EP.5 Bitch's slap
EP.5 Bitch slap
-Jesus’ Part-
"จีซัสปล่อยให้เนยรอตั้งนานเลย" สาวสวยหุ่น X เอ่ยขึ้นกับผมด้วยสีหน้าออดอ้อน
"พอดีติดธุระน่ะ" ผมพูดก่อนจะขยับเลขเบอร์ที่หน้าอกของเธอให้อยู่ตรงในระดับของสายตา
แน่นอนว่าเธอคือหนึ่งในมิส MAXSIM Magazine หนังสือปลุกใจเสือป่าที่ดังที่สุดในเอเชีย
"เบอร์สาม" ผมเอ่ยขึ้นเบา ๆ และมองที่ทรวดทรงและใบหน้าที่ยั่วยวนของคนตรงหน้า
"ใช่ค่ะ ก็จีซัสไม่ไปดูเนยประกวด เนยก็เตรียมโชว์พิเศษมาให้ดูถึงที่นี่" เธอพูดพลางลูบที่หน้าท้องของผมอย่างซุกซน
"ถ้าโชว์ดีจริง ฉันจะมีรางวัลให้" ผมพูดก่อนจะถอดเข็มขัดหัวตัว H ของตัวเองโยนทิ้งไป
"ตอนแรกเนย...นึกว่าคุณจะลืมนัดคืนนี้ของเนยไปแล้ว" เธอพูดและแนบใบหน้าลงกับอกของผม
"ไม่ลืมหรอก ก็เธอน่าประทับใจนิ" ผมโอบรัดเอวของเธอก่อนจะพาขึ้นไปยังห้องทำงาน
ผับแห่งนี้ผมถือหุ้นเกือบเจ็ดสิบ ส่วนที่เหลือเป็นของไอ้บลูไนท์เพื่อนสนิทผมนั่นเอง
แน่นอนว่าคนอย่างไอ้บลูไม่ชอบลงแรงแต่ชอบลงทุน มันเน้นเก็งกำไรไม่เน้นบริหาร เพราะแค่ธุรกิจที่บ้านมันเอง มันก็หัวหมุนจะแย่แล้วล่ะ
@ห้องทำงาน
ผมกับสาวสุด X ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของผม
เพียงแค่เสี้ยวนาทีหลังจากที่ประตูปิดลง เสื้อผ้าของสาวสวยที่เดินมาด้วยก็หล่นไปอยู่ที่พื้นทันทีอย่างง่ายดาย
เธอเปลื้องผ้าต่อหน้าผมและมัดรวบผมสลวยยาวเป็นลอนนั้น เธอมองตรงมาที่ผมอย่างเร่าร้อน ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของผม และประทับจูบลงที่ฝ่ามือที่มีรอยสักของผมอย่างหนักหน่วง
ริมฝีปากที่อยู่ในระดับท่อนล่างของผมที่ชูชันบ่งบอกถึงความต้องการที่จะปลอดปล่อยออกมา
ฟุบ... ผมผลักไหล่ของหญิงสาวลงกับพื้น ก่อนจะหยิบถุงยางอนามัยขนาดพิเศษในลิ้นชักออกมาฉีกด้วยริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะล้มตัวลงคร่อมร่างของเธอและทำในสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องการ
ผมขย่มเธอกระแทกกับพื้นในห้องทำงานอย่างไม่สนใจว่าเธอจะร้องครางอย่างไรบ้าง
ขย่มเธอให้จมไปกับพื้นพรมในห้องทำงาน เสียงเนื้อปะทะกันดังสนั่นไปทั่วห้อง และมันเป็นเสียงที่ผมชอบมากที่สุด
ตับ ตับ ตับ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมกระแทกสุดแรงไปอย่างนั้นไม่มีการเล้าโลมใด ๆ จนแตกกันทั้งคู่ในที่สุด
ผมหอบเหนื่อยหลังจากผ่านกิจกรรมในร่มที่หนักหน่วงไป
มิส Maxsim นอนราบไปกับพื้นอย่างหมดแรงเช่นกัน
