ตอนที่ 2 (5)
รับสิ.. บ้าเอ๊ย!
ทำไมไม่รับนะ มัวทำอะไรอยู่เนี่ย โธ่เอ๊ย!
ฉันกดตัดสายทิ้งเพราะไม่ใจเย็นและไม่มีเวลาพอจะรอให้อีกฝ่ายมารับสายได้ หลังจากนั้นฉันรีบเปิด Line ขึ้นมาส่งข้อความขอความช่วยเหลือโดยไม่ลืมกดแชร์ Location ที่ฉันอยู่ในตอนนี้ให้หมอนั่นแทน
ขอร้องล่ะ.. พลีสสสส ช่วยอ่านข้อความของฉันด้วยเถอะ ต่อให้ฉันจะเกลียดขี้หน้านายมากขนาดไหน แต่ชีวิตฉันตอนนี้ขึ้นอยู่กับนายแล้วนะธิษณ์
ฉันได้แต่ภาวนาให้หมอนั่นเห็นข้อความที่ฉันส่งไป
“ทำอะไร”
ฉันสะดุ้งเฮือก รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง
“ปะเปล่า..” ฉันรีบซุกโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าทันที หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาเลิ่กลั่ก ธรรศหรี่ตาลงจ้องหน้าฉันเขม็ง ก่อนจะเหลือบตามองของที่ฉันซ่อนเอาไว้ด้านหลังด้วยใบหน้าสงสัย
“โทรหาใคร”
ฉันไหวตัวอย่างร้อนรน นั่นสิไม่มีทางที่เขาจะดูไม่ออก แต่ว่า.. ทันใดนั้นเองแจกันเซรามิกที่อยู่ด้านหลังของธรรศก็เตะตาฉันเข้า
ฉันกลืนน้ำลายอึก.. มองสบสายตาของธรรศอย่างหายใจลำบาก จะรอความช่วยเหลือไม่ได้ ไม่มีอะไรรับรองว่าฉันจะปลอดภัย ระหว่างที่ฉันกำลังเค้นความกล้าออกมาธรรศก็เริ่มอารมณ์เสีย ถลาเข้ามาจะคว้าของที่ฉันซ่อนเอาไว้ด้านหลัง
“ถามว่าโทรหาใคร”
ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบทันควัน ทิ้งกระเป๋าในมือ โผเข้ามาหยิบแจกันขึ้นแล้วหันไปตั้งท่าขู่ใส่เขาตัวสั่น
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฟาดหัวแตกจริงๆ ด้วย”
ธรรศชะงัก มองการกระทำของฉันด้วยสายตาเหนือความคาดหมาย เพียงชั่ววูบเท่านั้นแววตาคมกริบคู่นั้นก็หรี่ลงอย่างเย้ยหยันพร้อมกับเสียงหัวเราะหึในลำคอ
“คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ” ฉันถลึงตาใส่ธรรศ ฉุนขึ้นสมอง
“กล้างั้นเหรอ..” ธรรศย่างสามขุมเข้ามาหาฉันอย่างท้าทาย
อยากลองดีนักใช่ไหม ได้! งั้นก็เอานี่ไปกินซะไอ้บ้า
ผลัวะ! ฉันฟาดแจกันใส่หัวธรรศเต็มแรงอย่างไม่ลังเล
“อึก! ยัยบ้านี่ กล้าดียังไงวะ!”
หมอนั่นเซถอยหลังไปอย่างเสียหลักและแจกันก็หล่นแตก
เพล้ง!
