บทนำ ความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ
‘ผู้ชายเขาไม่ชอบผู้หญิงให้ง่าย ๆ แบบนี้หรอก มันดูไร้ค่า’
ณ คลับหรูแห่งหนึ่ง
“ดื่มหน่อยไหม” เสียงหวานของมะเฟืองที่คะยั้นคะยอให้เพื่อนสนิทอย่างเลิฟยูดื่มเหล้า
เลิฟยูหันมามองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ จุดประสงค์ที่แท้จริงของมะเฟืองไม่ได้อยากมาดื่มในคลับหรู ๆ แบบนี้หรอกแต่เพราะเธอนัดผู้ชายในแอพหาคู่มาเจอกันที่นี่ต่างหาก เลยถูกหล่อนลากมาเป็นไม้กันหมา
“เขาจะมายัง” หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังโยกย้ายร่างกายไปมาอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง ตอนนี้พวกเธออยู่ลานด้านล่างเพราะคิดว่าคงอยู่แป๊บเดียวเลยไม่ได้จองโซนวีไอพีซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
เลิฟยูกวาดสายตาฝ่าความสลัวของแสงไฟหลากหลายสีไปรอบ ๆ จนสะดุดตากับแผ่นหลังกว้างของคนคนหนึ่ง เธอรู้สึกคุ้นตามาก ๆ จนแอบคิดว่าเป็นพี่คนนั้นหรือเปล่า คนที่เธอเจออยู่มหาวิทยาลัยครั้งนั้น
“โดนหลอกเปล่าเนี่ย ไว้ใจได้กี่เปอร์เซ็นต์กัน” ก่อนจะมาเธอเองก็เตือนเพื่อนแล้วว่าระวังโดนหลอกให้มารอเก้อไม่ก็โดนหลอกมาทำอะไรมิดีมิร้าย
“ใช่เปล่าวะ” มะเฟืองหรี่ตามองกลุ่มชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินตรงมาทางนี้ เธอรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูโพรไฟล์คนที่นัดกันไว้พลางมองคนที่เดินมาหา ผู้ชายวัยยี่สิบแปดปีกับเพื่อนอีกสองคนส่งยิ้มให้เลิฟยูกับมะเฟืองอย่างเป็นมิตร ทว่าสายตาที่มองมามันทำให้ไรขนอ่อนเลิฟยูลุกซู่จนต้องสะกิดแขนเพื่อนรักแต่ไม่ได้รับความสนใจจากมะเฟืองเลย “พี่เจแปนใช่ไหมคะ” มะเฟืองถาม
“ครับ ใช่น้องมะเฟืองไหม”
“ใช่ค่ะ มะเฟืองเอง” มะเฟืองคลี่ยิ้มทักทายชายหนุ่มรุ่นพี่อย่างเป็นกันเอง เลิฟยูคลี่ยิ้มทักทายแต่ออร่าความเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มมันแผ่กระจายจนมายเซ้นส์เลิฟยูทำงาน
เธอพยายามสะกิดแขนมะเฟืองทั้งขยิบตาให้เพื่อเป็นการบอกนัย ๆ ว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรน่าไว้ใจ สายตาแพรวพราวเขาที่จ้องมองก็พอรู้ว่าหวังอะไรจากมะเฟืองแถมยังแอบส่งยิ้มและสายตาทอดสะพานมาในตอนที่มะเฟืองเผลอ
“เจ้าชู้” เลิฟยูแสยะปากแสดงออกถึงการต่อต้านและชอบชายหนุ่มชัดเจน แม้อีกฝ่ายพยายามมองมาที่เธอหลายหนแต่ไม่ได้เป็นจุดสนใจ หญิงสาวยกแก้วเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ขึ้นมาจิบเล็กน้อยพอเป็นพิธี พยายามสะกิดแขนมะเฟืองอยู่หลายครั้งและขีดความอดทนเธอก็ลดลงอยู่ในระดับที่อันตรายมาก “ไปเข้าห้องน้ำไหม”
“ไม่ปวด” มะเฟืองยังปฏิเสธท่าเดียวโดยไม่ดูเลยว่าเลิฟยูพยายามบอกใบ้ให้ไปคุยกันข้างนอก
“ไปเข้าห้องน้ำไหมมะเฟือง” เลิฟยูกดเสียงต่ำถามอีกครั้งจนมะเฟืองยอมพยักหน้าให้แล้วเดินออกมา พอมาถึงที่ที่หนึ่งเลิฟยูจึงหยุดแล้วหันมามองเพื่อนตาขวาง “สาบานว่าดูไม่ออกว่าไอ้พี่เจแปนของเธอเจ้าชู้ประตูผี ขนาดเธอนั่งหัวโด่อยู่ข้างฉันยังมองฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจแบบนั้นอีก”
