BETWEEN | 03 บังเอิญ(?)
เลิฟยูยู่ปากเข้าหากัน อยากจะตอบกลับไปเต็มเสียงว่าเธอไม่กลัวเขาเลยสักนิดแต่หากตอบกลับไปตรงๆ แบบนี้คงไม่เป็นการดีกับเธอแน่
“ทำหน้าแบบนั้นเพราะกำลังด่าฉันในใจสินะ” ไออุ่นแสยะยิ้มพร้อมจ้องนัยน์ตาสีดำขลับอย่างรู้ทัน แต่อีกฝ่ายกลับเชิดใบหน้าขึ้นแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้ทำอย่างที่เขากำลังปรักปรำ
“คิดเองเออเองเก่งเหมือนกันนะคะ”
“หายกลัวแล้วก็ปากดีเลยนะ”
“…” หญิงสาวเม้มปากแล้วย่นจมูกใส่ ไม่รู้ว่าบทสนทนาเธอกับเขาเริ่มต้นมายังไงแต่ตอนนี้มันเหมือนสนิทสนมกันไปแล้ว “พี่จะจ่ายเป็นค่าพยาบาลใช่ไหม” ทันทีที่เท้าแตะพื้นกระเบื้องในห้องฉุกเฉินเลิฟยูก็เอ่ยถามเสียงดังจนนางพยาบาลหันมามองไออุ่นเป็นตาเดียว
“หรือเธออยากให้ฉันจ่าย…มากกว่าค่าพยาบาลล่ะ” ทั้งที่รู้ว่าเขาถามคำถามยั่วโทสะแท้ๆ แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างน่าเอือมระอา
“จ่ายแค่ค่าพยาบาลก็พอค่ะ ไม่กล้าเรียกเยอะหรอกแค่พามาหาหมอก็ดีแล้ว”
“แต่เธอเองก็ทำฉันเจ็บเหมือนกันนะ จะจ่ายฉันด้วยอะไร” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลามันน่าหมั่นไส้มากกว่าที่เธอจะหลงใหล เลิฟยูจ้องใบหน้าเขาเลิ่กลั่กแล้วเอ่ยถาม
“จะ…จ่ายอะไรคะ หนูไปทำพี่ไออุ่นเจ็บตอนไหน” ด้วยเพราะเธอกับเขายังยืนอยู่ในห้องฉุกเฉินที่ไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่จึงใช้เสียงดังไม่ได้ “อ๊ะ! จะพาหนูไปไหน” ข้อมือข้างซ้ายถูกคว้าไปจับแน่นก่อนที่เธอจะถลาไปตามแรงดึงของไออุ่นซึ่งเขาพาเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินตรงไปยังเคาน์เตอร์รับยาและจ่ายค่าบริการ
พรึบ
ไออุ่นโยนถุงยาไปให้เลิฟยู การกระทำอุกอาจทำให้เธอรีบยกมือขึ้นมารับแต่ลืมว่าตัวเองก็บาดเจ็บอยู่ ใบหน้าสวยที่เพิ่งมีสีมีนวลเปลี่ยนเป็นเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ใจร้ายจัง”
“ฉันคิดว่าฉันใจดีสุดแล้วนะ” เขาไม่สะทกสะท้านที่เห็นเธอเจ็บแถมยังไม่แยแสเฉียดกายมามองด้วยซ้ำว่าบาดแผลจะฉีกไหมหรือมีเลือดออกหรือเปล่า เย็นชาได้ใจจริงๆ
“ขอบคุณที่มีความรับผิดชอบพามาหาหมอนะคะ” เลิฟยฟูยกมือไหว้ไออุ่นโดยไม่แม้จะเงยหน้ามองเพราะไม่อยากเสียความรู้สึกหากเขาไม่สนใจจะรับไหว้ “หนูขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว” เท้าเรียวหยุดชะงักแล้วหมุนตัวกลับไปเลิกคิ้วถามชายหนุ่ม “ไปขึ้นรถ”
“ไปเองได้ค่ะ แท็กซี่ก็ขับผ่านอยู่บ่อยๆ”
“จะอวดเก่งก็ช่วยดูสภาพตัวเองตอนนี้ก่อน” ไม่ว่าเปล่าแต่ไออุ่นยังเดินไปจับแขนข้างที่ไม่มีบาดแผลพาเลิฟยูเดินไปขึ้นรถ
