ตอนที่1(BADBOYสอนรัก)
14:00น.
มหาลัยER…
คณะวิศวกรรมศาสตร์….
ลานเกียร์ วิศวะ
ยี่หวา หวันยิหวา….
พรึบ
“นี่….”
“หืม…?”ฉันหันไปมองยังต้นเสียงและแรงสะกิดไหล่ฉันจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆตัวฉันแต่คนละแถวซึ่งเเถวเราอยู่ติดกัน ก็เจอเข้ากับผู้หญิงหน้าตาดีผิวขาวใสแก้มอมชมพูริมฝีปากสีชมพูระเรื่อมัดผมลอนสีน้ำตาลของเธอรวบไว้เป็นหางม้าพร้อมกับผูกโบว์สีขาวไว้ที่ยางมัดผม เธอจัดเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งน่ารักไปในตัว ลักยิ้มที่แก้มซ้ายของเธอยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์
“หวัดดี”เธอยิ้มให้ฉันและยกมือขึ้นมาโบกทักทายฉัน ฉันนั่งที่ตรงนี้ประจำทุกครั้งที่ประชุมเชียร์ไม่เคยเห็นเธอเลยน่ะ
“หวัดดี”ฉันยกมือโบกทักทายเธอกลับไปพลางยิ้มให้เธอไปด้วย
“เราชื่อใยไหมนะ…เรียกว่าไหมเฉยๆก็ได้”เธอว่าพลางยกป้ายชื่อที่เธอแขวนคออยู่ให้ฉันดูด้วยท่าทางสดใส
“จ้า…เราชื่อหวันยิหวานะ…เรียกว่ายี่หวาเฉยๆก็ได้”ฉันเองก็เอ่ยบอกเธออย่างแนะนำตัวเองกลับไปให้เธอได้รู้จักกันแบบที่ฉันได้รู้จักเธอ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ…ยี่หวา”ใยไหมยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร ฉันก็พยักหน้าและยิ้มให้เธอกลับไป ก่อนที่เราทั้งคู่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีผู้ชายในชุดเสื้อช็อปสีแดงออกเลือดหมูเดินเอามือไขว้หลังเข้ามาในลานกว้างของคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ ทันใดนั้นเสียงพูดคุยของเด็กปีหนึ่งที่พูดคุยกันเสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่เมื่อครู่ก็พากันเงียบกริบลงทันทีเหมือนเราทั้งหมดได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
พรึบ
“สวัสดีครับ!”เสียงตะโกนของพี่ว๊ากเปิดฉากเอ่ยทักทายพวกเราขึ้น ทำให้ฉันกับใยไหมหันไปมองหน้ากันทันทีเธอก็ยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอและหันกลับไปมองหน้าพี่ว๊ากปีสามต่อ
“เป็นยังไงกันบ้าง….สำหรับการเปิดเรียนสองอาทิตย์ของคณะวิศวะ…”พี่ว๊ากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและแข็งกร้าว ฉันก็มองหน้าเขา เขาคือพี่ชายสุดหล่อของฉันเองแหละ พี่ปอน ฉันน่ะต้องเตรียมน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวให้พี่ปอนทุกเช้าอ่ะเวลาที่เขาต้องลงว๊าก ผิดกับเฮดว๊ากที่ยืนพิงเสาเอามือล้วงกระเป๋าใส่แว่นตาดำอยู่ด้านหลังของพี่ว๊ากทั้งสิบคนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ด้านหน้าของพวกเราชาวปีหนึ่งช่างสบายจริงๆพ่อคูณพี่เฮดว๊ากน่ะ
“และที่เราทุกคนรู้ดี….ว่าเราจะเข้าเชียร์กันอีกไม่กี่ครั้ง….เราก็จะจบสิ้นกิจกรรมเชียร์กันแล้ว…”
“และอาทิตย์นี้….เราจะไปรับน้องและรับเกียร์ที่เปรียบเสมือนหัวใจของชาววิศวะที่ชลบุรี…”
“ก่อนเลิกเชียร์ให้ประธานรุ่นไปรับใบขออนุญาตผู้ปกครองที่ปีสองด้วยครับ….”
