บทที่ 3 ‘ความวุ่นวาย’
"โฮ่งๆ!! โฮ่งๆ!!"
จ๊วบ!!
“อื้อ~”
ตุบๆ!!
"โฮ่งๆ!! โฮ่งๆ!!"
พลั่ก!!
ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักหน้าอกพี่ดินออกอย่างสุดแรงหลังจากที่ตัวเองเริ่มขาดอากาศหายใจเหมือนจะตายอยู่รอมร่อ ก่อนจะใช้หลังมือถูปากตัวเองไปมาแรงๆแล้วเหลือบมองลงไปที่การ์ชิข้างล่างแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองค้อนใส่คนที่จูบปากฉันจนแสบไปหมดอย่างพี่ดินในเวลาต่อมา
ฉันเกลียดมากเวลาที่พี่ดินเขาโมโหหรือหงุดหงิดแบบนี้ เพราะเขาจะกลายเป็นปีศาจที่พร้อมจะครอบครองวิญญาณของฉันให้อยู่ใต้อำนาจของเขาเพียงผู้เดียว ซึ่งฉันเกลียดเวลาที่เขาเป็นแบบนี้
“หึ! ปากยังหวานเหมือนเดิมนี่”
เขาว่าพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากร้าย ๆ ส่งมาให้ฉันก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่โป้งเช็ดริมฝีปากล่างของตัวเองที่มันเลอะน้ำลายของฉัน ขณะที่สายตาก็จ้องหน้าฉันไม่วางตา
ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะละสายตาจากฉันแล้วเหลือบมองลงไปข้างล่างที่มีการ์ชิกำลังป้วนเปี้ยนแถวขาเขาอย่างเรียกร้องความสนใจ...
“ไง ลูกรักของป๊า ไม่เจอกันนาน คิดถึงใช่ไหม” เขานั่งลงทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบหัวการ์ชิอย่างเอ็นดู
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงเรียกหมาของฉันแบบนั้น ก็เพราะการ์ชิคือลูกหมาที่เขาเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญให้ฉันตอนเรียนจบมอหกเมื่อห้าปีก่อน เขาเป็นคนซื้อให้เขาจึงแทนตัวเองว่าป๊ากับการ์ชิมาโดยตลอด
อีกอย่างเมื่อก่อนเวลาที่เขามาหาฉันที่คอนโดการ์ชิมักจะเดินไปหาแล้วคลอเคลียแถวขาเขาตลอด ชอบอ้อนและชอบชวนเล่นตลอด จึงไม่แปลกที่การ์ชิจะเห่าเสียงดังเมื่อกี้ เพราะมันเห็นพ่อมันไง
"โฮ่งๆ!! โฮ่งๆ!!"
หึ เอาใหญ่เลยน่ะ คลอเคลียซุกไซร้ใหญ่โตเกินเบอร์มาก รักกันปานจะกลืนกินอะไรขนาดนั้นละเจ้าหมาบ้าเอ้ย!
“โอเค ๆ ฉันรู้แล้ว”
พี่ดินบอกกับลูกรักของเขาที่ตอนนี้เอาแต่คลอเคลียเลียปากเลียแก้มเขาพร้อมกับซุกไซร้เขาไม่ยอมหยุด จนคนตัวโตต้องถอยหน้าหนี ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนทำหน้าแหยงๆ มองอย่างหมั่นไส้ในขณะที่เขากำลังโดนลูกชายที่พลัดพรากกันมานานคลอเคลียด้วยความคิดถึง
ออดอ้อนเว่อร์มาก...แค่ไม่เจอกันสองปีเองนะ ขนาดฉันยังไม่โหยหาเท่าแกเลยการ์ชิ
ชิ๊!
ฉันที่ทนเห็นเจ้าหมาน้อยของตัวเองออดอ้อนพี่ดินไม่ได้เลยเกิดอาการเบะปากหมั่นไส้ไปหนึ่งที ก่อนจะเตรียมหมุนตัวเดินออกไป
แต่...
หมับ!
“จะไปไหน” พี่ดินก็จับมือฉันไว้พร้อมกับถามฉันซะก่อน
“เขาห้อง!” ฉันเลยตอบกลับเสียงแข็งพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงไม่พอใจกลับไปด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะเหวี่ยงใส่พี่ดินมันทำไม แต่ความรู้สึกตอนนี้คือฉันหงุดหงิด!