“ก็แค่คุยเล่น ๆ อะเลิฟ”
“ถ้าแกจะมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวกับที่พูดเมื่อกี้ งั้นฉันขอกลับก่อนแล้วกัน” เธอหน่ายจะพูดกับคนดื้อรั้นอย่างมะเฟืองเพราะไม่ว่าจะเตือนยังไงเธอก็ยังมีสิ่งมาโต้แย้งอยู่เรื่อยไป หากครั้งนี้เตือนแล้วไม่ฟังเธอจะปล่อย
“เดี๋ยวดิ๊~ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหม นะ ๆ น้า~” มะเฟืองออดอ้อนเลิฟยูทั้งยังรั้งแขนเพื่อนไว้ไม่ให้เธอไปไหน คนใจอ่อนง่ายหันมามองเพื่อนรักด้วยความเบื่อหน่าย
“แกไม่เคยเชื่อฟังฉันสักครั้ง อย่าเรียกร้องอะไรทีหลังแล้วกัน”
“เธอสวยทั้งกายทั้งใจจริง ๆ” มะเฟืองรีบประจบทันทีก่อนที่ทั้งสองสาวจะเดินกลับไปที่โต๊ะเหมือนเดิม เลิฟยูนั่งดื่มน้ำหวานรอมะเฟืองด้วยความเบื่อหน่าย ครั้นจะขอกลับก่อนก็กลัวเพื่อนโดนหิ้วไปทำอะไรมิดีมิร้าย จึงต้องอยู่รอมะเฟืองคุยกับผู้ชายจนกระทั่งพี่เขาขอกลับก่อน
“ร้อยทั้งร้อยฉันว่าเขารีบกลับไปหาผู้หญิง” เลิฟยูตั้งขอสันนิษฐานจนคิ้วสวยขมวดเป็นปม
“งั้นเรากลับเหอะ” ทั้งสองเดินออกมาจากโต๊ะแต่กลับต้องหยุดชะงักฝีเท้ากะทันหันเพราะถูกเลิฟยูรั้งแขนเอาไว้ มะเฟืองเอี้ยวหน้ากลับไปมองเพื่อนรักอย่างเป็นคำถาม
“เฟือง"
“ว่าไง เป็นอะไรเธอมองหาใคร” ด้วยเพราะเลิฟยูเอาแต่มองขึ้นไปบนชั้นสองทั้งยังไม่สนใจคำถามที่เธอเอ่ยถามอีก “เลิฟ”
“อะ…อืม”
“เป็นอะไรของเธอ”
“เปล่า”
“งั้นกลับ”
“โอเค กลับบ้านกัน”
“ไปสิ” ปากบอกว่ากลับบ้านแต่เลิฟยูยังไม่ยอมขยับตัวไปไหนจนมะเฟืองต้องลากแขนออกมา ทั้งสองเดินมาถึงลานจอดรถด้านนอก “เหม่ออะไรเนี่ย” ด้วยเพราะสังเกตเห็นเพื่อนดูเหม่อ ๆ จึงเอ่ยถาม
“เปล่า เอ่อ…พอดีฉันปวดฉี่อะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ปะ”
“เอ้า…แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน งั้นเดี๋ยวฉันพาไป” มะเฟืองตั้งท่าจะพาเลิฟยูกลับเข้าไปในคลับอีกแต่ถูกเพื่อนสาวปฏิเสธ
“เดี๋ยวไปเองดีกว่า จะได้ไม่ต้องรอกัน” ว่าจบเลิฟยูก็กลับเข้าไปในคลับอีกครั้งหนึ่ง เธอหยุดยืนอยู่ประตูทางเข้าจุดที่คนชั้นสองสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
‘ใช่เขาไหมนะ…’
หญิงสาวเดินไปทางห้องน้ำหญิงขณะที่มองไปบนชั้นสองหาคนคนหนึ่งที่เธอคุ้นเคยแม้เจอเขาแค่ครั้งเดียวกลับตราตรึงใจจนลืมไม่ลงเท่าทุกวันนี้
“สงสัยกลับไปแล้วมั้ง” หญิงสาวพึมพำบอกตัวเองแล้วเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำหญิง ภายในห้องน้ำมีห้องส้วมอยู่ห้าห้องด้วยกัน จังหวะที่เลิฟยูจะเปิดประตูเข้าไปกลับมีคนคนหนึ่งเปิดประตูออกมาก่อน เธอชะงักเพราะคนคนนั้นคือคนที่มองหาอยู่ ไม่กี่วินาทีก็มีผู้หญิงหน้าตาสะสวยเดินออกมาจากห้องเดียวกันกับชายหนุ่ม เสื้อผ้าเธอหลุดลุ่ยไม่เป็นระเบียบแถมลำคอยังมีรอยช้ำสีกุหลาบเต็มไปหมด
“…มีอะไรไหมคะ?”
