BETWEEN | 04 ใกล้ชิด
แปลกที่หัวใจดวงน้อยสั่นไหว ทั้งตกใจทั้งมึนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ไม่คิดว่าคนที่ส่งเครื่องดื่มให้จะเป็นไออุ่นด้วยซ้ำ ก็อาจเป็นความบังเอิญที่เขาออกมาดื่มที่คลับเดียวกันกับเธอ
“แกรู้จักเหรอ” มะเฟืองสะกิดแขนเลิฟยูเบาๆ ในขณะที่สายตาหล่อนยังจ้องใบหน้าคมคายตาไม่กะพริบ เลิฟยูที่เพิ่งได้สติก็รีบตอบกลับไปอารามความตกใจยังพร่าพรายในแววตา
“ก็คนที่ขับรถชนฉันไง”
“อ๋อ…ภาพลอยมาเลย ก็ว่าทำไมหน้าคุ้นจังที่แท้เป็นพี่คนที่ขับรถชนแกนี่เอง” มะเฟืองลากเสียงยาวเมื่อรู้ว่าคนที่ส่งเหล้ามาให้คือรุ่นพี่คนที่ขับรถชนเลิฟยูเมื่อตอนบ่ายนี้เอง
“เรากลับตอนนี้ดีไหม มันดึกแล้ว” ก่อนหน้านี้เลิฟยูยังบอกว่าจะอยู่จนกว่ามะเฟืองอยากกลับบ้านแต่พอได้แก้วเหล้าจากรุ่นพี่คนนั้นท่าทางก็เปลี่ยนไป ดูลนลานและอยากจะกลับบ้านอย่างเดียวเลย
“แปลกนะเนี่ย”
“ฉันง่วงแล้ว”
“ก็กะ…”
“คุณผู้หญิงครับ พอดีว่าคุณผู้ชายท่านนั้นให้ผมมาเชิญคุณทั้งสองขึ้นไปดื่มด้วยกันที่โซนด้านบนครับ” พนักงานหนุ่มคนเดียวกับที่เอาเหล้ามาให้เดินเข้ามาเชิญเลิฟยูกับมะเฟืองไปดื่มชั้นบนโซนวีวีไอพี พอเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นว่าไออุ่นยกแก้วเหล้าเชื้อเชิญเธออยู่ แถมยังขยิบตาให้
“ไปไหม?” มะเฟืองถามพลางหันไปมองรอบๆ เธอเองก็รู้สึกหวาดหวั่น “แกจะไปไหมเลิฟ” ถามย้ำอีกครั้งเมื่อเพื่อนยังอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบอะไร
“กลับบ้านเถอะ”
“ทำไม หรือว่าแกกับพี่เขาทะเลาะกัน?”
“เปล่า” เปล่าซะที่ไหนล่ะ ตอนอยู่โรงพยาบาลเธออดทนอดกลั้นแทบตาย ทั้งเจ็บแผลทั้งเจอคนกวนประสาท
“พี่เขามองมานานแล้วนะ เหมือนอยากให้เราขึ้นไปหาเลย”
“แกอยากไป?” เลิฟยูเป็นฝ่ายถามบ้าง มะเฟืองเขยิบเข้ามาทำตาปริบๆ
“ฉันอยากไปดูว่าโซนนั้นเป็นยังไงอะ มันคงหรูหราและเป็นส่วนตัวดีว่าไหม”
“อืม” เลิฟยูยอมพยักหน้าเป็นอันตกลงว่าจะขึ้นไปชั้นสอง พอเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชนเลิฟยูจนเธอเซเกือบล้ม ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ เหยเกอย่างหนักด้วยเพราะหญิงสาวคนเมื่อครู่ชนข้างที่มีบาดแผลแถมยังไม่มีคำขอโทษใดๆ ออกจากปากหล่อนอีก
“ไม่มีมารยาท! ชนคนอื่นแล้วยังมั่นหน้าอีก” มะเฟืองว่าตามหลังหญิงสาวพร้อมทั้งพยุงเลิฟยูเดินขึ้นไปชั้นสอง
ไออุ่นหรี่ตามองใบหน้าเหยเกก่อนที่สายตาจะโฟกัสที่ผ้าปิดแผลตรงข้อศอกซึ่งมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
“ออกมาเที่ยวได้คงหายแล้ว” คำพูดประชดประชันกรอกเข้าหูเธอ จากจะหลบสายตากลับต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับไออุ่น
“เปล่าค่ะ ยังไม่หายดี”
“อืม…ดูย้อนแย้งนะ”
“…” มะเฟืองมองเพื่อนรักสลับกับมองไออุ่น ทั้งสองเชือดเฉือนกันไปมาจนบรรยายรอบตัวน่าอึดอัด “เออ! ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะเลิฟ”