“ก็เห็นทำเหมือนไม่แยแสอะไร เลยจะกลับเอง”
“หึ” มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะที่ดังขึ้นตัดบทสนทนาเข้าสู่ความเงียบและความกดดันจนมือเปียกชื้นด้วยเหงื่อด้วยเพราะเธอเอาแต่กำแน่นจนกระทั่งรถยุโรปคันหรูจอดเทียบฟุตพาทหน้าตึกคณะฯ เลิฟยูนั่งนิ่งทว่าสายตากลับเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ก็เขาเอาแต่ผิวปากฮัมเพลงไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
“ขะ…ขอบคุณนะคะ”
“อืม”
“ไปแล้วนะ”
“อืม…เชิญ” หญิงสาวคว้าถุงยามากอดไว้แล้วจึงเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง ทว่าตอนจะปิดประตูไออุ่นเหลือบตามองเธอครู่หนึ่งแล้วยกโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงดังในตอนที่เธอกำลังก้าวลงจากรถขึ้นมาแนบหู พอประตูปิดสนิทแล้วเขาก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“เพราะแบบนี้ไงคนอื่นถึงเดือดร้อน!” เลิฟยูบ่นตามหลัง
“ช่วยไม่ได้ ไม่ดูตาม้าตาเรือเอง” ไออุ่นตอบกลับโฮปที่โทร.มาถามข่าวคราว
(แล้วอยู่ไหนวะเนี่ย)
“มหา’ลัยเนี่ยแหละ กำลังจะกลับแล้ว”
(ไม่แวะแน่นะ)
“ไม่ พรุ่งนี้เจอกัน”
(โอเค ไปดีมาดีเพื่อนอย่าซิ่งเดี๋ยวเกิดเรื่องอีก)
“อืม” ทั้งสองวางสายกันไป ส่วนไออุ่นรีบไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านตามนัด
หลายนาทีต่อมา
บรรยากาศในโต๊ะอาหารถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ไม่มีบทสนทนาใดจากสามคนพ่อแม่ลูก
“อิ่มแล้วครับ” ไออุ่นวางช้อนลงพร้อมกับยกแก้วน้ำดื่มขึ้นจิบเล็กน้อย “งั้นผมกลับ” เขาทำท่าจะลุกขึ้นแต่ถูกแม่รั้งแขนไว้ พรนับพันมองหน้าลูกชายโดยไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เพียงมองตาก็รู้ว่าการมากินข้าวครั้งนี้ต้องมีเรื่องน่าปวดหัวอย่างแน่นอน
“ใจคอจะไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอ มากินข้าวเสร็จก็กลับเนี่ยนะ”
“แม่มีอะไรก็พูดมาเถอะ พ่อก็ด้วยทำอ้ำอึ้งอยู่ทำไม” ด้วยเพราะสังเกตเห็นพ่อกับแม่แอบมองหน้ากันหลายครั้งแต่ก็ยังไม่พูดอะไรสักทีจนเขาหงุดหงิด
“แม่อยากคุยเรื่องเรียนกับเรื่องหมั้นหมาย”
“บอกไปแล้วนะว่าไม่หมั้น ไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ายังไม่หยุดคุกคามผมผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก” เขาแกะมือแม่ออกจากแขนแล้วเดินออกมาจากบ้านทันที หากรู้ไวกว่านี้คงไม่กลับบ้านหาเรื่องใส่หัวตัวเองหรอก
22:00
