BAD TOUCH 5
หลายเดือนผ่านไป...
“เฮ้ออออ...” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากปากเล็กของมีอาไม่ขาดสาย ทำให้คนที่ได้ยินขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับอาการของเธอ
“เป็นอะไร”
“คิดถึงยัยอัน” ร่างเล็กทำหน้ามุ่ยพร้อมกับเอ่ยบอกหลุยส์ที่นอนอยู่ข้างๆ
“คิดถึงก็ไปหาสิ” ชายหนุ่มลูบหัวหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโน้มจูบที่ปากบางหนักๆ จนกลายเป็นจูบที่ดูมดื่มของทั้งคู่ มือหนาเลื่อนเคล้นหน้าอกใหญ่ของมีอาด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน
“พอก่อน” มีอาดันใบหน้าหล่อออกห่างตัว ก่อนจะยิ้มหวานส่งให้เขา
“รู้สึกอยากกินเธอทั้งตัวเลยแฮะ”
“นายพูดบ่อยเกินไปแล้วนะช่วงนี้” หญิงสาวเลื่อนมือลูบแผงอกแกร่งด้วยท่าทางยั่วยวน ก่อนจะพลิกตัวนั่งคร่อมชายหนุ่มแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้
“ยั่วกันแบบนี้ไม่สงสารกันบ้างเหรอ”
“ก็อยากรู้ว่านายจะรักษาสัญญาได้ไหม”
“ตราบใดที่เธอรักษาสัญญา ฉันก็จะไม่ผิดสัญญาหรอก” หลุยส์โอบเอวเล็กไว้หลวมๆ ก่อนจะรั้งเข้ามาแนบกายพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเธอช้าๆ
“หยุดเลย ขอจองตั๋วเครื่องบินไปเซอร์ไพรส์ยัยอันก่อน” ว่าแล้วหญิงสาวก็พลิกตัวลงจากเตียงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ไม่ไกล
“หึ” ท่าทางของมีอาเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้มาก ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่มีอาทำเขาชอบมันทั้งนั้น เพราะว่าความรู้สึกที่เขามีให้กับมีอานั้นมันมากกว่าคำว่าเพื่อน
หลังจากที่มีอาจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ เธอก็เลือกไฟล์ทบินที่เร็วที่สุด เพราะเธอทนคิดถึงเพื่อนรักอย่างอันนาไม่ไหว ถึงแม้จะมีโอกาสได้ส่งข้อความหากันบ้าง แต่มันก็ยังคงมีความคิดถึงอยู่ดี
“เดินทางปลอดภัยนะ แล้วเดี๋ยวตอนกลับฉันจะมารับ” หลุยส์ลูบหัวร่างบางเบาๆ ก่อนจะจูบหน้าผากมนของเธอด้วยความรัก
“ฉันคงคิดถึงอ้อมกอดของนายแน่เลย” เธอทำหน้ามุ่ยหยอกล้อชายหนุ่ม สอดแขนโอบรอบเอวแล้วซุกใบหน้าลงแผงอกของเขา
“ถ้าคิดถึงก็รีบกลับมา ฉันก็คงคิดถึงเธอมากเหมือนกัน” เขารู้สึกเป็นห่วงว่ามีอาไปอยู่ไกลแบบนั้น ใครจะดูแลเธอและเธอจะอยู่ยังไง
“เราเหมือนคู่รักกันเลยอะ”
“ก็ถ้าเธอยอมเป็นของฉันตั้งแต่แรกมันก็จะเป็นแบบนั้นแหละ”
“ไว้ฉันกลับมาจะคิดดูอีกทีแล้วกันนะ...” หญิงสาวถอนกอดออกจากชายหนุ่ม แล้วเขย่งตัวจูบปากเขาเบาๆ
“...ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะโทรหา” มีอาโบกมือลาก่อนจะลากกระเป๋าเดินมาอีกทาง เธอสูดหายใจเข้าด้วยความตื่นเต้น เพราะนี้จะเป็นครั้งแรกที่เธอจะไปประเทศไทยและไปเที่ยวเพียงลำพัง
อีกด้าน...
“ได้ข่าวว่าครั้งก่อนที่มึงไปอเมริกา มีหญิงมาติดพันเหรอ?” มือขวาหนุ่มมองเพื่อนรักอย่างซันจิด้วยสายตานิ่งเรียบในขณะที่เปิดลังอาวุธเช็กของที่จะนำส่งในวันพรุ่งนี้
“มึงรู้ได้ยังไง?”
“ไอ้ฟรานซิสบอกกู”
“พวกมึงไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันเหรอถึงมาซุบซิบเรื่องของกู” มือขวาหนุ่มถามประชดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ฟรานซิสเอาเรื่องของเขามาบอกคนอื่น
“คำว่าซุบซิบมันเอาไว้ใช้เวลาผู้หญิงพูดคุยกันไม่ใช่เหรอ...”