ร่างของธรรศทรุดลงอย่างอ่อนแรง ฉันสะดุดลมหายใจเมื่อเหลือบเห็นเลือดสีแดงไหลออกมาผ่านฝ่ามือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นกุมศีรษะของเขา
โอกาส.. แววตาฉันทอประกายความหวังขึ้นมา ฉันเขยิบเท้าเบาๆ มาหยิบกระเป๋าในมือก่อนจะรีบชิ่งออกมาอย่างรวดเร็วแม้จะยังไม่หายตกใจแต่ฉันก็ไม่มีเวลามาพิรี้พิไรอะไรทั้งนั้น ฉันสาวเท้ายาวๆ ออกมาสวนกับลูกน้องสองคนที่วิ่งโล่มาจากทางประตู รีบเข้าไปดูอาการธรรศเพราะเสียงครึกโครมเมื่อครู่
“ไอ้โง่เอ๊ย! ฉันไม่เป็นไร รีบไปจับตัวนังนั่นมา” เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของธรรศดังไกลออกมาถึงนี่ ฉันสะดุ้งโหยง หัวใจหล่นไปอยู่ตะตุ่ม รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องเชือดนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิ่งหัวซุกหัวซนออกไปที่ลิฟต์
“เฮ้ย! อยู่ตรงนั้น หยุดนะ”
เสียงตะโกนดังขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังจะก้าวเข้ามาในลิฟต์
ฉันเสียวสันหลังวาบ รีบกดปุ่มปิดลิฟต์รัวๆ คนของธรรศวิ่งมาถึงลิฟต์ทันเห็นหน้าพวกนั้นผ่านช่องประตูที่กำลังปิดแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ฉันใจหายวูบ เอนหลังพิงผนังแล้วถอนหายใจออกมา จับตามองไฟบนปุ่มลิฟต์หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทันทีที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่งระหว่างที่ฉันกำลังจะพุ่งตัวออกไป ลุงคนหนึ่งก็ถลาเข้ามากางแขนข้างหนึ่งขวางฉันเอาไว้แล้วใช้กำลังบังคับให้ฉันกลับเข้าลิฟต์
“อึก! ปล่อยนะ” ฉันใจหายเมื่อจำหน้าลุงคนนี้ได้ เขาคือหนึ่งในผู้ติดตามของธรรศ บ้าเอ๊ย มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงเนี่ย ซวยฉิบเป๋ง
ฉันดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่ตาลุงนี่ก็เหนียวกว่าที่คิดจนประตูลิฟต์ดีดตัวปิดและเลื่อนขึ้นสู่ชั้นบนทั้งๆ ที่ไม่มีใครกดปุ่ม
เวร! อย่าบอกนะว่าเป็นคนของธรรศอีก อะไรมันจะซวยขนาดนี้เนี่ย ขืนกลับเข้าไปตอนนี้มีหวังถูกหมอนั่นฆ่าหมกส้วมแน่ ก็ทำเอาไว้ซะขนาดนั้น
...แค่คิดถึงเลือดหัวของธรรศที่ไหลออกมาฉันก็รู้สึกสยองจนไม่กล้าจินตนาการถึงสิ่งที่หมอนั่นจะเอาคืน
“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ตาลุงนั่นขู่ อย่ามาดูถูกควีนแก้มนะ แค่ตาลุงวัยสี่สิบคนเดียวฉันจะไม่มีปัญญาสู้ไหวก็ให้มันรู้ไปสิ
ผลัวะ!
ฉันทุ้งศอกเข้าที่ท้องตาลุงเต็มๆ แรง
“อึก..” ลุงสะดุ้งแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น “อย่าพยายามเลยนังหนู”
เฮือก!
ฉันถึงกับเย็นสันวาบเมื่อได้เย็นเสียงเย็นยะเยือกของลุงตอบกลับมา นี่ฉันสิ้นไร้ไม้ตรอกแล้วเหรอเนี่ย แต่ว่าใครมันจะยอมยืนรอความตายอยู่เฉยๆ ล่ะ
“นี่แหนะ” ฉันถีบเท้าเปล่าๆ ใส่หน้าแข้งของลุงไม่หยุด พลางทุบตีสารพัดจนตาลุงนั่นตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว
“หยุดนะ! อยากถูกฆ่านักใช่ไหม เป็นแค่โสเพณีอย่าอวดดีให้มันมากนัก”
“โส..” ฉันชะงักพลัน มองสบสายตาแข็งกร้าวของตาลุงแววตาค้าง “โสเพณี”
ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแพร่กระจายไปทั้งร่างกาย ใบหน้าซีดชาขึ้นมาทันที ..ฉันเนี่ยนะโสเพณี! ไอ้บ้า ต่อให้เป็นโสเพณีจริงแล้วพวกแกมีสิทธิ์มาจับตัวฉันแบบนี้เหรอ พวกคนสารเลว!
