BAD TOUCH 4
หลายวันผ่านไป...
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ เบบี๋” มีอายิ้มหวานส่งให้หลุยส์ ก่อนจะโน้มเข้าไปหอมแก้มเขาหนักๆ หนึ่งที
“จะให้รอรับไหม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกลับเอง” หญิงสาวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ โบกมือให้ชายหนุ่มด้วยท่าทางร่าเริง แล้วจึงหันหลังเดินเข้ามาในสนามบิน เพื่อส่งและบอกลาเพื่อนรักอย่างอันนา
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูออกมากดโทรหาเพื่อนรัก พลางมองหาไปด้วย ก่อนที่สายตาของเธอจะปะทะเข้ากับสายตาคมกริบของนักรบที่มองจ้องมายังเธอ
“ให้ตายเถอะ!” เธอสบถหยาบคายออกมาพร้อมกับภาวนาให้เพื่อนรักรับสาย เธอจะได้รู้ว่าตัวเองควรจะเดินไปในทิศทางไหน
“แกอยู่ไหนอัน!”
(กำลังเช็กอิน)
“งั้นฉันไปรอแกที่ร้านกาแฟนะ”
(โอเค) สิ้นเสียงของเพื่อนรักมีอาก็รีบกดวางสาย แล้วเลี่ยงเดินมาทางห้องน้ำ พยายามจะไม่สบตาผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น เพราะวันที่เธอทำลายห้องของเขาจนยับเยินเธอได้เจอปืนพกที่เขาซ่อนไว้ใต้หมอน ทำให้รู้ได้ทันทีว่าอีกคนคงมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา
“คงไม่บังเอิญเจอกันอีกนะ”
“ก็คงจะไม่บังเอิญ” เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลังในขณะที่มีอากำลังใช้มือดันเปิดประตูห้องน้ำ
“นายตามฉันมาเหรอ!” นักรบไม่ตอบคำถามอะไรหญิงสาวกลับไป แต่เขากลับกระชากแขนเรียวของมีอาให้เข้ามาในห้องน้ำของผู้พิการที่อยู่ไม่ไกล
พรึ่บ! แกร๊ก! ร่างเล็กถูกเหวี่ยงเข้าไปด้านในอย่างแรง เธอยังไม่ได้แม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ประตูห้องน้ำก็ปิดลง
“ถะ...ถอยไป!” ร่างบางก้าวถอยหลังเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาประชิดตัวเธอ
“...” นักรบจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยิ่งทำให้มีอารู้สึกเสียวสันหลังเพราะเดาอะไรจากเขาไม่เคยได้เลยสักครั้ง
“เราไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันแล้ว” เธอยกมือดันแผงอกแกร่งของเจ้าของร่างสูงที่กำลังกักขังเธอไว้ในอ้อมแขน
“ทำอะไรกับของฉันไว้จำได้ไหม”
“แต่คุณก็ทำฉันเหมือนกัน แฟร์หน่อยสิ!” มีอาเถียงกลับไปแทบจะทันที น้ำเสียงเธอเริ่มสั่นเมื่อชายหนุ่มกำลังเลื่อนมือสอดเข้ามาใต้ชุดเดรสสั้น
“ฉันไม่เคยรู้จักคำนั้น คนอย่างฉันต้องชนะอย่างเดียว” มือขวาหนุ่มเหวี่ยงร่างเล็กลงไปนั่งบนชักโครก พยายามปลดเปลื้องเข็มขัดของตัวเองออก
“จะทำอะไร...”
“สานต่อเรื่องวันนั้นไง...ฉันคงใจดีกับเธอเกินไป” น้ำเสียงเยือกเย็นของเขาสร้างความหวั่นใจให้หญิงสาวเป็นอย่างมาก ยิ่งนักรบนิ่งมากเท่าไหร่ เธอก็ยังกระวนกระวายมากเท่านั้น
“ไม่! ไม่!” มีอาพยายามปัดมือหนาที่กำลังจะดึงแพนตี้เธอออกจากเรียวขา
“อยู่เฉยๆ!”
“จะให้เฉยยังไงวะ นายกำลังจะข่มขืนฉัน!” มีอาเบิกตาโพลงเมื่อแก่นกายใหญ่กว่ามาตรฐานที่มีแต่เส้นเลือดมากมายกำลังจ่ออยู่ที่ร่องสวาทของเธอ
“ถ้าหุบปากไม่ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องไม่หยุด” คำขู่ของมือขวาหนุ่มทำให้หญิงสาวปิดปากสนิท แต่มือของเธอก็ยังคงพยายามผลักให้เขาออกห่างตัว
“ไหนนายบอกให้ฟรีก็จะไม่เอาฉันไง...อื้ออออ~” ร่างบางครางออกมาเบาๆ เมื่อชายหนุ่มพยายามใช้หัวลำใหญ่ถูไถกับช่องทางรักของเธอจนความเสียวซ่านแล่นทั่วร่างกาย ส่งผลให้น้ำหวานสีใสไหลออกมาเปรอะเปื้อนหัวเห็ดสีชมพู
“...”
“คะ...คนอย่างนายจะกลืนน้ำลายตัวเองเหรอ” คนที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาคงจะไม่ชอบผิดคำพูดสักเท่าไหร่เธอรู้ดี
“ก็ขึ้นอยู่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่าพอให้ฉันต้องกลืนน้ำลายรึเปล่า...”
“นายจะบอกว่าฉันมีค่าพอ?”
