BETWEEN | 01 แนะนำตัว
หลายนาทีต่อมา
โฮปนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องพักส่วนตัว ตั้งใจเอาไว้ว่าจะงดโซเชียลและหยุดทำงานทว่าแผนที่ตั้งใจเอาไว้พังไม่เป็นท่าเมื่อวอร์กับไออุ่นมาหาเขาที่ห้อง
“หายไปไหนมาวะ” วอร์เหลือบมองไออุ่นที่ยกแก้วเหล้าจ่อปากไม่กระดกดื่มสักทีราวกับว่ามีเรื่องว้าวุ่นใจ “เฮ้ย! เหม่อเชี่ยไรครับ” เขาสะกิดแขนเพื่อน
“เปล่า”
“ลากผู้หญิงไปนัวกันในห้องน้ำมาหรือไง” โฮปเอ่ยถามตรง ๆ พลางยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันเพื่อน แม้ภายนอกดูเข้มขรึมน่าหลงใหลแต่กลับซ่อนกรงเล็บไว้ล่าเหยื่อ
“รู้เรื่องกูดีกว่าเรื่องตัวเองนะ” ไออุ่นแดกดันเพื่อนเสียงทุ้มเบาด้วยท่าทางสบายๆ
“ด่ากูด้วยโทนเสียงอบอุ่นแบบนี้ เป็นกูไม่โกรธนะโฮป” วอร์เริ่มผสมโรงและแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อโฮปแยกเขี้ยวใส่เขา
“งดเที่ยว” คำพูดที่หลุดออกจากปากไออุ่นทำเอาสองหนุ่มชะงักค้าง วอร์มุ่นคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่เพื่อนจะสื่อสาร หยุดเที่ยวคืออะไรเขาไม่เข้าใจเลย
“หมายความว่า?” โฮปเลิกคิ้วถาม
“ก็หมายความตามนั้น”
“เข้าใจแล้วๆ ว่าแต่พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่ไหมวะ” วอร์เปรยขึ้นและมองหน้าเพื่อนทั้งสองหวังเอาคำตอบ “ไม่ตอบ งั้นกูโทร. หาหนูพิ้งค์แล้วนะ” ว่าจบก็โทร.หาพิ้งค์
(ว่าไง)
“พรุ่งนี้เราเรียนเช้าใช่ไหม” วอร์ถาม
(มั้ง แล้วอาจารย์ไม่ส่งเมล์หาหรือไง เออแต่เพิ่งเปลี่ยนเวลานี่…แล้วพวกนายอยู่ไหนกันเหรอ) พิ้งค์ถามกลับ
“ห้องโฮป”
(อ๋อ)
“มาไหม”
(ไม่ ไม่ว่างจะอ่านหนังสือกับแดดดี้)
“แหม…. น้อยใจโว๊ย! เพื่อนไม่สนใจเลย สนใจแต่แฟนตัวเอง” วอร์ประชดขำๆ รู้อยู่แล้วว่าที่พิ้งค์ปฏิเสธนั้นเพราะใคร
(เจอหน้ากันทุกวันยังบอกว่าไม่สนใจอีกเหรอวอร์)
“อืมๆ”
(เจอกันพรุ่งนี้นะ) พิ้งค์วางสายไปก่อน
“งั้นกูกลับ” ไออุ่นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลาแล้วเดินอ้อมโซฟาไป เขาหยุดเดินเพราะถูกวอร์จับแขนไว้ “มีไร”
“รอยลิปสติกที่คอมึง”
“…”
“ทำอะไรไม่เรียบร้อยนะมึง” โฮปตำหนิเพื่อนเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้วอร์ปล่อยมือ ไออุ่นเพยิดหน้าให้จากนั้นจึงเดินออกมา มันน่าหงุดหงิดที่มิลากล้าฝากรอยลิปสติกไว้ทั้งที่รู้อยู่แกใจว่าเขาไม่ชอบแต่เธอก็เลือกจะท้าทาย
