EPISODE8 [ไอ้เด็กมันมีของ]
Bad Twins เฮียแฝดอย่าร้าย
EPISODE8
[ไอ้เด็กมันมีของ]
“กลับดี ๆ มึง เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ปราบส่งเสียงบอกหยินที่เดินขึ้นรถตามหลังเฮียไฟไป
“เจอกันมึง” หยินรับคำเพื่อนแค่นั้น นี่ก็ดึกมากแล้ว เขาทั้งเหนื่อยทั้งง่วงเลยล่ะ
“เรื่องบ่อนจัดการให้ดี จะย้ายไปคอนโดฯวันไหนก็โทรบอก” เพลิงหันมาพูดกับปราบ หลังจากที่ไอ้น้องชายตัวดีบอกว่าจะขอไปเช่าคอนโดฯอยู่เอง ด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนอย่างเช่น อยากออกไปแตะขอบฟ้าเพื่อตามหารักแท้
“โอเคเฮีย! ถ้าดีลห้องได้ ผมจะย้ายของไปเลย แต่ไม่ลืมโทรบอกแน่นอน ไม่ต้องห่วง” ปราบรับคำ
ระหว่างเฮียเพลิงกับเฮียไฟ คนที่คุยกันรู้เรื่องคงมีแค่คนเดียว เพราะเขาไม่เคยคุยกับเฮียไฟได้เกินสองประโยคหรอก พูดไปก็ขัดคอกัน และจบด้วยกัดกันทุกที
หยินที่ขึ้นมานั่งบนรถได้ จึงถอดเสื้อแจ็คเก็ตคืนเฮียไฟทันที ซึ่งขากลับเฮียแฝดก็ยังคงนั่งประกบเขาอยู่ดี และตอนนี้ท่าทางพวกเฮียก็คงมีเรื่องอยากสอบสวนเขามากมาย
"พวกเฮียเลิกจ้องผมเถอะฮะ" หยินพูดขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้หันมองอีกฝ่าย แต่หนุ่มนักเรียนก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกเฮียแฝดจ้องมาด้วยสายตาแบบไหน
"ไหนเล่าเรื่องมึงมา" ไฟพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำให้หยินแค่นยิ้มจาง ๆ
"ผมเป็นเด็กกำพร้าฮะ หลังจากพ่อตายตอนผมห้าขวบ ไม่นานแม่ก็ป่วยตาย น้าผมเลยรับผมมาอยู่ด้วยฮะ"
หยินที่สีหน้าคงไว้ซึ่งความเรียบเฉยเอ่ยเล่าไปตามความจริง แม้ไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นนัก แต่มันก็แค่อดีตที่ผ่านมานานแล้ว เขาคิดว่าตอนนี้ตัวเองเข้มแข็งพอที่จะอยู่กับภาพจำที่ไม่เคยจางหายนั้นได้
“น้ามึงคงรวยมาก ถึงให้มึงเรียนที่MDL” ไฟเปรยขึ้น เพราะโรงเรียนที่หยินเรียนอยู่นั้นเป็นโรงเรียนเอกชนประจำเขตที่ค่าเทอมค่อนข้างแพงมากทีเดียว
“น้าผมเป็นหัวหน้าช่างในอู่ซ่อมรถฮะ ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ค่าเทอมส่วนหนึ่งก็มาจากที่ผมออกไปทำพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียน” หยินอธิบาย ทำให้เพลิงวาดท่อนแขนมาโอบไหล่หนุ่มน้อยนักเรียน
“ก่อนมาเจอพวกกู มึงทำงานอะไร” เพลิงถามขึ้น จับปลายคางหยินให้หันหน้ามาสบตากัน เพราะชายหนุ่มเชื่อว่าสายตาของคนไม่สามารถหลอกลวงกันได้ ถ้าไอ้เด็กนี่คิดโกหก เขาก็จะรู้ได้ทันที หยินช้อนสายตามองสบกับนัยน์ตาคมแสนดุดันของเพลิงนิ่ง ก่อนที่เรียวปากสวยสีสดจะขยับตอบ
“รับจ้างตีคนฮะ” หยินตอบ แล้วขยับยิ้มจาง แววตาที่ยังคงนิ่งไม่มีแววไหววูบหรือประหม่าให้เพลิงเห็น ทำให้ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากปลายคางหนุ่มนักเรียน
หลังหลุดจากพันธการกดดันที่เพลิงก่อขึ้น ใจของหยินที่เอาแต่เต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ เพราะต้องบังคับให้ตัวเองปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ก็ค่อย ๆ รู้สึกผ่อนคลายลง พลันภาพความทรงจำในอดีตก็ย้อนเข้ามาในหัวของหนุ่มน้อยเป็นฉากๆ
‘จ้องตาน้าแล้วพูดมาว่ามึงไม่ได้ทำ!’
เสียงกร้าวของคนที่ชุบเลี้ยงมาทำให้หลานชายวัยเพียงเจ็ดขวบตื่นตกใจจนวิ่งหนีไปนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เด็กชายเอาแต่ร้องไห้น้ำตานองหน้า เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด
‘ฮึก! ผมทำไม่ได้หรอกฮะ’ เสียงพร่าเล็ก ๆ โต้เถียง ส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่ถูกบังคับให้พูดออกมา
‘กูบอกว่าจ้องตากูไอ้หยิน แล้วพูดว่ามึงไม่ได้ทำ!’
หยกตวาดเสียงดังขึ้น ช่วงเวลานั้นความเกรี้ยวกราดของน้าชายราวกับมัจจุราชร้ายในสายตาของหยิน เด็กน้อยรู้สึกหวาดกลัวราวกับจะหายใจไม่ออก เอาแต่ก้มหน้าก้มตาปฏิเสธน้าท่าเดียว
‘น้าหยก! ผม…ฮึก!’
