ตอนที่ 2 (4)
ปึก!
ร่างฉันถูกโยนลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ในห้องหรูของโรงแรมห้าดาว ธรรศพยักหน้าสั่งให้ลูกน้องออกไป เหลือแค่ฉันกับเขาสองคนในห้องที่เปิดแอร์เย็นเฉียบ
“นายจะทำอะไร” ฉันถอยหนีจนหลังชิดกับหัวเตียง จ้องมองเขาด้วยสายตาระแวง
“หึ!” ธรรศหัวเราะในลำคอ มองท่าทางตื่นกลัวของฉันด้วยสายตาเหยียดหยัน รูดเนคไทที่คอออกช้าๆ ก่อนจะถอดสูทตัวนอกโยนลงบนปลายเตียงอย่างไม่ใส่ใจ
ฉันมองอากัปกิริยาของธรรศแล้วรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
“อย่าเข้ามานะ!” ฉันตะโกนห้ามเสียงแข็ง เมื่อหมอนั่นเท้าแขนลงบนพื้นเตียงจนยุบยวบเกิดแรงสะเทือนเล็กน้อยมาถึงตรงที่ฉันนั่ง เขาหยุดกึกไปชั่วครู่ก่อนจะกระตุกยิ้มหยันที่มุมปากแล้วขยับขึ้นมาบนเตียงอย่างไม่สนใจ
“นี่นายบอกว่าอย่าขึ้นมาไง”
ฉันรู้สึกจนตรอก เหงื่อผุดพรายขึ้นตามไรผม ทั้งที่อากาศในห้องหนาวจนขนลุก
ธรรศไม่ฟัง แต่ก่อนที่หมอนั่นจะเอื้อมมาถูกตัวฉัน ฉันรีบกระโจนหนีออกจากเตียงทางด้านข้างทันควัน หลบได้อย่างหวุดหวิด เราสองคนมองจับจ้องกันอย่างดูท่าทีโดยไม่มีใครขยับเขยื้อน ..ฉันแทบจะลืมหายใจ
“อย่าให้ฉันหมดความอดทน กลับมานี่!” หมอนั่นเปล่งเสียงทรงพลังออกมา มองฉันด้วยสายตาบังคับ
แค่นั้นฉันก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวราวกับจะถูกความชั่วร้ายที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาของธรรศกลืนกิน
อึก.. ฉันกลืนน้ำลายอย่างหนืดคอ ร่างกายเกร็งจนไม่สามารถขยับตัวได้ นี่มันบ้าอะไรกัน อย่ามาอ่อนแอเอาตอนนี้สิแก้ม ฉันตะโกนบอกตัวเอง เค้นพลังที่มีออกมาเพื่อหาทางเอาตัวรอดให้ได้
ฉันจะไม่มีวันตกเป็นของใครโดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้แน่
ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น หลังสิ้นเสียงพูดของธรรศไปไม่นานฉันก็กลั้นใจวิ่งออกมาด้วยแรงที่มี แต่ทว่า!
หมับ! ธรรศไวกว่า
“คิดจะยั่วโมโหกันหรือไง” ธรรศเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวฉันอย่างง่ายดาย เขาคว้าเอวฉันแล้วดึงเข้าไปกอดแน่นจากทางด้านหลังพร้อมกับเค้นเสียงพูดแหบต่ำออกมา
“ปล่อ..” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ดิ้นรนขัดขืนหมอนั่นก็เหวี่ยงฉันกลับขึ้นมาอยู่บนเตียง กว่าฉันจะรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังสัมผัสบนฟูกก็ตอนที่ถูกร่างหนาของธรรศคร่อมอยู่ด้านบนเสียแล้ว เขากลบเสียงพูดของฉันด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ถือว่าฉันปรานีนะที่ไม่ส่งเธอไปรับลูกค้า”
หัวใจฉันกระตุกวูบ นัยน์ตาสั่นไหว ตะโกนออกไปอย่างเหลืออด
“อย่ามาตลกนะ! นายรู้ไหมฉันเป็นใคร นายจะต้องเสียใจแน่ที่ทำกับฉันแบบนี้”
“งั้นก็ลองใช้ร่างกายของเธอทำให้ฉันรู้หน่อยสิว่าเธอคือใคร” ธรรศทำเสียงหึในลำคอ ดวงคาคมกริบฉายแววเยาะหยันแกมหงุดหงิดอยู่ในที