“พูดดี ๆ เจนจะเสียงดังทำไม” เขาลุกขึ้นมาดุฉัน
“ไม่รู้ แล้วก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว ฉันจะไปเตรียมตัวไปมอต่อ”
ฉันตอบกลับพร้อมกับพยายามสะบัดมือของพี่ดินออก คือหงุดหงิดอะ อยู่ดีๆก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมดทั้งเรื่องที่เขาจูบฉันเมื่อกี้ แล้วก็เรื่อง...เออจะเรื่องอะไรก็ช่างมันเถอะ!! เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันหงุดหงิดตาบ้าพี่ดินแล้วกัน
“เดี๋ยว!”
“ตอนนี้ฉันโคตรมึนหัวเลยว่ะ เธอช่วยทำอะไรร้อน ๆ ให้กินฉันกินหน่อยดิ ข้าวต้มก็ได้”
เดี๋ยว...นี่หน้าตาคนมึนหัวเขาเป็นแบบนี้เหรอ หน้าตานิ่งเฉยแบบนี้เหรอคืออาการของคนมึนหัว ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าระดับพี่ดินจะมึนหัว
เขาก็แค่ต้องการกลั่นแกล้งฉันเท่านั้นแหละ ต้องการวางอำนาจกับฉันให้ฉันกลัวแล้วให้ฉันทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้นแหละ อีกอย่างเขามีแฟนแล้ว เขาควรกลับไปสั่งแฟนเขาไม่ใช่ฉัน!
“พี่ควรออกไปจากห้องฉันแล้วกลับไปหากินเองที่ห้องของพี่ ไม่ใช่มาสั่งให้ฉันทำ แล้วก็ถอยห่างออกจากการ์ชิด้วย”
“ทำไม...ก็ฉันจะสั่งเธอ อีกอย่างเธอดูหน้าการ์ชิก่อนว่าคิดถึงพ่อมันขนาดไหน ถ้าฉันถอยมันก็ตามอยู่ดี ไปทำข้าวต้มให้ฉันกิน กินเสร็จฉันจะได้กลับ อยากให้ฉันรีบกลับไม่ใช่ไง”
เหอะ! มุกนี้มันเก่ามากแล้วน่ะ ไอ้มุขไม่ยอมกลับแล้วเอาการ์ชิมาอ้างเนี่ย ซึ่งมันควรเอ้าท์ได้แล้วเพราะใช้ตั้งแต่คบกับฉันสมัยนู้นอะ
“พี่อย่ามาใช้มุกนี้ได้ปะ” ฉันบอกเขา
“แล้วอยากให้ฉันเปลี่ยนเป็นมุกลากเธอขึ้นเตียงทั้งวันไหมเจน ถ้าอยากให้ฉันรีบกลับก็รีบทำ”
เขาตอบกลับมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเท้าเอวใส่ฉัน ฉันเลยถอนหายใจฮึดฮัดทำหน้าไม่พอใจใส่เขาแล้วเชิดหน้าเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งเพราะฉันไม่อยากเสี่ยงและไม่อยากลองดีกับคำพูดพวกนั้นของเขา
ถามว่าฉันกลัวไหม? ไม่ได้กลัวน่ะ แต่ถ้าถอยได้ถอยดีกว่า เพราะคนแบบเขาไม่ควรจะลองของเด็ดขาด
:(
30นาทีต่อมา...
ห้องรับแขก
“จึ๊! ไอ้เหี้ยเอ๊ย มึนหัวฉิบหายเลย”
เสียงที่พูดเมื่อกี้ไม่ใช่เสียงของฉันแล้วก็ไม่ใช่เสียงของพี่ดินด้วยแต่เป็นเสียงพี่เจคที่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายละเมอออกมาอยู่ที่โซฟาตัวเดิมอย่างงัวเงียต่างหาก
ใช่ เขาน่าจะเพิ่งตื่นและกำลังบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่าแถวนี้มีฉันกับพี่ดินนั่งอยู่ด้วย
อ้อ งงใช่ไหมว่าตอนนี้ฉันอยู่ส่วนไหนของห้อง ฉันก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารหลังโซฟาพี่เจคมันไง นั่งทำอะไรเหรอ ไม่นั่งทำอะไรหรอกแค่โดนลากมานั่งเฝ้าพี่ดินมันนั่งกินข้าวต้มกับการ์ชิลูกรักของพี่มันไง
เอาตามตรงเลยนะ ฉันก็ไม่ได้อยากนั่งด้วยหรอกแต่พอฉันทำท่าจะลุกออกไป พี่ดินเขาก็หันมาส่งสายตาดุให้ฉันทันทีพร้อมกับขู่เบาๆ ว่าถ้าลุกขึ้นฉันจะโดนอะไร แล้วใครมันจะกล้าลุกขึ้นล่ะ สายตาเอาจริงเอาจังขนาดนั้น
พรึบ!