“...แต่เธอไม่มีค่าที่ทำให้ฉันต้องทำแบบนั้นหรอก” มือขวาหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าตัวเองด้วยการแสยะยิ้ม จัดการแยกขาเรียวของมีอากว้างกว่าเดิม มองใจกลางความเป็นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงตวัดเรียวลิ้นสากลงบนติ่งเกสรของหญิงสาวทันที
“อ๊าาา...ยะ...หยุดนะ” ร่างเล็กอ่อนระทวยเมื่อถูกจู่โจมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน มือเล็กขยุ้มผมหนาของมือขวาหนุ่มอย่างแรงระบายความเสียวซ่าน
“หึ...”
“...ปากห้ามแต่ก็ใจง่าย” นักรบช้อนสายตามองเจ้าของใบหน้าแดงซ่านด้วยความสะใจ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืนจัดการใส่เสื้อผ้าตัวเองให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
“ไอ้บ้า!” สิ้นเสียงก่นด่าของมีอา กลีบสาวสีชมพูชุ่มน้ำลายก็ถูกมือขวาหนุ่มบดขยี้มันด้วยนิ้วหนาของเขาอย่างหนักหน่วง
“อ๊ะ...อื้อออ...พอแล้ว!” เธอเตะมือของนักรบอย่างไม่ได้แรงมากนัก เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่มันอุกอาจกว่านี้ นักรบเลื่อนนิ้วเปื้อนน้ำหวานลูบริมฝีปากบางก่อนจะดันนิ้วเข้าไปในโพรงปากของเธออย่างไม่ได้ทันตั้งตัว
“ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ...”
“...ไม่ตรงกับร่างกายด้วย”
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~ เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังเล็ดลอดออกมาจากกระเป๋าสะพายใบหรูที่ร่วงหล่นอยู่ที่พื้นห้องน้ำ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมารับทันที
“ฮะ...ฮัลโหล”
(แกอยู่ไหน ทำไมเสียงแปลกๆ)
“ฉันมาเข้าห้องน้ำ แกอยู่ไหน”
(อยู่ร้านกาแฟ รีบออกมาฉันจะต้องเข้าเกต)
“โอเค เดี๋ยวจะรีบไป” หญิงสาวตอบกลับเสียงเรียบเฉย ก่อนจะกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เอื้อมหยิบแพนตี้มาใส่แล้วจัดเสื้อผ้าให้เป็นปกติ
“หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีกนะคะ” มีอาพูดประชดพลางจัดทรงผมตัวเองให้เรียบร้อย
“คนที่พูดควรจะเป็นฉันมากกว่านะ” นักรบโน้มกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนจะยกมือสอดใต้กลุ่มผมแล้วขยุ้มมันเบาๆ
“เราต่างคนต่างไม่ได้ต้องการเจอกันอีก หวังว่านี่ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอหน้ากันนะคะ” มีอาเชิดหน้าไปอีกทางอย่างอวดดี ก่อนจะปัดมือท่อนแขนของนักรบออกจากศีรษะตัวเอง แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำตรงมาหาเพื่อนรักที่ยืนรออยู่
“ฮือออออออออ~” เธอโผลเข้ากอดอันนาที่มองเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอรู้สึกใจหายที่เพื่อนรักจะต้องไปอยู่ไกลห่าง
“อย่าเวอร์น่า”
“ถ้าฉันไม่มีแก ฉันจะทำยังไงอะ” อันนามักจะเป็นเพื่อนที่ใช้สมองแทนเธอเลยก็ว่าได้ เพราะอันนาเธอถึงเรียนเป็นผู้เป็นคนแบบนี้
“ใช่ว่าแกจะมีฉันเป็นเพื่อนคนเดียว”
“แต่ฉันรักแกที่สุด...” กว่าเธอจะทำให้อันนาเปิดใจยอมรับเธอได้นั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะงั้นเธอกับอันนาจึงมีความผูกพันกันมากเกินกว่าเพื่อนสนิท
“ฉันก็รักแกมีอา”
“หรือฉันควรจะไปกับแกดีนะ? หนุ่มๆ ที่ไทยหล่อไหม?” อันนาผละกอดออกจากเพื่อนรัก ก่อนจะมองใบหน้าเพื่อนอย่างปลงๆ
“เลิกบ้าผู้ชายก่อน”
“ล้อเล่นย่ะ แต่แกต้องสัญญากับฉันนะว่าถ้าไปอยู่นู่น แกจะไม่ลืมฉันแล้วก็ติดต่อกับฉันตลอด”
“มีอา จะให้ฉันใช้ชีวิตกับแกด้วยเลยไหม...”
“...ฉันทำได้นะ แกก็รู้” อันนาค่อยๆ คลี่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยให้กับหญิงสาว มีอาถึงกับขนลุกซู่กับรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมันบ่อยมากนัก
“อย่ามาแฮกโทรศัพท์ฉันนะยะ!”
“ฮ่าๆ”
“เดินทางดีๆ ลงเครื่องแล้วส่งข้อความมาหาฉันด้วย” มีอาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มคลอเพราะทำใจไม่ได้
“อืม ฉันไปก่อนนะ” หญิงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาบนพวงแก้มเมื่อเพื่อนรักเดินห่างออกไป
“หึ...” เสียงทุ้มหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้ออกมาราวกับเด็กน้อยห่างอกแม่
“หัวเราะอะไรของมึง” นักรบหันมองเจ้าของคำถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาอีกหลังจากผู้เป็นเพื่อนถาม
“ไม่ต้องเสือกเรื่องของกูสักเรื่องจะตายเหรอ” เขากระแนะกระแหนไปถึงเรื่องที่ฟรานซิสเอาเรื่องของเขากับหญิงสาวไปรายงานให้ผู้เป็นเจ้านายรับรู้
“คงงั้น...”
“...เรื่องของมึงน่ะ น่าสนใจที่สุดแล้ว”