“ไม่! ปล่อยฉัน” ฉันเบือนหน้าหลบริมฝีปากของธรรศที่โน้มลงมาหมายจะประกบริมฝีปากฉัน ทำให้พลาดโดนสันคางแทน ฉันใช้มือดันหน้าอกหมอนั่นออกออกห่างอย่างสุดกำลังจนเหนื่อยหอบแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไล่เขาออกไปได้เลยสักนิด
ตรงกันข้าม
ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ร้อนระอุบอกถึงระดับอารมณ์ที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดของธรรศ แต่ต่อให้ฟ้าจะถล่มหรือดินจะทลายฉันก็ไม่ยอมพลีกายให้ใครฟรีๆ
รอไปสักร้อยชาติก่อนเถอะ
ธรรศเงยหน้าขึ้นจากซอกคอฉันก่อนจะรวบมือฉันที่ดันหน้าอกเขาอยู่ออกไปกดไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะใช้มืออีกข้างเกี่ยวสายเสื้อชุดราตรีของฉันออกจากไหล่และใช้เข่าแหวกกระโปรงฉันขึ้นมาถึงขาอ่อน ผิวกายที่สัมผัสกับอากาศโดยตรงทำให้รู้สึกเย็นวาบเข้าไปถึงทรวงใน
“หยุดนะ” ฉันดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างของธรรศ รู้สึกสิ้นหวังจับใจแต่ก็ไม่คิดจะยอมอยู่นิ่งๆ ให้เขากัดแทะได้ง่ายๆ
“เฮ้! หยุดดิ้นได้แล้วไม่อย่างงั้นฉันจะล่ามเธอเอาไว้กับเตียง”
เสียงลอดไรฟันกระซิบข้างหูอย่างข่มขวัญก่อนที่หมอนั่นจะก้มลงขบกัดที่ต้นคอฉันจนเจ็บจี๊ด..
“อ๊ะ!” ฉันส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ธรรศหัวเราะหึในลำคอด้วยความพอใจก่อนจะลากปลายลิ้นอุ่นๆ ลงไปจนถึงเนินอกครึ่งหนึ่งที่โผล่พ้นชุดออกมา
ไม่หรอกชุดมันไม่ได้โป๊ขนาดนี้แต่ผ้ามันเขยื้อนลงไประหว่างการขัดขืนต่างหาก
“หยุดนะ!” ฉันหายใจเหนื่อยหอบ ทั้งตื่นกลัว ทั้งต้องต่อสู้ดิ้นรนกับสัมผัสวาบหวามที่หมอนั่นพยายามจะปลุกเร้าอารมณ์ฉัน บ้าเอ๊ย
“ทำไม เทียบกันแล้วฉันดีกว่าไอ้งั่งนั่นตั้งร้อยเท่า จะขัดขืนทำไม” ธรรศหยุดริมฝีปากที่กำลังล่วงเกินฉันเพื่อสะกิดบาดแผลในใจฉันที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
“ไม่! อย่างน้อยมิกซ์ก็ไม่เคยบังคับฉัน ปล่อยนะ”
“หึ.. ที่มันไม่บังคับก็เพราะเธอเต็มใจไม่ใช่เหรอ อย่ามาแก้ตัว” ธรรศเย้ยหยันฉันด้วยคำพูดและแววตาที่บอกให้ฉันยอมๆ เขาไปซะก็สิ้นเรื่อง
ถึงจะเป็นแฟนแต่ฉันกับมิกซ์ไม่เคยมีอะไรกัน เขาให้เกียรติฉันตลอดเพราะแบบนั้นฉันถึงได้เชื่อใจขนาดนั้น แต่พูดไปหมอนั่นคงไม่เชื่อและก็คงไม่คิดจะปล่อยฉันไปด้วย ฉันกัดฟันแน่นอย่างปวดใจ น้ำตาไหลออกมา ฮึก.. ทำไมฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย
“นายที่ทำเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกก็ระยำเหมือนกันนั่นแหละ” ฉันสาดกลับด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อน จ้องใบหน้าคมได้รูปของธรรศแววตาแข็งกร้าว
“ระยำงั้นเหรอ” ธรรศทวนคำพูดฉันแล้วหัวเราะหึในลำคอ นัยน์ตาสีเขียวมรกตน่าลุ่มหลงฉายแววเลือดเย็นออกมาจนสุดจะหยั่งถึง แค่มองตานั่นร่างกายฉันก็สั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ธรรศ! หมอนี่อันตราย