“ก็ใช่น่ะสิ! หน้าที่ของเธอคือทอดกายให้คุณธรรศเชยชม ไม่ใช่ไปทำร้ายท่านแบบนั้น คิดว่าชีวิตของเธอมีค่านักหรือไงต่อให้ตายไปสักสิบชาติก็เทียบกับหนึ่งชีวิตของคุณธรรศไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผม”
ฉันมองหน้าอิตาลุงนั่นอย่างแสบทรวง เดี๋ยวนี้ผู้ชายมันปากเสียกันทั้งโลกแล้วหรือไงวะ มาว่าฉันเป็นโสเพณียังไม่พอ ยังตีราคาชีวิตของฉันต่ำกว่าเส้นผมบางๆ อีกเรอะ บัดซบเอ๊ย
“หุบปากนะ พวกแกไม่รู้ว่าฉันลูก...”
เพียะ
ยังไม่ทันจะพูดจบฝ่ามือหนักๆ ก็ฟาดใส่หน้าฉัน แก้มด้านขวาเจ็บแสบขึ้นมาทันที ใบหน้าหันไปตามแรงตบ
ได้กลิ่นคาวเลือดคุอยู่ในปาก..
ฉันหันหน้ากลับมามองตาลุงอย่างอึ้งๆ
..กล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน ขนาดพ่อแม่ฉันยังไม่เคยตีฉันเลย
ติ้ง
ระหว่างที่ฉันกำลังจ้องหน้าไอ้ลุงนั่นด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่านประตูลิฟต์ก็เปิดออก พร้อมกับลูกน้องสองคนของธรรศกรูเข้ามาล็อกแขนฉันเอาไว้คนละข้าง
ฉันขัดขืนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในอกยังคงร้อนระอุเพราะลูกตบเมื่อกี้
“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไง”
พลั่ก! ฉันถูกลากกลับเข้ามาในห้อง พวกมันผลักฉันลงบนพื้นเต็มแรงตรงหน้าโซฟาที่มีร่างของธรรศนั่งอยู่
ฉันสะดุ้งเฮือก ..เพราะแววตาเลือดเย็นของธรรศที่มองมา บอกให้รู้ว่าเขากำลังโกรธจัด
“กล้ามากนักนะที่ทำกับฉันแบบนี้” ธรรศเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก รู้สึกอึดอัดและตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออก
“ฉันจะไม่ให้โอกาสเธออีกครั้ง” เขาเอื้อมมือมาดึงคางฉันไปบีบ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องเสียงเย็นเยียบ “เอาตัวไปรับแขกที่ร้านซะ อย่าให้หยุดพักจนกว่าฉันจะสั่ง”
หัวใจฉันกระตุกวูบ มองหน้าธรรศเลิ่กลั่ก ที่เขาพูดนั่นมันหมายความว่ายังไง
“เดี๋ยว! รับ... รับแขกอะไร นี่!”
“ครับ”
“จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ!” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไปก็ถูกลูกน้องสองคนของเขาลากออกมาจากตรงนั้น เฮ้ยเดี๋ยวสิ มันหมายความว่ายังไง ฉันขัดขืนสุดกำลังแต่ก็ดิ้นไม่หลุด
“ธรรศ! นี่นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อยไง”
ฉันหันไปโวยวาย เรียกร้องความสนใจจากธรรศแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นผล ก่อนที่ฉันจะตะโกนใส่ไอ้บ้าทั้งสองที่หิ้วฉันมาจนถึงลิฟต์
“นี่พวกนายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันจะฟ้องป๊า พวกแก! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันพวกแกไม่รอดแน่”