“อืม”
“ไปไหม?” มะเฟืองเหลือบตามองไออุ่นเสี้ยววินาทีหนึ่งแล้วหันมาขยิบตาให้
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวรออยู่ตรงนี้นะ แกกลับมาแล้วเราค่อยกลับบ้าน”
“โอเคเลย” มะเฟืองเคลื่อนตัวไปใกล้ๆ “อย่าเผลอสบตาพี่เขาบ่อยนะแก เดี๋ยวท้องป่องขึ้นมาจะยุ่งเอานะ”
“ยายบ้านี่!” คนนะไม่ใช่ปลากัดที่จ้องตากันแล้วท้องอะ อยากจะว่ากลับไปแบบนี้แต่ยายเพื่อนตัวดีกลับเดินออกไปก่อน บรรยากาศในโต๊ะอึดอัดขึ้นอีกสามร้อยเท่า ไออุ่นยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่เลิฟยูนั่งบีบมือตัวเองแน่น “หนูขอตัวไปรอเพื่อนข้างล่างนะคะ”
“เดี๋ยว…เหมือนเธอกลัวฉันนะ” เลิฟยูหยุดชะงักกับคำพูดนั้นแล้วหันหน้าไปมองไออุ่น เขาเลิกคิ้วให้เธออย่างยียวน
“ทำไมต้องกลัวคะ”
“ปากดีไม่เลิกจริงๆ”
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋าสะพายของเลิฟยู เธอหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของมะเฟืองซึ่งมันแปลกมากที่เธอโทรเข้ามาในตอนนี้
“เฟืองว่าไง”
(เลิฟแกกลับไปก่อนฉันก็ได้นะ)
“ทำไม แกไปไหนเหรอ”
(ฉันมีธุระด่วนมากๆ)
“อ้าว…” เลิฟยูขมวดคิ้วแน่นจู่ ๆ ยายมะเฟืองก็มาทิ้งกันไปโดยไม่บอกอะไรกับเธอ พอยายตัวดีวางสายไปเลิฟยูกะพริบตาปริบๆ มองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดสนิทอย่างร้อนใจ กลับไปต้องมีเรื่องคุยกันยาวแน่ยายเฟือง! “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ พอดีเพื่อนมีธุระเลยบอกให้กลับก่อน”
“งั้นกลับ” ไออุ่นผลุนผลันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้มมองเลิฟยูที่ยังนั่งนิ่ง “ถ้าเธอไม่ลำบากใจฉันไปส่งได้นะ”
ลำบาก! ลำบากใจมากที่สุด!
“หนูกลับแท็กซี่ก็ได้”
“แท็กซี่เวลานี้?” ก็จริงอย่างที่เขาว่ามา แท็กซี่ตอนนี้หายากมากเพราะดึกแล้วด้วย “งั้นก็รอต่อไป ไม่แน่อาจจะได้กลับตีสอง” เขาพูดแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่
“พูดเหมือนอยากให้หนูกลับด้วยจังเลยนะคะ”
“แล้วอยากกลับด้วยไหมล่ะ” ไออุ่นเลิกคิ้วถามอย่างยียวน เพราะรอยยิ้มนั้นแหละที่เธอลังเลใจว่าจะไปกับเขาดีไหม ยายเพื่อนตัวดีก็ทิ้งกันไปเสียดื้อๆ มันน่าหยิกจริงๆ เลย “แล้วแต่นะ” เขาเดินออกไปได้เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นเลิฟยูก็ร้องเรียกไว้ ด้วยเพราะโซนวีวีไอพีเสียงเพลงไม่ค่อยดังมากนักเสียงเธอจึงดังก้อง
“กลับด้วยก็ได้ค่ะ แต่….หนูขอให้พี่คิดเงินนะ ไม่อยากมีบุญคุณ”
“หึหึ…” มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะจากชายหนุ่มที่ดังขึ้นกลบเสียงเพลง จากนั้นไออุ่นก็เดินออกไป เลิฟยูกุลีกุจอสับเท้าเดินตามหลังเขาไปจนกระทั่งมาหยุดอยู่ลานจอดรถลูกค้าวีวีไอพีซึ่งมันเงียบมากๆ มีรถจอดเพียงไม่กี่คันซึ่งเป็นรถราคาหลายสิบล้านด้วย หนึ่งในนั้นคือรถของไออุ่น