..พริบตาที่คิดแบบนั้นฉันก็รู้ว่าไม่อาจต่อกรกับคนคนนี้ได้ นี่ฉันจบลงแค่นี้อย่างงั้นเหรอ ..ไม่นะ
นัยน์ตาฉันไหววูบเมื่อถูกนิ้วมือแข็งแกร่งกดลงที่ลำคอ อึก! รู้สึก..หายใจไม่ออก
“อยากให้ฉันระยำมากกว่านี้ไหมล่ะ”
“ไม่.. ปล่อยฉันไปเถอะ ขอร้อง” ฉันครวญครางน้ำตาไหล มองธรรศด้วยสายตาอ้อนวอน เขากำลังทำให้ฉันรู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างกับตกอยู่ในฉากหนึ่งของหนังสยองขวัญกับฆาตกรโรคจิต ฉันไม่ได้กลัวแค่ว่าจะถูกขืนใจแต่กลัวว่าจะโดนฆ่าข่มขืนมากกว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น เรื่องชักจะวิปริตไปกันใหญ่แล้ว
ธรรศ หมอนี่ไม่ใช่คนเสียสติใช่ไหม.. ฉันมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกตตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อยแน่ แต่หลังจากที่ฉันหมดธุระบนตัวเธอแล้วน่ะนะ” ธรรศเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ คลายมือออกจากลำคอฉัน
ตลอดเวลาแววตาเลือดเย็นของเขาจับจ้องมองตาฉันไม่ละไปไหน ราวกับจะย้ำเตือนความเป็นจริงที่แสนขมขื่นว่าฉันไม่มีทางรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาได้ตราบใดที่เขาไม่คิดจะปล่อยฉันไป
ฉันแทบจะหยุดหายใจเมื่อริมฝีปากอ่อนนิ่มของธรรศกดลงมาบนริมฝีปากของฉัน สัมผัสนุ่มนวลจากผิวอ่อนตรงริมฝีปากถูกแทนที่ด้วยแรงกดที่หนักหน่วงและเร่าร้อน
“อึก!” ฉันปิดเปลือกตา อยากหลบหนีไปให้ไกล เม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้เขาสอดลิ้นเข้ามา ทว่าธรรศก็ไม่ดึงดัน หมอนั่นลูบมือไปตามลำตัวที่มีชุดราตรีปกปิดอย่างหนักมือก่อนจะสอดนิ้วแหวกผ่านเนื้อผ้าเข้ามาสัมผัสกับหน้าอกฉันโดยตรง
ฉันสะดุ้งเฮือก! เบิกตาพลัน ริมฝีปากเผยอออกอย่างไม่ตั้งใจ และตอนนั้นเองที่ลิ้นของเขากำลังจะสอดเข้ามาเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นมาซะก่อน
ตรู้ด!~ ตรู้ด!~
“อะไรวะ!” ธรรศสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
เขานิ่งค้างอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะผละออกจากร่างฉันแล้วเดินหัวเสียไปรับโทรศัพท์
เฮือก! ฉันดีดตัวลุกขึ้นทันที หันรีหันขวางอย่างร้อนใจก่อนจะเหลือบไปเห็นกระเป๋าที่หล่นอยู่บนพื้น เรื่องอะไรจะรอช้าล่ะ ฉันรีบกระโจนลงจากเตียงแล้วค้นกระเป๋าหาโทรศัพท์มือถือทันที มือไม้สั่นไม่หยุด หัวใจเต้นระส่ำอย่างร้อนรน ภาวนาให้ธรรศไปนานๆ แต่ว่าฉันก็ยังไม่ได้ยินเสียงหมอนั่นคุยโทรศัพท์เลย..
ฉันคิดอย่างกระวนกระวายใจ จะโทรหาใครดี ใครที่สามารถมาช่วยฉันในตอนนี้ได้
ใคร.. ฉันเลื่อนหาเบอร์โทรศัพท์อย่างบีบหัวใจ มิกซ์.. เขาเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึงแต่กลับไม่สามารถกดปุ่มโทรออกได้ ระหว่างที่ฉันกำลังลนลานอยู่นั่นเอง รายชื่อหนึ่งก็วิ่งผ่านเข้ามาในสายตา.. หัวใจฉันกระตุกวูบทันที! ก่อนจะหลับหูหลับตากดโทรออกไปอย่างไม่มีทางเลือก