“ไอ้ดิน! ไอ้เพื่อนเวร อย่าให้เจอตัวน่ะมึง แม่งมอมเหล้ากูซะมึนเลยไอ้สัส!”
พี่เจคเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วพูดเสียงขึงขังเหมือนเจ็บแค้นพี่ดินตั้งแต่ชาติปางก่อนที่มอมเหล้าตัวเองโดยที่ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิมว่าเจ้าตัวที่ตัวเองก่นด่าอยู่นั้นนั่งมองอยู่
เหอะ! ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกว่าด่าเพื่อนตัวเองทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ที่นี่อะ
“มึงจะด่าใคร มึงควรดูก่อนว่าเขาไปรึยัง”
พี่ดินวางช้อนลงแล้วพูดออกมานิ่งๆ พร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังเพื่อนตัวเองที่ยังนั่งหันหลังให้อยู่
ขวับ!
หันมาขนาดนั้นคอเคล็ดไหมอะพี่เจค
“ไอ้ดิน! นี่มึงมาอีกแล้วเหรอว่ะ” พี่เจคลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเอ่ยถามเพื่อนตัวเองด้วยใบหน้าตกใจที่เห็นเพื่อนตัวเองมาที่ห้องของฉันอีกแล้ว
แต่หารู้ไม่ว่าเขายังไม่ได้กลับเลยเถอะ!
“ใครบอกมึงว่ากูเพิ่งมา กูยังไม่ได้กลับเลยต่างหาก”
“ห้ะ!! ยังไม่ได้กลับ นี่มึงอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยเหรอว่ะ”
“อืม มึงตื่นแล้วก็ดี จะได้รีบกลับพร้อมกูเพราะเดี๋ยวกูมีงานต่อ”
พี่ดินตอบรับพี่เจคด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะพูดกับพี่เจคต่อ แต่คนฟังอย่างพี่เจคกลับทำสีหน้างุนงงแทนที่เพื่อนตัวเองจะลากกลับไปด้วย
แต่อ๋อ ฉันว่าฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงทำตัวอิดออดไม่ยอมกลับสักที แถมข้าวต้มในถ้วยนี้ก็กินช้าเหลือเกิน เดี๋ยวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เดี๋ยวก็เล่นกับการ์ชิ เพราะรอพี่ชายฉันตื่นก่อนนี่เอง
“มึงมีงานแล้วเกี่ยวไรกับกู”
“เกี่ยวดิ กูกลับมึงก็ต้องกลับ เพราะกูไม่ชอบให้เจนอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่กู”
ฉันหันไปมองพี่ดินทันทีที่พูดแบบนั้นกับพี่เจค คืองงนะ นั้นพี่เจคพี่ชายฉันหรือเปล่าถ้าพี่ชายฉันจะอยู่ที่นี่หรือไม่กลับมันก็ย่อมได้อยู่แล้วเพราะเราเป็นพี่น้องกันและเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ด้วย คนที่ควรจะกลับและไม่ควรนั่งอยู่ในห้องนี้เลย
...มันคือเขาต่างหากละ เขาต่างหากที่ควรจะกลับไป
“คนอื่นบ้านพ่อมึงสิ กูเป็นพี่น้องกันไอ้สัส มึงอ่ะคนนอก ออกไป” ใช่เขานั่นแหละคนนอกและควรออกไปจากห้องฉันสักที
“กูอ่ะคนใน มึงอ่ะคนนอก”
“คนในเหี้ยไรของมึงดิน มึงไม่ใช่ผัวน้องกูไอ้สัส”
O_O
“หรือว่า...นี่มึงอย่าบอกน่ะว่าเมื่อคืนมึงกับเจน....”