“อ๋อ เปล่าค่ะพี่”
“เห็นน้องจ้องนาน ๆ นึกว่ามีอะไร” หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเลือดนกเดินไปล้างมือ ข้าง ๆ เธอคือผู้ชายที่เลิฟยูพยายามกวาดสายตามองหาขณะอยู่ในคลับ
คนตัวสูงเงยหน้าจ้องเงาหญิงสาวคนด้านหลังในกระจกเงา ก่อนจะหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาเย็นชาคู่นั้นทำเธอหวั่นไหวจนเผลอเม้มริมฝีปาก
“จ้องหน้าทำไม” ประโยคแรกที่ไออุ่นเอ่ยถามหญิงสาวคนตรงหน้า เขาไม่ชอบให้ใครจ้องหน้านาน ๆ แบบนี้เพราะมันน่าหงุดหงิดใจมากกว่า
“ป…เปล่าค่ะ ขอโทษนะคะ” เลิฟยูก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่มแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อหลบให้ทั้งสองหนุ่มสาวออกไปจากห้องน้ำ “เขาสองคนเข้ามาทำอะไรกัน…” รอยแดงพวกนั้นมันคือคำตอบในใจเธอแล้วเพียงอยากตั้งคำถามเพื่อหลอกตัวเองเท่านั้นว่าไม่ใช่อย่างที่สมองกำลังประมวลผลแน่นอน
เมื่อทำธุระเสร็จเลิฟยูก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอหยุดฝีเท้ากะทันหันเพราะคนที่หยุดยืนตรงหน้า
“เท่าไหร่?”
“อะ..อะไรเหรอคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วถามกลับอย่างมึนงง
“งั้นไปกับฉัน”
“ปะ...ไปไหนคะ” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งที่ถูกอีกฝ่ายดึงแขน ออกแรงลากตัวเธอให้เดินตามเขาไปจนกระทั่งเลิฟยูมาอยู่ที่ลานจอดรถของลูกค้าวีไอพี ไม่ทันได้เอ่ยปากบอกก็ถูกอีกฝ่ายผลักไหล่เบา ๆ เป็นการบอกให้เธอเข้าไปนั่งในรถ เลิฟยูกะพริบตาปริบ ๆ จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกมา ไม่กี่นาทีก็เลี้ยวเข้ามาในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
‘ทำไมฉันใจง่ายมากับเขาโดยไร้การขัดขืนแบบนี้นะ...’
“ลงจากรถสิ จะให้บริการทุกอย่างหรือไง”
“คะ?”
“…” ชายหนุ่มปรายตามองด้วยความเงียบทว่ากลับเป็นการกดดันจนเธอต้องเปิดประตูก้าวลงจากรถจาก ไม่กี่วินาทีก็ถูกเขาพาเข้ามาในห้องพัก “ถอดเสื้อผ้าสิ”
“ถะ...ถอดทำไมคะ”
“ขายไม่ใช่หรือไง”
“ขาย?”