“วันนี้ผมมีธุระกับพวกคุณแค่นี้….”พี่ปอนพูดเสร็จก็ก้าวขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวให้เสมอเทียบกับพี่ว๊ากคนอื่นๆก่อนจะค่อยๆหันซ้ายอย่างมีระเบียบแต่ก็ยังคงความขรึมและหน้าตึงอยู่ก่อนจะพากันเดินออกไปจากลานเกียร์แห่งนี้ ปีหนึ่งหลายๆคนต่างพากันถอนหายใจออกมารวมถึงผู้หญิงเพื่อนใหม่คนข้างๆฉันด้วยที่เธอผ่อนลมหายใจหนักกว่าคนอื่นๆเขา
“คุยอะไรกัน!!!”และเราก็โล่งใจกันได้ไม่นานก็มีเสียงตวาดของพี่เฮดว๊ากดังขึ้นมาอีก คราวนี้บรรยากาศรอบๆลานเกียร์ได้เข้าสู่โหมดเงียบกว่าเดิมจากตอนที่พี่ว๊ากลงมาเมื่อกี้ซะอีก เพราะที่เรากำลังจะเจอต่อไปนี้คือ พี่เฮดว๊ากหัวหน้าพี่ว๊ากที่โคตรโหดและโคตรดุแถมหน้าตาดีทุกคนโดยเฉพาะพี่คนที่ลงว๊ากอยู่ตอนนี้ พี่พีเค ไตรนภพ
“ไม่เห็นหัวพวกผมเลยใช่ไหม!”เสียงทุ้มต่ำที่ยังคงความดังอยู่เท่าเดิมเอ่ยขึ้น เฮดว๊ากคนที่กำลังพูดอยู่และอยู่ตรงกลางของพี่ว๊ากชุดนี้เขาชื่อพี่เค เป็นเพื่อนพี่ชายฉันเอง ปกติเขาก็เป็นคนนิ่งๆไม่พูดไม่ยิ้มอยู่แล้วพอมาเป็นเฮดว๊ากเลยดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก
“เมื่อกี้ปีสองพูด….พวกคุณก็พูดแทรก!”พี่เคว่าพลางเดินไปเดินมาหน้าตาเข้มขรึมถึงเขาจะมีหน้าตาที่หล่อเหลามากแค่ไหนแต่ก็ดูน่ากลัวอยู่ดี ฉันก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบนัยน์ตาสีดำของเขา
“พวกคุณพูดอะไรกัน!!!”
“ดุจัง”ฉันพึมพำขึ้นเป็นเสียงที่คิดว่าเบาแล้วนะแต่ตรงนี้ในตอนนี้ถึงจะมีคนร่วมเชียร์อยู่เป็นร้อยกว่าคนแต่ทุกคนรวมใจกันเงียบแม้กระทั่งเสียงลมหายใจแทบจะไม่มีถ้าหยุดหายใจกันได้ทุกคนคงทำไปแล้ว เลยทำให้เสียงที่พึมพำของฉันมันดังมากขึ้นผิดปกติจนไปได้ยินถึงหูของพี่เคเข้าอย่างจัง
“ใครพูด!”ทันใดนั้นที่เสียงของฉันถึงหูพี่เคเขาก็ตะโกนอย่างไม่สบอารมณ์หาตัวคนที่พูดว่าเขาว่าดุจัง ฉันพูดความจริง ฉันผิดตรงไหน อาจจะผิดตรงที่ฉันพูดแทรกเขาไปก็เป็นได้
“ผมถามว่าใคร!!”พี่เคตะโกนดังขึ้นอีกทำให้ทุกคนต่างพากันหันมองมาที่ฉันเป็นจุดเดียว ฉันจึงต้องมองหน้าเพื่อนทุกๆคนและทำสายตาปริบๆให้พวกเขาเพื่อเป็นการขอโทษและรู้สึกผิด
“ลุกขึ้นมา….”เสียงพี่เคเบาลงนิดนึงแต่ก็ยังคงดังอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ฉันจึงต้องค่อยๆลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงสายตาของฉันก็ประสานเข้ากับนัยน์ตาสีดำที่ดุดันของพี่เคเข้าอย่างจังทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
“ชื่ออะไร!”เขาถามฉัน ฉันก็มองหน้าเขา เขาก็รู้ว่าฉันชื่ออะไร ยังจะถามอีกเหรอ
“ป้าย?”เสียงแผ่วเบาดังมาจากเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างฉันเอ่ยขึ้นทำให้ฉันรู้สึกตัวทันทีว่าป้ายชื่อที่คอฉันมันหายไปแล้วที่จริงมันหายไปตั้งแต่แรกแล้วแต่ฉันแค่ลืมไม่รู้ตัว
“ออกมา!!”เสียงตวาดอย่างออกคำสั่งทำให้ฉันต้องก้มหน้าก้มตาเดินไปหาพี่เคอย่างช้าๆมือก็บีบกันแน่นด้วยความกลัว