“ไอ้เหี้ยเอ้ย นี่มึงทำระยำกับน้องกูเหรอว่ะไอ้ดิน!!”
“โอ๊ย! พวกพี่สองคนหยุดสักทีได้ไหม พี่เจคพี่ฟังนะเมื่อคืนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด”
ฉันรีบหยุดความคิดของพี่เจคก่อนเลยเพราะเดี๋ยวจะตีโพยตีพายไปกันใหญ่
“แต่เมื่อกี้กูจูบน้องมึง แบบ...ดุเดือด”
ขวับ!
!!!!!
กรี๊ด~ อีตาพี่ดินบ้า! เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่พูดแบบนั้นต่อหน้าพี่ชายฉัน มันใช่เรื่องที่จะมาป่าวประกาศกับเพื่อนที่เป็นพี่ชายฉันไหม อีกอย่างเรื่องแบบนั้นมันควรพูดควรบอกให้คนอื่นรับรู้เหรอ ถึงจะแค่จูบเฉยๆก็เถอะแต่มันก็ไม่ควรพูด
“ไอ้เหี้ยดิน!! มึง!”
“พี่เจคหยุด!! พี่รีบไปใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปพร้อมกับพี่ดินเลยไป”
ฉันลุกขึ้นสั่งพี่ชายตัวเองเสียงเข้ม คือไม่ไหวแล้วอะ ฉันเกลียดไอ้สีหน้ายิ้มเยาะเย้ยของพี่ดินที่มองฉันตอนนี้มาก สนุกมากหรือไงที่ได้กวนประสาทพี่ชายฉันอะ เขาอาจจะมีความสุขที่ได้กวนประสาทพี่เจคแต่ฉันปวดหัวมากนะ และฉันก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งแล้วด้วย
“เจน...เจนจะมาห้ามพี่ทำไม ให้พี่ต่อยมัน มันจูบน้องทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คบกันแล้วน่ะเจน พี่ยอมไม่ได้” ดูเอาเถอะ สะกิดต่อมไม่ได้เลยจริงๆ
“รู้ค่ะ มันก็แค่จูบโง่ ๆ อ่ะพี่เจค” ฉันว่าอย่างไม่แยแสถึงแม้ว่าจะแอบชาวาบตรงหน้าอกข้างซ้ายเวลานึกถึงก็ตาม
“หึ” ฉันหันไปมองคนที่นั่งตรงหัวโต๊ะอีกครั้งที่เขายังมีหน้ามาแค้นเสียงหัวเราะหน้าตาเฉยในขณะที่ฉันกำลังจะประสาทเสียกับพี่ชายตัวเอง
เพราะเขาคนเดียว เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวจะคว่ำถ้วยข้าวต้มร้อน ๆ นั้นให้
“มึงหยุดกระตุกยิ้มมุมปากโง่ๆ ของมึงไปเลยไอ้ดิน”
“ทำไม กูทำแล้วเท่ใช่ไหม”
“ไอ้สัส เท่มากมั้งไอ้ฉิบหาย!!”
“พี่เจค...” ฉันมองค้อนพี่เจคที่ยังไม่ยอมหยุดพูดสักที ก่อนจะกอดอกพร้อมกับจ้องมองตาเขียวในเวลาต่อมาจนพี่เจคต้องยอมก้มหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาถือไว้แล้วพูดเสียงขึงขังกับพี่ดิน
“จะนั่งมองหาพ่อมึงบนหน้ากูเหรอไอ้ดิน จะกลับก็ลุกสิวะ!”
สิ้นสุดคำพูดของพี่เจค พี่ดินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันแล้วจูบปากฉันอีกครั้งต่อหน้าพี่ชายของฉัน ซึ่งพี่เจคที่เห็นว่าฉันโดนจูบก็เตรียมตัวจะเข้ามาคว้าคอเสื้อของพี่ดินไว้ แต่ไม่ทันจะได้มาถึงตัวฉัน พี่ดินก็เดินลอยหน้าผ่านไปก่อน พี่เจคเลยได้แต่ยืนข่มอารมณ์ตัวเองไว้ที่โดนเพื่อนของตัวเองยั่วอารมณ์ไว้ ก่อนจะรีบเดินตามออกไปทีหลัง