“อ๋อ…เดี๋ยวนี้เขาชอบเล่นตัวเพื่อขอขึ้นราคาสินะ”
“…”? ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ่งงง
“เท่าไหร่ล่ะ” ไออุ่นถามขณะที่เขาถอดเสื้อตัวเองออกจนเผยให้เห็นหมัดกล้ามเนื้อเรียงสวย เส้นเลือดนูน ๆ ที่ปรากฏอยู่ท่อนแขนแกร่งเธอมองมันไม่ละสายตา “ยังยืนเงียบอีก ไม่เป็นงานขนาดนี้ยังจะทำเล่นตัวอีกนะ”
“หนูไม่รู้ว่าพี่พูดเรื่องอะไร หนูไม่ได้ขาย”
“…”
“หนูแค่ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอพี่เท่านั้น” เลิฟยูคลี่ยิ้มหวาน “พี่อาจจะจำหนูไม่ได้ใช่ไหมล่า~ แต่หนูจำพี่ได้” ยิ่งเธอพร่ำเพ้อไปไกลเขาก็ยิ่งมึนงง คิ้วหนาขมวดแน่นจ้องหน้าหญิงสาวไม่ลดละ
“วันวันหนึ่งเจอหน้าผู้หญิงเป็นร้อย ฉันไม่มีเวลาจำหน้าใครขนาดนั้น” ก็จริงอย่างที่ว่ามานั่นแหละ ก็เธอเจอเขาเพียงไม่กี่วินาทีเอง จากนั้นก็จากกันแต่ทว่าเธอน่ะจดจำเขาได้ดีมาตลอดแถมกลิ่นน้ำหอมก็ยังติดที่ปลายจมูกและเขาก็ยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมอยู่
“หนูไม่ได้ขาย...ตัว” ใช่ความหมายนี้ไหมนะ? หญิงสาวพึมพำในใจ
“เสียเวลา” ไออุ่นเดินไปหยิบเสื้อที่ตัวเองโยนมันลงไปบนเตียงก่อนหน้านี้ขึ้นมาสวมใส่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือเขาก็ส่งเสียงดังอยู่ในกระเป๋ากางเกง เลิฟยูมองเขาตาปริบ ๆ กำลังดูว่าไออุ่นจะเอายังไงต่อไป
“ไหน ๆ เราก็เจอกันอีกรอบแล้ว…พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” รอยยิ้มหวานละมุนนั้นใช้ไม่ได้กับคนเย็นชาอย่างเขา ไออุ่นปรายตามองใบหน้าหวานด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วเดินออกมาจากห้องพัก “ดะ...เดี๋ยว ๆ สิคะ พี่คะพี่~” เลิฟยูวิ่งตามหลังเขามา คลาดกันเพียงไม่กี่นาทีไออุ่นก็ขับรถออกไปจากโรงแรม “เอ้า~ แล้วค่าโรงแรมใครจะจ่าย” หญิงสาวเดินกลับไปที่ล็อบบี้และถามพนักงานสาว
“ค่าห้องเท่าไหร่คะ”
“อ๋อ ไม่ต้องจ่ายเองหรอกค่ะ คุณผู้ชายจัดการเรียบร้อยแล้วนะคะคุณผู้หญิง”
“เขาชื่ออะไรเหรอคะ” เลิฟยูแสร้งถามพนักงานแม้อีกฝ่ายจะทำหน้าลำบากใจใส่เธอก็ตาม
“มันเป็นข้อมูลลับของลูกค้านะคะ”
“นิดหนึ่งได้ไหมคะ นะคะพี่” เธอกะพริบตาออดอ้อน
“ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
“นะคะ…ถือว่าเลี้ยงกาแฟพี่แล้วกัน” เลิฟยูหยิบธนบัตรใบห้าร้อยออกมาจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือหญิงสาว เปิดปากยากนักก็ติดสินบนไปเลย แค่ชื่อลูกค้าคนเดียวคงไม่เป็นไรเพราะเธอไม่ได้จะล้วงเอาข้อมูลเขามาสักหน่อย
“เอ่อ…คุณไออุ่นค่ะ” พนักงานสาวกระซิบบอกเสียงพร่า แปลกที่หัวใจดวงน้อยไหวหวั่นกับชื่อนั้นที่หลุดออกจากปากพนักงานสาว
“ผู้ชายคนเมื่อกี้เขาชื่อไออุ่นเหรอคะ”
“ค่ะ” พนักงานกระซิบตอบอีกเช่นกัน
“อ๋อ…พี่ไออุ่น” หญิงสาวทวนชื่อชายหนุ่มผ่านรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากก่อนจะกดโทร. หามะเฟืองให้มารับที่โรงแรม