หมับ!
เพียะ! ไม่มีโอกาสได้เอ่ยจนจบ ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกรั้งให้ลุกขึ้น ฝ่ามือหนาใหญ่ที่ฟาดตบลงมาที่ปากจนเลือดซึม ทำให้หยินถึงกับล้มไปกองกับพื้น ความเจ็บปวดชาหนึบที่แล่นริ้วไปทั่วข้างแก้ม ซึ่งในไม่ช้ามันคงจะค่อย ๆ บวมและแดงขึ้น นั่นทำให้เด็กน้อยกำหมัดแน่น ฝืนยันตัวเองขึ้นมาเผชิญหน้ากับน้าชาย
‘...’
‘พูดมาไอ้หยิน! มึงจะพูดหรือมึงจะตายก็เลือกเอา’
หยกเลือดเย็นพอที่จะให้ทางเลือกหลานชายเพียงแค่นั้น ความเกรี้ยวกราดของเขาก่อเกิดเป็นความกดดันที่เด็กน้อยต้องเผชิญมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้หยินค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะสร้างปราการขึ้นมาปกป้องตัวเองจากสภาวะแรงกดดัน เขาจำเป็นต้องอยู่รอด เพราะหยกสั่งสอนมาแบบนั้น
‘ไม่มีเรื่องเหี้ย ๆ ไหนที่มึงลบออกไปได้ แต่มึงแค่ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ก็แค่นั้น ตอนนี้อยู่ที่ว่าใจมึงแกร่งพอไหม ที่จะอยู่กับมันไปทั้งชีวิต’
และตอนที่เขาได้รู้จักกับภารัณ นั่นก็เป็นอีกประโยคที่หยินจดจำใส่หัวมาโดยตลอด เพราะเฮียรันสั่งสอนมาว่าใจเขาต้องแกร่งขึ้นเท่านั้น
ไฟที่เห็นว่าหยินเงียบไป ก็ส่งสายตาให้ตี๋ผ่านกระจกมองหลัง ก่อนที่ตี๋จะตบเกียร์ออกรถทันที
“เรื่องที่มึงบอกว่ามีวิธีเอาคืนไอ้ลูกค้าสองคนนั้น มึงก็เริ่มพรุ่งนี้ได้เลย” เพลิงพูดขึ้น ทำให้หยินหลุดจากภวังค์ความทรงจำในอดีต หนุ่มน้อยหันมามองหน้าเพลิง
“เรื่องนั้นไม่มีอะไรมากหรอกฮะ เดี๋ยวให้มือแจกเอาสำรับไพ่ของผมไป แค่นั้นพวกมันก็โอดโอยแล้วฮะ” หยินตอบ แล้วล้วงเอาสำรับไพ่ในกระเป๋านักเรียนส่งให้เพลิง
“นี่มึงพกไพ่ไปโรงเรียน?” ไฟว่า แล้วยกมือขยี้เส้นผมหนุ่มนักเรียนจนยุ่ง
“อ๋อ! เผื่อหาลำไพ่กับพวกลูกคนรวยตอนพักเที่ยงฮะ” หยินว่า แล้วยิ้มเจื่อนให้ไฟที่มองจ้องหน้าเขาเขม็ง
“มึงอดอยากเงินจนวิ่งรอกทั้งวันขนาดนั้นเลย” เพลิงถามคล้ายประชด ทำให้หยินหันมายิ้มประชดให้เขาจนตาหยี
“วัยกำลังใช้เงินนี่ฮะ” หนุ่มน้อยว่า
เพียะ! นั่นทำให้เพลิงเสยมือไปที่หลังหัวทุย ๆ นั้นจนหยินหน้าคว่ำ
“อู้ย! ตบแบบนี้ผมคอหักขึ้นมาจะทำไงฮะ” หยินพึมพำ ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อย ๆ
“มึงคงอยู่กับไอ้ปราบมาก เดี๋ยวนี้ชักกวนตีน” ไฟว่าแล้วโยกหัวหนุ่มน้อยเล่น
“ไม่ใช่หรอกฮะ ผมจะไปกล้ากวนตีนพวกเฮียที่ให้งานผมได้ไง ผมน่ะ…หาว!” หยินที่กำลังอธิบายจู่ ๆ ก็หาวออกมาหวอดใหญ่ หนุ่มน้อยถึงกับสะบัดหัวไปมาไล่ความง่วงงุนที่เริ่มเข้าครอบงำสติ
“มึงง่วง?” เพลิงเลิกคิ้วถาม ทว่าตอนนี้หยินกลับรู้สึกว่าแม้แต่ใบหน้าหล่อร้ายของเฮียเพลิงมันก็ยังดูพร่าเบลอไปหมด
ตุบ! เพลิงหลุบสายตาคมดุดันมองร่างของไอ้เด็กนักเรียนที่ฟุบลงมาซบกับแผ่นอกของเขา ขณะที่ตี๋กดปิดสวิทต์บางอย่างที่ข้างช่องแอร์
“ลูกเล่นเยอะนะมึงเนี่ย” ไฟแค่นเสียงใส่หนุ่มน้อยที่ไร้ซึ่งสติไปเรียบร้อย
“ผมว่าไอ้เด็กนี่มันมีของ ทีนี้จะได้รู้ว่ามันเป็นพวกไหนกันแน่” ตี๋พูดขึ้น สบตากับเฮียไฟผ่านกระจกมองหลัง ขณะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าห้องพักของหยินซึ่งอยู่ด้านหลังฟีนิกซ์คลับ