ผมถอนแก่นกายที่ถูกป้องกันด้วยถุงยางอนามัยออกจากปากถ้ำที่ไม่แน่นแต่ไม่หลวมของสาวสวยที่นอนครางจนหมดแรง
ผมโยนถุงยางอนามัยทิ้งลงถังขยะและมัดปากถุงเอาไว้อย่างแน่นหนา
ก่อนจะคว้ากางเกงมาใส่อย่างเร่งรีบ เมื่อมองเข็มนาฬิกาที่กินเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมง
"จีซัสนี่สุดยอดไปเลยนะคะ" เธอพูดเสียงกระเส่า ก่อนจะค่อย ๆ ชันตัวนั่งมองผม
ผมก้มหน้าเข้าไปหาสาวคนนั้นก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ
"เธอก็เก่งเหมือนกัน ดาร์ลิง" ผมพูดก่อนจะแสยะยิ้ม และเดินออกมาจากห้องทันที
เพื่อไปหาเพื่อนสนิทที่โต๊ะ โดยไม่ลืมที่จะสั่งเครื่องดื่มไปให้พวกมันเพิ่ม
เพราะถ้าไปช้าโดยไม่มีอะไรติดมือไป มันคงด่าผมเละแน่ ๆ
"ไงมึง เพิ่งเสร็จมาดิ" เสียงของไอ้แอลตัลที่เดินเข้ามาเกาะไหล่และทักทายผม
"แล้วถูกใจปะ น้อง Maxsim คนล่าสุดของปีนี้" มันถามอย่างกวน ๆ
"Hey hey, Are you kidding me?"
"ก็ต้องถูกใจมาก ๆ อยู่แล้วปะ" ผมยิ้มร่าและตบไหล่ไอ้แอลตัลไปอย่างชอบใจ
ไอ้แอลตัลเนี่ยแหละที่ชอบกินพวกนางแบบ พวกสาวเกรดพรีเมี่ยม และมันเป็นคนนัดสาวนมโตคนเมื่อกี้ให้กับผม
"สวย สะอาด ปลอดภัย ต้องโมเดลลิงนี้เท่านั้น" มันพูดอย่างภาคภูมิใจกับโมเดลลิงที่มันดีลสาว ๆ พวกนี้
"กูชอบนะ เอาแล้วจบ ไม่ต้องมานั่งมีภาระผูกพัน" ผมยักไหล่อย่างเซ็ง ๆ เมื่อนับถอยหลังถึงวันที่จะต้องแต่งงานกับยาย...ต.ม.ต. (ตอ-มอ-ตอ)
ว่าแต่...ยายนั่นหายไปไหนกันนะ
"แต่โตขนาดนั้นคงดูแลตัวเองได้มั้ง" ผมพูดไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรกับยายนั่น ก่อนจะรวบตัวสาว ๆ ที่ไอ้แอลตัลลากมาด้วย
"ไปหาพวกนั้นเถอะ มันคงด่าพ่อแล้วล่ะ" แอลตัลกับผมเดินไปยังโต๊ะประจำของกลุ่มเราพร้อมกับเหล้าและสาว ๆ
เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มจากดีเจชื่อดังของเมืองไทย สาว ๆ ต่างก็ลุกขึ้นเต้นกันอย่างเมามันกันสุด ๆ
"ถ้าเรื่องมันเศร้าก็ต้องแดกเหล้าเข้ม ๆ เว้ย" ไอ้แอลตัลวางเหล้าไว้กลางโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยขึ้นกลางวงของพวกมัน ที่มีทั้งไอ้บลูไนท์ที่นั่งทำหน้าดุ ๆ ไอ้มอร์ฟินที่นั่งดราม่า และไอ้ครูซที่นั่งหน้าหยาดเยิ้มมองสาวไม่ละสายตา
"ต้องแบบนี้สิเพื่อนรัก" ไอ้ครูซอ้าอ้อมแขนรอรับสาว ๆ ที่เดินขนาบข้างซ้ายขวาของผม และแอลตัล
"ว่าไงว่าที่เจ้าบ่าว" ไอ้เวรมอร์ฟินก็ทักผมขึ้นอย่างขัด Feeling แบบสุด ๆ
"หุบปากเถอะน่า! ทักซะไม่เป็นมงคลเลย" ผมสวนกลับไปอย่างทันควันหยอกล้อกับมันไป