ไออุ่นนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาในคลับหรูที่ประจำโซนวีวีไอพี ตั้งใจไว้ว่าถ้ากินข้าวเสร็จก็กลับห้องไปพักผ่อนแต่กลับอารมณ์เสียเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ เขาจึงออกมาหาอะไรดื่มแก้เซ็ง
“รับอะไรเพิ่มไหมครับ” พนักงานหนุ่มที่นำเหล้าขึ้นมาเสิร์ฟเอ่ยถามอย่างสุภาพ ไออุ่นปรายตามองเพียงนิดพร้อมกับหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งยื่นให้พนักงานหนุ่มแล้วใช้สายตาบอกเขาว่าไม่ต้องการอะไรเพิ่ม
“เฮ้อ…” ลมหายใจเจือด้วยควันบุหรี่จางๆ ถูกพ่นออกมาเป็นครั้งที่ห้าแล้ว เพียงเพราะเรื่องไร้สาระที่แม่กับพ่อพูดกรอกหูแท้ๆ “หมั้นงั้นเหรอหึ! ไร้สาระสิ้นดี” มันหมดยุคคลุมถุงชนไปนานแล้ว มีแต่คนคร่ำครึที่ชอบจับบุตรหลานหมั้นหมายกับคนแปลกหน้าทั้งที่ไม่ได้เจอ ไม่รู้จักกันมิหนำซ้ำยังไม่เคยเฉียดกายใกล้กัน นิสัยใจคอเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ แต่หากพ่อกับแม่ยังไม่หยุดการกระทำนี้เขาคงต้องลุกขึ้นปกป้องสิทธิตัวเอง
เสียงเพลงเคล้ากับสุราที่ยกดื่มประหนึ่งเป็นน้ำเปล่าช่วยให้สมองโล่งปลอดโปร่ง ทว่าในตอนที่หยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้ที่ปากกลับเหลือบเห็นร่างเล็กแสนคุ้นตา เธอนั่งอยู่หน้าบาร์และอีกสองคนที่นั่งข้างกันคาดว่าเป็นเพื่อนสนิท
“หึ!” บุหรี่ถูกจุดพร้อมกับสูดควันเข้าปอดลึกๆ แล้วพ่นควันสีขาวคละคลุ้งออกมา “น้อง” ไออุ่นกระดิกนิ่วเรียกพนักงานหนุ่ม
“ครับพี่” พนักงานที่มาคอยดูแลรีบก้าวเข้ามาประชิดตัวไออุ่นพร้อมกับโน้มลงมารับคำสั่ง “ได้ครับ” คำสั่งถูกส่งทอดออกไปทันที
“แกลากฉันมาทั้งที่สภาพเป็นอย่างนี้เนี่ยนะ ตลกนะ” เลิฟยูชักสีหน้าไม่พอใจที่จู่ๆ มะเฟืองก็โทร.มาบังคับให้เธอออกมาดื่มเป็นเพื่อน ทั้งที่ปฏิเสธไปหลายรอบแต่สุดท้ายก็ต้องลากสังขารมาจนได้เพียงเพราะเพื่อนเศร้า อารมณ์กำลังดิ่งเรื่องคนคุยหายเงียบไปนาน
“สวัสดีครับ มีคนฝากเครื่องดื่มมาให้คุณผู้หญิงครับ”
ทั้งสองสาวหันขวับมามองพนักงานหนุ่มที่เพิ่งวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเลิฟยู และกำลังจะเดินหนีแต่ถูกเลิฟยูรั้งไว้ด้วยคำถาม
“ใครเหรอคะ”
“อ๋อ” พนักงานหนุ่มยิ้มบางๆ แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่อยู่ชั้นสองโซนวีวีไอพี เลิฟยูกับมะเฟืองมองตามสายตาชายหนุ่มไปจนกระทั่งสายตาปะทะกับร่างสูงเด่นเป็นสง่าซึ่งตอนนี้เขายืนค้ำระเบียงมองมาที่เธอกับเพื่อนพอดี
จังหวะที่เขาเลิกคิ้วให้เหมือนทุกอย่างรอบกายหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงเธอและเขาที่สบตากันในระยะไกล
“พะ…พี่ไออุ่น”