ตอนที่ 2 (1)
ฉันมองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากติดต่างหูคู่งามเสร็จ เดินกรีดกรายออกมาหยิบกระเป๋าคริสตัลราคาไม่กี่ร้อยแต่หรูเทียบเท่าของจริงที่วางอยู่บนปลายเตียงขึ้นมาถือแล้วออกจากห้องด้วยชุดราตรีสีแดงเยี่ยงราชินี โฮะๆ ถ้าไม่เด่น ไม่สะดุดตาก็อย่ามาเรียกฉันว่าควีนแก้ม!
อันที่จริงแล้วสมญานามราชินีฉันได้มาตอนอยู่มัธยม เพราะเป็นหลานสาวเจ้าของโรงเรียน ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ถูกจับตามองไปหมดทุกอย่าง พอฉันทำได้ดีก็หาว่าเพราะเป็นหลานคุณลุง แต่ฉันก็ไม่เคยทำอะไรพลาดเลยสักครั้ง ทุกอย่างออกมาดีเลิศหมด ทุกคนเลยพากันอิจฉาและตีตัวออกห่าง แต่ฉันมีเหรอจะใส่ใจ ในเมื่อไม่มีใครพอใจฉัน ฉันก็เชิดใส่ซะเลย สุดท้ายก็โดนเกลียดสนิท
เพื่อนที่มีก็เป็นความสัมพันธ์แบบนางพญากับลูกสมุนซะมากกว่า ทุกคนที่เข้าใกล้ฉันก็เพราะหวังประโยชน์จากฉันกันทั้งนั้น
จนกระทั่งฉันได้มาเจอกับมิกซ์ตอนเรียนอยู่ปีสาม มิกซ์คบกับฉันโดยไม่สนใจบารมีของครอบครัวฉัน และยังคอยให้กำลังใจ อยู่ข้างๆ ฉันในตอนที่มีปัญหา
อย่างที่บอกเพื่อนส่วนมากคบหาฉันเพราะผลประโยชน์ เมื่อพวกนั้นรู้ข่าวที่ฉันโดนตัดหางปล่อยวัด ก็เริ่มตีตัวออกห่าง ไม่ว่าฉันจะหันหน้าไปหาใครก็เมินหนีกันหมด มีแต่มิกซ์คนเดียวนี่แหละที่ไม่ทิ้งไปเหมือนอย่างคนอื่นๆ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงให้มิกซ์หมดทั้งใจ
เฮ้อ.. คิดถึงมิกซ์จัง ช่วงนี้เราไม่ได้เจอกันเลย โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยได้โทร ฉันรู้แค่ว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับงานพิเศษ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ในส่วนที่เหลือ เฮ้อ!~ คิดถึงจะแย่อยู่แล้วนะเนี่ย แต่ฉันก็ช่วยแบ่งเบามิกซ์ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วด้วยสิ
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างกลุ้มใจระหว่างเข้ามานั่งในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปทักทายมิกซ์ผ่าน Line ก่อนจะเอื้อมตัวไปค้นเอากล่องสร้อยข้อมือที่ซุกไว้ในช่องกระเป๋าหลังของเบาะข้างๆ ออกมาสวม แล้วสตาร์ทรถตรงไปที่งานเลี้ยง
ในงานเลี้ยงไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจนัก ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือเพื่อรอข้อความตอบกลับจากมิกซ์ เสียงสะดีดสะดิ้งของเจ๊ซินดี้ก็ดังขึ้น
“น้องแก้ม”
“เจ๊ ว่าไงคะ” ฉันขยับตัวแล้วส่งยิ้มไปให้เจ๊ ก่อนจะสังเกตเห็นผู้ชายที่เดินตามหลังเจ๊มา อ่า.. ท่าทางจะเป็นเด็กใหม่เจ๊ แต่ว่าดูดีเกินไปมั้ง เจ๊ไม่น่าจะหาได้ ไม่สิ ต้องพูดว่า หน้าหล่อแบดบอยเลือกได้ขนาดนั้นไม่น่าจะหลงผิดมากินเจ๊ซินดี้มากกว่าถึงจะถูก
“มานั่งหงอยอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวคะ”
“เอ่อ..” ฉันอึกอักครู่หนึ่ง กำลังจะหาคำแก้ตัวออกไปแต่เจ๊ซินดี้ก็ไม่ปล่อยให้ฉันได้มีโอกาส
“นี่เจ๊ฝากศิวัชด้วยสิ เด็กใหม่ เจ๊ไปจับได้แถวอาร์ซีเอเมื่อคืนน่ะ เพิ่งมาจากฮ่องกง ดูแลหน่อยเดี๋ยวเจ๊ไปคุยงานกับโปรดิวเซอร์วงแฟนธอมแป๊บ” เจ๊ซินดี้พูดรัวเร็วจนแทบฟังไม่ทันพลางผลักผู้ชายคนนั้นเข้ามาหาฉันก่อนจะกระวีกระวาดออกไปอย่างเร่งรีบ
อะไรของเขาเนี่ย ฉันมองตามสะโพกที่เดินสะบัดสะบิ้งของเจ๊ซินดี้ไปอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเหลือบสายตามาสนใจผู้ชายตรงหน้า
“นาย เอ่อ..”
“ศิวัช” หมอนั่นเอ่ยชื่อตัวเองพร้อมกับส่งรอยยิ้มประทับใจมาให้ นัยน์ตาสีเขียวมรกตแฝงเร้นไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์แต่น่าหลงใหลจนยากจะถอนสายตา
“อ่อ.. ศิวัช ฉันแก้มยินดีที่ได้รู้จัก” ฉันพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ ตอบ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับใบหน้าหล่อเหลาขยี้ใจของเขาเลยสักนิด
“เธอเป็นนางแบบ” เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ
“ใช่”
“สนใจจะมาเป็นแบบให้ผมไหม”
“ฮะ?” ฉันเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเจ้าของกิจการอะไรเพราะหน้าตาไม่ให้
ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ เขาเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญที่ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ มากกว่า
ศิวัชเหยียดยิ้มแล้วโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูฉันอย่างไม่เกรงใจ ฉันกำลังเอียงหน้าหลบก็ต้องชะงักเพราะคำพูดที่ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวของอีกฝ่าย
“นางแบบบนเตียงน่ะ”
“นี่นาย!” หน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน ถอยห่างออกมาอย่างไวแล้วจ้องเขาเขม็ง
“ผมยินดีจ่ายไม่อั้นนะ” หมอนั่นขยับเข้ามาใกล้แล้วพูดไม่หยุด “ที่ตามซินดี้มาก็เพราะคิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกับผู้หญิงสวยๆ แบบเธอเนี่ยแหละ” ศิวัชยิ้มเจ้าเล่ห์ ปรายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาละลาบละล้วง ทำเอาฉันโกรธจัดจนตัวแทบจะลุกเป็นไฟ
“นี่นายกล้าดียังไง! เจ๊ซินดี้รู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า” ถ้าเจ๊รู้นะฉันจะหมดความนับถือในตัวเจ๊ทันที
“ไม่รู้สิ แต่ใครจะสน ผมแค่มาตามคำชวนเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย” หมอนั่นพูดออกมาด้วยใบหน้าแบดบอย ท่าทางหลงตัวเองสุดๆ นั่นทำเอาฉันอยากจะเหวี่ยงกระเป๋าฟาดหน้าเข้าให้