พวกสาว ๆ เหล่านั้นก็เลือกที่นั่งประจำของตัวเอง โดยนั่งขนาบข้างกายพวกชายหนุ่มครบกันแทบจะทุกคนเช่นเคย เพราะไอ้แอลตัลน่ะมันออร์เดอร์เด็กมาครบจำนวนคนทุกครั้งอย่างรู้ใจ
หลังจากการดื่มเหล้าจนมึนเมากันอย่างเต็มที่ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นยายคู่หมั้นซื่อบื้อนั่น กำลังนั่งตรงบาร์ฝั่งตรงข้าม และยายนั่นก็นั่งดูอะไรไปเรื่อย เช่น ดูทีวีที่ฉายหนังแวมไพร์ทไวไลท์ ทั้งที่ไม่มีเสียง
"บ้านไม่มีทีวีรึไงนะ ต้องมาดูในผับ" ผมแบะปากใส่เธอเล็กน้อย เอาจริง ๆ แค่เห็นหน้าก็ขัดใจแล้ว
แต่เพียงไม่นานที่เจ้าตัวรู้ว่ามีคนแอบมองอยู่ เธอก็หันมาสบตาของผมทันที
ผมค่อย ๆ เลื่อนมือที่โอบเอวสาวน้อยคนข้าง ๆ และเปลี่ยนเป็นกระชับมือบีบจับที่หน้าอกของเธอตามจังหวะของเพลง ซึ่งแน่นอนว่าคู่หมั้นเด็กน้อยของผมก็มองผมแบบไม่ละสายตาไปไหน
ผมแสยะยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะหันหน้าเข้าหาสาวข้างกาย และฟัดหน้าอกของเธออย่างจงใจให้ใครอีกคนได้เห็นผมในด้านที่เธอควรจะเห็น
เกาะอกของสาวข้างกายค่อย ๆ ร่นลงต่ำจนอกล้นออกมาจากเต้า เหลือแค่เนินจุกเท่านั้นที่เกี่ยวเกาะอกอวบเอาไว้
"คุณจีซัสเบา ๆ สิคะ" เธอกระซิบข้างหูของผม ก่อนจะค่อย ๆ ดึงเกาะอกขึ้น
"เฮ้ย ๆ ไปจัดการให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลงมานั่งแดกเหล้ากับพวกกูไหมล่ะ" เสียงไอ้บลูไนท์ตะโกนขึ้นเหวี่ยงใส่ผมแต่ผมชินแล้วล่ะ เพราะเพื่อนผมคนนี้ มันไม่เคยอารมณ์ดีเหมือนคนอื่นเขาสักวัน
"My new toy ...fucking HOT ยูโนวว ?" ผมพูดขึ้นด้วยเสียงกระเส่า ก่อนจะค่อย ๆ ถอยออกจากหน้าอกหน้าใจของสาวคนนั้น และมองกลับไปที่ว่าที่ภรรยา ที่ยังคงนั่งมองตรงมาที่ผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
"คิดผิดแล้วที่จะแต่งกับฉัน" ผมพูดขึ้นเบา ๆ กับตัวเอง แต่พอจ้องมองไปที่ที่ยายต้องมนตร์นั่งเมื่อกี้ กลับว่างเปล่าและไม่เจอใครแล้ว
"ทนดูไม่ได้สินะ" ผมบ่นขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
เคร้ง! ก่อนจะเลื่อนแก้วชนกับไอ้บลูที่เพิ่งจะด่าผมไปหมาด ๆ
"นี่คนสวย ไอฝากยูดูแลไอ้เพื่อนหมาบ้าข้าง ๆ หน่อยสิ ไม่รู้อารมณ์ไม่ดีมาจากไหน" ผมหันไปพูดกับสาวสุด XXX ให้หันไปดูแลไอ้บลูไนท์แทน มีของดีก็ต้องแบ่งเพื่อนสิ จริงไหม
ซึ่งไอ้เชี่ยบลูไนท์มันก็รับสาวคนนั้นไปดูแล ด้วยใบหน้านิ่งราวกับคนไม่มีอารมณ์ทางเพศ ไม่รู้ผีตัวไหนสิงเพื่อนผมเข้าไปเหมือนกันนะ พักนี้มันแปลกไปจริง ๆ