พรึบ
“ป้ายชื่อคุณ…ไปไหน?”เขากดเสียงต่ำถามฉัน ฉันก็ก้มหน้าก้มตาไม่ตอบเขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบแววตาของเขาด้วย
“รหัส2045ลุกขึ้น!”พี่เคเอ่ยขึ้นอีกครั้งแต่เสียงของเขาก็ยังคงโทนเดิมและความดังเท่าเดิม ตรงนี้เป็นลานเกียร์ซึ่งเป็นลานกว้างๆที่อยู่ตรงกลางของตึกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เสียงของพี่เคเลยไม่ดังสะท้อนเหมือนตอนที่อยู่ในโรงยิมของคณะวิศวะเหมือนเช่นทุกครั้งที่เข้าเชียร์
“ค่ะ”เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นดังมาจากปีหนึ่งแถวหน้า ฉันก็หน้าก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปเลย
“คุณ…รู้จักปีหนึ่งคนนี้ไหม?”พี่เคเอ่ยถามผู้หญิงคนนั้นขึ้น ฉันก็แอบหันไปชำเลืองสายตามองเธอคนนั้นที่มองมาที่ฉันอยู่ ฉันมั่นใจว่าเธอรู้จักฉันและทุกคนในที่นี้ก็รู้จักฉันดีเพราะฉันเป็นดาวคณะและยังเป็นดาวมหาลัยด้วยนะ
“เขาอยู่คณะนี้รึเปล่า?”พี่เคถามเธอต่อ ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะฉันรู้สึกอึดอัดมากเลยในตอนนี้อ่ะ
“ไม่รู้จักค่ะ…”เธอคนนั้นตอบพี่เคมาเสียงเรียบๆทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเธออย่างไวอย่างไม่เข้าใจว่าเธอจะไม่รู้จักฉันได้ยังไง? ฉันหวันยิหวาไง
“หึ!”เสียงพี่เคหัวเราะในลำคอก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าฉันแววตาที่เหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันของเขามันกำลังให้ฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมา
“แล้วคุณ….!”พี่เคจ้องหน้าฉันพลางยกนิ้วชี้มาที่ร่างของฉัน
“รู้จักเขาไหม?”เขาถามฉันพลางชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงคนที่เธอบอกว่าไม่รู้จักฉัน ฉันอยากจะตอบว่าฉันไม่รู้จักเธอเหมือนที่เธอตอบว่าเธอไม่รู้จักฉัน
“ตอบ!!”พี่เคตวาดเสียงดังลั่นจนฉันสะดุ้งสุดตัว
“ไม่รู้จักค่ะ!!”ฉันตะโกนเสียงดังตอบพี่เคกลับไปทำให้เขามองฉันตาเขียวปัดแววตาจับจ้องที่ฉันแข็งกร้าว ฉันก็เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นและจ้องตาเขากลับไป
พรึบ
“ไม่รู้จัก?”เขาทวนถามฉันพลางจับข้อมือฉันแน่นและออกแรงลากร่างฉันให้เข้าไปใกล้ร่างผู้หญิงคนนั้นที่ยืนมองเราสองคนอยู่ในขณะที่ฉันไม่ยอมตอบคำถามของเขาที่ทวนถามฉันอีกครั้งว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า
“อ่าน”
“ผมบอกให้อ่าน!!”พี่เคตะโกนใส่ฉันพลางปล่อยฉันและออกแรงผลักฉันจนร่างของฉันเซถอยหลังนิดหน่อย
“เกวลิน….รหัส2045”ฉันอ่านป้ายชื่อของผู้หญิงคนนั้นที่พี่เคชี้นิ้วให้ฉันอ่าน เขาก็มองหน้าฉัน แววตาของฉันกำลังสั่นไหวน้ำตามันเอ่อคลอที่ดวงตาของฉันแล้ว และมันก็พร้อมที่จะไหลรินออกมาแล้วด้วย
“แล้วผม…จะรู้จักคุณและคนอื่นๆจะรู้จักคุณได้ยังไง…”
“ผมเคยบอกแล้วว่าป้ายชื่อคือสิ่งที่สำคัญ….ถ้าใครคนใดคนหนึ่งในพวกคุณทำมันหาย…พวกคุณทั้งหมด….”
