ที่อีลูนพูดคืออะไรวะนาย มีเรื่องอะไรที่กูไม่รู้ใช่ปะ”
ใช่ ฉันว่าฉันกำลังตกข่าวบางอย่างไป และเท่าที่ฉันพอจะเดาออกตอนนี้ก็น่าจะเกี่ยวกับเจ้าของงานสุดหล่อตามที่ลูน่ามันว่าไว้แน่ ๆ
“มึงอย่าไปฟังอีลูนมันพล่ามมาก ไร้สาระ”
คุณนายหันมาตอบฉันด้วยสีหน้านึกรำคาญ ฉันที่เห็นว่ามันทำหน้าแบบนั้นแล้วก็เลยไม่ถามเซ้าซี้มันต่อ เพราะถ้ามันอยากเล่าเดี๋ยวมันก็เล่าเองแหละ
“แล้วมึงอ่ะ ตารางงานเป็นไงมั้ง เจ้คิมมี่ว่าไง” มันถามฉันกลับ
“กูรับพรุ่งนี้ พวกมึงไปปะ งานดีนะเว้ย”
ฉันบอกพวกมันไปด้วยสีหน้าเชิญชวน แอบดี๊ด๊านิดหน่อยหลังจากที่เมื่อเช้าได้รับตารางงานจากเจ้คิมที่ส่งมาทางไลน์
ตอนแรกก็กะว่าจะไม่รับหรอก แต่เกิดรู้สึกเบื่อขึ้นมาอยากหาอะไรทำสนุกๆดู ก็เลยตอบรับไป อีกอย่างงานโชว์รูมมันเป็นงานที่เหล่าคุณผู้ชายไปกันเยอะ
ถ้าได้ลองชวนชะนีดี๊ด๊าอย่างโมชิกับลูน่าไปด้วยคงจะสนุกน่าดู เพราะพวกมันสองคนชอบงานแบบนั้นมาก
“หน้ามึงดี๊ด๊าเกินเบอร์มาก มีอะไรพิเศษใช่ไหม” โมชิถามฉัน ฉันเลยยิ้มกรุ่มกริ่มให้มันก่อนจะตอบว่า
“เยส แน่นอนงานโชว์รูมรถหรูก็ต้องพ่วงมาด้วยหนุ่มหล่อ ๆ ปะมึง” ฉันตอบพวกมันพร้อมกับเท้าคางกับโต๊ะอย่างน่าหมั่นไส้พลางทำตาปริ ๆ ขณะที่มองพวกมันไปด้วย
“อีเจน! กูจะแจ้ง มึงมันร้ายกว่าคุณนายอีกนะนังชะนี!”
ลูน่าตะโกนพูดพร้อมกับชี้หน้าฉัน เหมือนในหัวของมันตอนนี้จะคิดเรื่องไม่ดีต่อฉันนะ ถึงได้ตาลุกวาวเป็นไข่ห่านขนาดนั้น
“กูไม่ได้ร้ายสักหน่อย” ฉันบอกลูน่าด้วยสีหน้าลอยหน้าลอยตาพร้อมกับปัดมือมันลง
“อีนี้ กูว่ามันกลับมารอบนี้มันต้องมีแผนแน่ ๆ มึงพูดออกมาเจนว่ามึงอยากเห็นแฟนเก่าคลั่งใช่ไหมห่ะ!”
ฉันว่าละว่ามันต้องหนีไม่พ้นเรื่องพี่ดินแน่ แต่ฉันบอกเลยว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นสักหน่อย ที่ฉันรับงานนี้ก็เพราะอยากหาอะไรทำแก้เบื่อเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเห็นใครคลั่งทั้งนั้นแหละ ไร้สาระ
“เปล่า กูไม่ได้ต้องการเห็นใครคลั่งทั้งนั่นแหละ กูกับพี่ดินคือคนที่ไม่ควรมายุ่งกันเพราะกูกับเขาเราจบกันแล้ว” ฉันพูดออกไปพร้อมกับมองหน้าพวกมันอย่างจริงจัง
“หึ มึงพูดแบบนี้ มึงถามพี่เขายัง?” อันนี้เป็นเสียงคุณนายที่พูดขึ้นในเวลาต่อมา
แล้วคิดว่าไงอะฉันจะทำอะไร ฉันต้องถามแฟนเก่าอย่างพี่ดินก่อนเหรอ?
ฉันแค่ไม่อยากยุ่งและวุ่นวายกับพี่ดินก็เท่านั้น ฉันกับเขาถึงเราจะไม่ได้พูดว่าเลิกกัน แต่ตอนนี้เขาเองก็มีคนใหม่ไปแล้ว เราก็ควรที่จะต่างคนต่างอยู่กันไปสิถูกไหม?
แต่ถ้าเขาไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉัน อันนั้นมันก็เรื่องของเขาละกัน ส่วนฉัน...ฉันจบไปนานแล้ว
“กูไม่มีอะไรต้องไปถามเขา เพราะเขาไม่ใช่เจ้าชีวิตของกู”
ฉันตอบกลับไปพร้อมกับนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าที่เกิดขึ้นในห้องครัว ก่อนจะสะบัดมันออกแล้วมองอย่างอื่นแทน
“อ้า...ท้าทายเก่งอีดอก ระวังจะเจอเขาสู้กลับนะมึง”
"แล้วมึงคิดว่ากูจะอยู่เฉยๆให้เขาสู้อย่างเดียวเหรอชิ ถ้าเขาไม่ยอมเลิกยุ่ง กูก็จะสู้กลับเหมือนกัน กูก็มีมือมีเท้าปะมึง"
“โว้~ แซ่บจ้า~ เมื่อคืนในแชทกูยังรู้สึกว่ามึงยังเป็นเจนน้อยอยู่เลย ไหงตอนนี้ฮึดสู้จังวะ หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วพวกกูไม่รู้”
โมชิยืดตัวออกพร้อมกับทำสีหน้าเลิ่กลั่กอย่างล้อเลียนที่ฉันพูดแบบนั้นก่อนจะตั้งคำถามพร้อมหรี่ตาจับผิดฉันในเวลาต่อมา ฉันเลยต้องยืดอกขึ้นแล้วตอบกลับไปว่า
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ”
พวกมันเลยมองหน้าฉันแล้วแอบยิ้มกริ่มเบา ๆ ฉันที่รำคาญกับท่าทางของพวกมันก็เลยหยิบหนังสือขึ้นไปโป๊ะหน้าผากคนละทีสองทีโทษฐานที่มาเย้าแหย่ฉัน
ฉันบอกตรงนี้เลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่จะยอมพี่ดินอย่างเหมือนก่อนแล้วนะ ที่ฉันหนีเขาไปเป็นปีๆก็เพราะว่าฉันเข้มแข็งพอและมีเหตุผลพอที่ต้องทำแบบนั้น แต่ถ้าการกลับมารอบนี้ของฉัน มันทำให้พี่ดินมายุ่งวุ่นวายกับฉันทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีแฟนใหม่อยู่แล้ว ฉันก็จะไม่อยู่เฉยๆเหมือนกัน และถ้ามันจะมีคนคลั่งก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาละกัน เพราะชีวิตของฉัน...ฉันจะเป็นคนกำหนดมันเอง แฟนเก่าอย่างเขาไม่ควรมายุ่ง