ส่วนพวกเพื่อน ๆ ก็เริ่มปาร์ตี้กันอย่างสุดเหวี่ยง ทั้งดื่มทั้งนัวสาวกันอย่างเริงโลกีย์ ซึ่งพวกผู้หญิงเหล่านี้ก็เอนเทอร์เทนเต้นยั่วยวนกันท่ามกลางแสงสีในผับหรู
"เออ ไอ้จีซัส แล้วงานแต่งมึงนี่ยังไง" เสียงของไอ้แอลตัลพูดก่อนจะจุดบุหรี่สูบและโอบเอวสาวที่นั่งข้างกายมันอย่างลั้นลา
"หมั้นเช้า แต่งเย็น มัมกูรีบมาก" ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
"แต่มึงยังทำตัวแบบนี้แล้ว น้องต้องมนตร์เขาโอเคหรอวะ" ไอ้มอร์ฟินถามผมด้วยความสงสัย
เฮ้ออออ เสียงไอ้มอร์ฟินถอนหายใจก่อนจะดันตัวผู้หญิงคนที่มันกำลังไซ้คออยู่ออกห่างเล็กน้อย
"กูไม่ได้รักใคร่อะไรกับยัยนั่นนะเว้ย ก็แค่คู่หมั้นคู่หมายเท่านั้นเองเปล่า" ผมพูดไปแล้วนึกถึงตัวเองในวัยสิบห้าที่ต้องเข้าพิธีหมั้นแบบเล็ก ๆ กับยายเด็กคลั่งไสยศาสตร์คนนั้น
"และแม่งแบบ เล่นตัวฉิบหาย!" ผมส่ายหน้าและพูดไปก็กลอกตามองบนแบบสุดจะทน
"หมั้นหมายมาตั้งแต่เด็ก ๆ นะ นี่ก็จะ 10 ปีแล้วมั้ง ขาอ่อนยังไม่ได้เห็นเลย" ผมรู้สึกโคตรเซ็งทุกครั้งที่พูดถึงยายนั่น
"ถ้าให้เรื่องบนเตียงกูไม่ได้ กูก็ต้องหากินเองเปล่าวะ" ผมพูดขึ้นอย่างเจ็บใจที่ต้องแต่งงานกับคนแบบนั้น คนที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
"พระเจ้าก็เล่นตลกกับมึงเนอะ คนบาปได้กับแม่ชี" ไอ้แอลตัลถึงกับหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
"ไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นมัมกูต่างหาก ไม่งั้นกูก็คงไม่ยอมหรอก" ผมถอนหายใจตอบไอ้แอลตัลไป
"บ้านฝรั่งแบบมึง ยังมีเรื่องคลุมถุงชนอีกหรอวะ" ไอ้ครูซส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเรื่องของผมสักนิด
"ก็เออดิ...และถ้ากูขัดใจนะ มีหวังผมบลอนด์สวย ๆ ของมัมกูร่วงหมดหัวแน่ ๆ" ผมพูดเหมือนจะติดตลก แต่ในความตลกนั้นมีความจริงซ่อนอยู่
"ทำไมวะ" ไอ้แอลตัลที่นั่งเงียบอยู่นานก็ขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างลุ้นๆ
"ก็ถ้ากูไม่แต่งกับต้องมนตราคนนี้ มัมก็จะหนีไปบวช และพ่อกูอะนะรักและเทิดทูนเมียมากขนาดนั้น เขาขู่จะไม่ยกมรดกให้กู แถมจะเปลี่ยนชื่อพินัยกรรมเป็นชื่อไอ้พวกหมาโกลเด้นทั้งสามตัวในบ้านแทน" ผมล่ะโคตรจะนอยด์ และไม่รู้ว่าพวกเพื่อนนรกพวกนี้มันจะถามเพื่อตอกย้ำความเฮงซวยของชีวิตผมทำไมกัน
"กูล่ะสงสารมึงจริง ๆ ที่คนขี้เอาหื่นกามชาติชั่วอย่างมึง กลับต้องมีทะเบียนสมรสตีตราจองก่อนใครในกลุ่ม" ไอ้แอลตัลชนแก้วก่อนจะดื่มให้กับความพินาศในชีวิตของผม