“...ได้อยู่กับผู้หญิงเลยเลียนแบบคำพูดผู้หญิงเหรอ?” ซันจิถามเย้าแหย่เพราะรู้ว่านักรบไม่ชอบให้ยุ่งเรื่องส่วนตัวมากสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่สนเพราะเวลาเห็นเพื่อนหงุดหงิดมันทำให้เขามีความสุข
“มึงกับไอ้ฟรานนี่ขี้เสือกเหมือนกันเลยนะ แยกๆ กันบ้างก็ดี” นักรบกระแนะกระแหนพลางตวัดสายตาเจ้าของเสียงหัวเราะอย่างซิคโก้ที่นั่งดูเอกสารอยู่ไม่ไกล
“หัวเราะเหี้ยอะไรของมึง”
“หัวเราะมึงไง อยู่เฉยๆ ก็ไม่มีใครทำอะไรมึงได้แล้ว เสือกของขึ้นมีพิรุธเอง” เพราะถ้าหากว่านักรบไม่สนใจคำพูดของซันจิทุกอย่างมันก็จะไม่มีเป็นอย่างนี้ เพียงเพราะอาการหัวเสียของเขาทำให้ทุกคนจึงเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก
“พวกมึงมันน่ารำคาญนะ”
“ตราตรึงใจรึไง พอกูพูดถึงเรื่องที่อเมริกาดูเหมือนมึงจะของขึ้นง่ายเป็นพิเศษ” ซันถามออกมาเพราะนักรบเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งพอสมควรกับเรื่องใหญ่ๆ คนอย่างเขาไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง ยิ่งเป็นเรื่องงานนักรบไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“มึงก็เลิกไปขยี้ให้มันหงุดหงิดได้แล้ว แค่ผู้หญิงคนนั้นอยู่อเมริกาแล้วมันต้องกลับมาไทยก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้ว” คำพูดของฟรานซิสที่เพิ่งเดินเข้ามาทันได้ยินคำพูดของซันจิพอดี ทำให้มือขวาหนุ่มตวัดสายตามองเพื่อนรักเจ้าของต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นบุคคลในวงสนทนา
พรึ่บ! นักรบโยนปืนพกในมือของตัวเองใส่ตักของฟรานซิสที่กำลังนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วผลุนผลันเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~ เสียงโทรศัพท์ของมือขวาหนุ่มดังขึ้นก่อนจะเห็นว่าเป็นชื่อของเรเวน
“ครับ”
(มึงอยู่ไหน)
“อยู่โกดัง เฮียมีอะไร”
(มึงมาเอาข้อมูลของผู้หญิงที่ไอ้ไคต้องการ)
“ได้แล้วเหรอเฮีย”
(มีข้อมูลนิดหน่อย)
“เดี๋ยวผมไปเอา”
(เออ แค่นี้) สิ้นเสียงปลายสายก็กดวางสายไปทันที ส่วนมือขวาหนุ่มก็ขับรถตรงมายังคลับที่เป็นสถานที่ประจำของเรเวน
@คลับหรู
นักรบเดินเข้ามาภายในคลับหรูท่าทางนิ่งเรียบ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเข้าไปยังห้องวีไอพี
“สวัสดีค่ะ...” เสียงของหญิงสาวในชุดสีแดงขลับที่เดินเข้ามาขวางทางเขาดังขึ้น ทำนักรบชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวแปลกหน้าซ้อนขึ้นมาในความมืด เขาสะบัดหัวเล็กน้อยแล้วดึงสายตากลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง
“...” เมื่อเห็นว่าไม่ใช่หญิงสาวเมื่อหลายเดือนก่อนเขาจึงเดินผ่านร่างบางที่ดูจะสนใจเขาด้วยท่าทีเมินเฉยแล้วตรงมาหาคนที่รออยู่
“หวัดดีเฮีย”
“เออ” สิ้นเสียงเรเวนก็โยนซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับนักรบที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“โอเค งั้นผมกลับละ”
“มึงจะรีบกลับไปไหน ไอ้ไคมันก็ติดเมียมันไม่ใช่เหรอ” เรเวนพูดพร้อมกับแกว่งแก้วเหล้าในมือเล่น
“...”
“กูได้ข่าวว่ามึงก็ติดพันหญิงเหรอ”
“เฮียรู้ได้ไง?”
“มึงต้องถามว่ามีใครบ้างที่ไม่รู้มากกว่านะ” เรเวนพยักหน้าไปยังซองเอกสารในมือของนักรบเพื่อบอกให้เขาเปิดดู
“อะไร”
“เปิดดูเดี๋ยวมึงก็รู้” นักรบเปิดซองเอกสารดูทันทีที่เรเวนพูดจบ มือขวาหนุ่มดึงเอกสารแผ่นแรกออกมาก็ต้องชะงักเมื่อปรากฏรูปของหญิงสาวแปลกหน้าและอันนายืนอยู่ด้วยกัน
“เฮียสืบเรื่องของผม?”
“กูแค่สงเคราะห์ให้เพราะเห็นว่าผู้หญิงของมึงสองคนเป็นเพื่อนกัน”