“ไม่ใช่คันเดิมเหรอ”
“…” ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อยแล้วเปิดประตูก้าวเข้ามานั่งตำแหน่งคนขับ ไออุ่นเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถรอเลิฟยูอย่างใจเย็น ก็เธอมัวแต่อึกอักไม่ยอมขึ้นรถสักที “ต้องให้ตัดริบบิ้นก่อนไหมถึงจะย้ายตัวเธอขึ้นมานั่งบนเบาะได้?” คำพูดกระแนะกระแหนนั้นทำให้เลิฟยูรีบเปิดประตูก้าวเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับอย่างเก้กัง
“พร้อมแล้วค่ะ” เมื่อเห็นว่าไออุ่นยังนั่งเคาะนิ้วผิวปากอย่างอารมณ์ดีเธอจึงเอ่ยบอก ทว่าชายหนุ่มกลับยังนิ่งไม่ออกรถสักที “พี่ไอ…อ๊ะ!” ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ไออุ่นก็โน้มตัวมาคร่อมแล้วดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้
“ทำเหมือนไม่เคยนั่งรถกับผู้ชาย”
“ก็…” เลิฟยูเม้มปากแน่น ก็เธอประหม่านี่หน่า ไม่เคยนั่งรถกับผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อตัวเอง และยิ่งผู้ชายคนนั้นเป็นไออุ่นแล้วเธอกลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก พอเขาขับรถออกมาได้ไม่นานมากนักจู่ๆ ไออุ่นก็ตีไฟเลี้ยวมาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เขาเปิดประตูลงจากรถโดยไม่บอกกล่าวว่าจะไปไหน เลิฟยูนั่งนิ่งรอเขาอยู่เกือบสิบนาทีไออุ่นก็กลับมาพร้อมกับถุงเซเว่นสีส้ม
ก๊อก ก๊อก
“คะ?” เลิฟยูขานรับอยู่ในรถ จะว่าเธอบ้านนอกก็คงจริงเพราะไม่รู้เลยว่าปุ่มกดลดกระจกลงมันอยู่ตรงไหนและกดยังไง ไออุ่นยังเคาะกระจกรถไม่หยุด “ตรงนี้เหรอ” เธอสุ่มกดและกระจกรถก็เลื่อนลง
“ลงมา”
“คะ?”
“ลงมาจากรถ”
‘เขาส่งแค่นี้เหรอ หรือว่ามีนัดต่อ…แต่ก็น่าจะไปส่งใกล้ๆ บ้านหน่อยซี่~’
เลิฟยูทำหน้าเสียดายพร้อมกับก้าวลงจากรถ
“ส่งแค่นี้ก็ได้นะคะ”
“อะไรของเธอ”
“ก็พี่ไออุ่นบอกให้หนูลงจากรถเพราะจะไปต่อไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่ต้องคิดแทนฉัน” เขาเดินอ้อมไปท้ายรถแล้ววางถุงอุปกรณ์ล้างแผลที่เข้าไปซื้อมาเมื่อครู่นี้ลง “มายืนตรงนี้”
“…” พอจะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเมื่อเห็นเขาหยิบขวดน้ำเกลือออกมาจากถุงพลาสติก “จะทำแผลให้เหรอคะ”
“…” เขาไม่ตอบเพียงใช้สายตาออกคำสั่งให้เลิฟยูเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาก่อนจะถูกไออุ่นจับแขนข้างที่มีบาเแผลไว้แน่นแล้วลอกผ้าปิดแผลอันเก่าที่เปื้อนเลือดออก “เจ็บแค่นี้คงไม่ตายหรอกใช่ไหม”
“-_-”! เธอจะไม่ตอบกลับเด็ดขาด!
“แต่ก็ไม่น่าจะตาย เพราะบาดเจ็บอยู่ยังออกมาเที่ยวเล่นได้” เธอเมินคำพูดกระแนะกระแหนของเขาและปิดปากเงียบให้ไออุ่นทำแผลจนเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ”
“หึ!” เขาไม่เพียงไม่รับคำขอบคุณแต่กลับมองเธอผ่านแววตาดุดันและแสยะยิ้มมุมปาก “หวังว่าจะไม่เจอเธออีกนะ”
“…”!