“จะต้องโดนลงโทษ”สิ้นเสียงของพี่เคเสียงฮือฮาของเพื่อนๆร่วมชั้นปีของฉันก็ส่งเสียงออกมาบางคนถึงกับไม่พอใจที่จะต้องโดนลงโทษหมู่แต่บางคนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเราเป็นเพื่อนร่วมคณะกันก็เหมือนเป็นพี่น้องเพื่อนพ้องกัน
พรึบ
“มีอะไร!”พี่เคเอ่ยขึ้นหลังจากที่ใยไหมเพื่อนใหม่ของฉันยกมือขึ้นและตามด้วยร่างเล็กๆของเธอที่ลุกขึ้นยืนตาม
“ฉันรู้จักค่ะ”ใยไหมตอบมาด้วยน้ำเสียงที่เสียงดังและแน่วแน่เธอมองตรงมายังฉันที่ยืนอยู่ด้านหลังของพี่เค
“บอกชื่อ…บอกรหัส!”พี่เคตะโกนเสียงดังแต่ไม่ได้สบตาเข้ากับใยไหม
“ใยไหม…รหัส2030
“คุณรู้จักอะไร?”พี่เคเอ่ยถามใยไหมไปแต่น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
“คนนั้นค่ะ…”ใยไหมชี้นิ้วมาที่ฉัน พี่เคก็หันมามองหน้าฉันสลับกับหน้าของใยไหม
“เธอชื่อ…หวันยิหวา…ชื่อเล่นชื่อยี่หวา…”
“เป็นดาวคณะของเราและเพิ่งจะได้รับตำแหน่งดาวมหาลัยอีกด้วยค่ะ”ใยไหมตอบเสียงดังฟังชัดเพื่อนๆทั้งหมดก็ต่างพากันหันไปมองหน้าใยไหม ฉันรู้ว่าไม่มีใครในที่นี้ที่ไม่รู้จักฉัน แต่ทุกคนต้องเอาตัวรอดฉันเข้าใจเพื่อนๆทุกคนนะ
“รหัส?!”พี่เคตวาดเสียงดังถามแต่เขาไม่ได้หันหน้าไปหาใยไหมแต่เขากลับตะโกนใส่หน้าฉันแทน
“คะ?”ใยไหมมองหน้าพี่เคอย่างสงสัยพลางเอ่ยถามพี่เคกลับมา พี่เคก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก
“รหัสของคุณคนนี้….”พี่เคเอ่ยขึ้นพลางตวัดหางตามองใยไหมและฉันอย่างคนที่เหนือกว่า
“ไม่ทราบค่ะ..”ใยไหมตอบเสียงเศร้าแววตาที่เธอมองฉันมันกำลังบ่งบอกว่าเธอขอโทษฉัน ฉันสิที่ต้องขอโทษเธอ และขอโทษเพื่อนๆทุกๆคนที่ทำป้ายชื่อของตัวเองหายไปไหนก็ไม่รู้….
“หึ….”พี่เคแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะหันมาจ้องหน้าฉันและหันกลับไปจ้องหน้าใยไหมต่อ แววตาที่เขามองใยไหมแวบหนึ่งฉันรู้สึกเหมือนเขาตกใจและดีใจทำให้ฉันรู้สึกเกิดความสงสัยความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ขึ้นมา แต่กฏของพี่ว๊าก มีไว้ว่าห้ามพี่ว๊ากจีบน้องปีหนึ่งเด็ดขาด….