วันต่อมา
“ดื่มไหม” คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบจากปากสองหนุ่มที่นั่งเท้าคางมองพิ้งค์ทำงานอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ตอบ” วอร์คาดคั้นเอาคำตอบจากเพื่อน
“ดูสภาพพวกกูก่อน” โฮปเหลือบตามองเพื่อนเชิงตำหนิ “วันนี้งดดื่ม ไปไม่ไหวจริงๆ”
“งดบ้างก็ดีนะ ตับไตจะได้พักหายใจด้วย” พิ้งค์เงยหน้าขึ้นมามองทั้งสามหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “แล้วแกล่ะ” เธอเชิดหน้าให้ไออุ่นที่เท้าคางทำหน้าง่วงมาได้สักพักแล้ว
“เย็นนี้ต้องไปกินข้าวบ้านแม่” ไออุ่นตอบ
“ลูกที่ดีว่างั้น” โฮปกระแนะกระแหน
“เป็นลูกที่ดีบ้าง ไม่ใช่ทำตัวเสเพลไปวันๆ อย่างพวกมึง”
“โห!! พูดงี้ลากกูไปตบกลางสี่แยกเถอะเพื่อน!” วอร์ออกตัวแรงพร้อมทำท่าขึงขังใส่ไออุ่นเป็นการหยอกล้อ พิ้งค์มองแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“หึหึ”
“แล้วมึงไปตอนไหนเนี่ย” โฮปเอ่ยถามพลางหยิบไอแพดมาเปิดดู
“เย็นๆ” ไออุ่นตอบเสียงเรียบ “เดี๋ยวว่าจะไปข้างนอกแล้ว”
“ไปไหน?” วอร์เงยหน้าขึ้นมาถาม
“เรื่องของกู” เขาตอบกลับอย่างไม่แยแสแล้วก้าวออกจากโต๊ะหินอ่อน เดินควงกุญแจไปเปิดรถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก วอร์กับโฮปโยกมือให้เพื่อนรักที่ลดกระจกเลิกคิ้วให้ ส่วนพิ้งค์แลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างทะเล้น
เอี๊ยด!!
“ฉิบหาย! นั่นเสียงเบรกรถไออุ่นไหมวะ” ทั้งสามคนรีบลุกขึ้นเดินไปดูยังต้นทางของเสียง นักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นต่างไปมุงดูอุบัติเหตุ “หลบทางหน่อยครับ หลบทางหน่อย” วอร์เคลียร์ทางให้พิ้งค์กับโฮปเดินเข้ามา ทั้งสามตกใจสุดๆ ที่เห็นนักศึกษาหญิงปีหนึ่งล้มอยู่หน้ารถไออุ่น ข้อศอกเธอเลือดออกและหัวเข่าก็ถลอกเป็นแผลมีเลือดซึมออกมา
“เชี่ยแล้วไงมึง” วอร์เคาะกระจกรถเพื่อนรักรัวๆ ไออุ่นเปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมกับเดินตรงไปหาหญิงสาวที่นั่งพับเพียบมองมาที่เขาตาปริบๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มนี้เขารู้สึกคุ้นตามากแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“ไปหาหมอ”
พรึบ!
“…”! ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อถูกชายหนุ่มตวัดขึ้นไปแนบอกในท่าเจ้าสาว เขาพาเธอเดินมาที่รถแล้ววางลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ด้วยเพราะเบาะรถสปอร์ตเลยทำให้เธอต้องเหยียดขาไปด้านหน้า จากนั้นไออุ่นก็เดินอ้อมมาขึ้นรถฝั่งคนขับ
“ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม” โฮปรีบเคาะกระจกถามเพื่อน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวจัดการเอง” ไออุ่นเลิกคิ้วให้โฮปเป็นเชิงบอกว่าเขาจะจัดการเองทุกอย่างแล้วก็ขับรถออกมาได้สักพักหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “เธออีกแล้วเหรอ”
“พี่ไออุ่น…”
“รู้จักฉันได้ยังไง”
หลังจากอารามความตกใจหายไปจากแววตาก็กล้าที่จะหันมามองจ้องหน้าชายหนุ่มมากขึ้น เพราะตอนแรกที่เกิดอุบัติเหตุไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่ในรถคือไออุ่น ในใจแอบโกรธเขาอยู่ไม่น้อยแต่พอถูกอุ้มขึ้นไปแนบอกความโกรธที่ยังค้างอยู่ในใจน้อยนิดก็หายไปเสียสนิท ครั้งแรกที่เลิฟยูได้สัมผัสอกแกร่งแน่นหนั่นแบบแนบชิด
“วันนั้นหนูถามพี่พนักงานหน้าล็อบบี้โรงแรมค่ะ”
“…” ไออุ่นปรายตามองเจ้าของคำตอบด้วยแววตานิ่งสนิทจนน่าขนลุก
“จะ…จอดรถทำไมคะ” จู่ๆ เขาก็ตีไฟเลี้ยวจอดรถข้างถนนกะทันหัน คำถามที่ส่งทอดออกไปได้เพียงความเงียบตอบกลับมา ตอนนี้เธอรู้สึกหวั่นใจเพราะเดาไม่ออกเลยว่าไออุ่นคิดอะไรอยู่ “อ๊ะ!” ความคิดเมื่อครู่พลันกระเจิดกระเจิงด้วยเพราะชายหนุ่มเอี้ยวตัวมาคร่อมตัวเธอไว้จนสัมผัสถึงลมหายใจร้อนที่เจือด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ เป่ารดเรือนแก้มเธอถี่ๆ ทุกอย่างรอบกายราวกับหยุดเคลื่อนไหวเมื่อได้สบตากับเขาตรงๆ ในระยะประชิด
“สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เลิกซะ”
“ทำอะไรเหรอ” หัวคิ้วเธอชนกันทันทีที่เขาเอ่ยประโยคนั้น เธอทำอะไรให้ไม่พอใจตอนไหนกันถึงได้พูดอะไรเพี้ยนๆ แบบนั้นออกมา
“เธอตามฉันมาตั้งแต่โรงแรม”
“…” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ “ไม่ได้ตามนะคะ”
“หึ!” ปลายนิ้วชี้เชยคางมนขึ้นเล็กน้อย “แต่เธอพยายามเอาตัวเองมาอยู่ในสายตาฉัน แบบนี้ไม่เรียกตามเหรอ” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยแล้วปัดมือไออุ่นออก
“ก็หนูเรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกับพี่นี่คะ ไปไหนมาไหนก็ต้องเจอกันเป็นธรรมดา”
“แต่ฉันว่ามันไม่ธรรมดา”
“หน้าตาพี่ก็ดีนะ หล่อมากด้วยแต่เสียอย่างเดียวหลงตัวเองไปหน่อย” ไออุ่นแสยะยิ้มให้กับความเย่อหยิ่งของหญิงสาวที่กล้าได้กล้าเสียต่อกรกับเขาอย่างไร้ความเกรงกลัว
“หึ!” ริมฝีปากหยักกดยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะขับรถพาเลิฟยูไปทำแผลที่โรงพยาบาล
‘ความเย็นชาของเขาทำหัวใจฉันทำงานหนักอย่างน่าประหลาด จังหวะที่เขาหันมอง จังหวะที่เขาเอื้อนเอ่ย…หัวใจยิ่งเต้นแรงอย่างหนักเหมือนฉันกำลังตกหลุมรักเขา…’
“หนูชื่อเลิฟยูนะคะ” หญิงสาวแนะนำตัวผ่านน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มหวานที่มุมปาก
“…”
“เลิฟยูที่แปลว่า…รักคุณ”