ทั้งที่ใบหน้าของพวกมันไม่มีใครเศร้าสักคน มีแต่ซ้ำเติมทั้งนั้น
เฮ้ ๆ ๆ ๆ เสียงเฮดังสนั่นจากการที่ทุกคนร่วมกันสะใจกับชีวิตที่เลือกไม่ได้ของผม
ถามจริง ๆ ว่า คนอย่างพวกมันเนี่ยควรคบเป็นเพื่อนรักต่อจริง ๆ ไหมเนี่ย
ผมส่ายหน้าอย่างเซ็ง ๆ แต่พวกเพื่อนรักทั้งหลายก็ปลอบใจด้วยการขำขันกับช่วงชีวิตที่วิกฤตของผมแทน
"หุบปากไปทีเถอะน่าไอ้แอล แค่ทะเบียนสมรสกับแหวนโง่ ๆ เนี่ยนะ...รั้งกูไม่อยู่หรอก" ผมแสยะยิ้มก่อนจะหยิบแหวนหมั้นในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง มาสวมให้กับสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกลแทน เพื่อโชว์ให้ทุกคนรู้ว่า ผมไม่ได้แคร์ยายนั่น ไม่ได้แคร์การแต่งงานนั่น และไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
"อื้ม มึงเก่ง" ไอ้แอลตัลยกนิ้วให้ผม
"ไอ้เชี่ยซัส นั่นแหวนหมั้นมึง" ส่วนไอ้ครูซเพื่อนรักก็พยายามร้องห้าม แต่
ผมไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าผมเมาจนได้ที่ หรือเพราะแค่อยากทำเพื่อโชว์ ทำเพื่อประชด
ผมยักไหล่ตอบพวกมันไปอย่างไม่แคร์ ก่อนจะกรอกเหล้าเข้าปากดื่มเพื่อดับกระหาย
"ปล่อยมันปากเก่งไปเถอะ ระวังจะหลงเสน่ห์ต้องมนตร์เข้าสักวัน" เสียงของไอ้มอร์ฟินพูดแทรกขึ้น
"รักแท้แพ้ใกล้ชิดนะเว้ย ทำเป็นเล่นไป" เสียงของไอ้ครูซล้อซ้ำเติมเข้าไปอีก
แต่ผมก็ทำแค่ยักไหล่อย่างไม่สนไม่แคร์อะไร และดื่มต่อไป
"จริงไหมไอ้บลู"
"ไอ้เชี่ยคุณบลู..."
"มึงได้ยินพวกกูไหม" ทุกคนพยายามเรียกไอ้บลูไนท์ที่นั่งเหม่อลอยไม่มีบทสนทนาร่วมซ้ำเติมผมแต่อย่างใด
"อะไร" ไอ้บลูไนท์ขมวดคิ้วหันมาถามพวกเรา และดื่มเหล้าไปพลาง ๆ
"เหม่อไปถึงไหนแล้ววะ" เสียงไอ้แอลตัลมันเหลือบมองผมแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปคาดคั้นไอ้บลูไนท์ต่อ
"ก็คงเหม่อไปถึงตัวเลขในตลาดหุ้นแล้วก็วิธีฮุบบริษัทพ่อ" ไอ้มอร์ฟินก็ตอบแทนอย่างรู้ทันไอ้บลูไนท์
เพราะในหัวมันบ้าแต่เรื่องหุ้น เรื่องธุรกิจ และยังต้องต่อสู้กับพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองอีก
"เปล่า กูแค่มึน ๆ เหล้า" ไอ้บลูไนท์ตอบออกมาอย่างโกหก และเป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาเสียเลย
"ไอ้เชี่ยแอลมันถามมึง" ผมยกแก้วเหล้าชี้ไปที่มันกับไอ้แอลสลับกัน
"ถามไร" บลูไนท์ทำหน้าเข้มเหมือนมันไม่รู้เรื่องที่เราคุยกันเลยสักนิด
"แต่ช่างเถอะ ๆ คนอย่างไอ้บลูเนี่ยเคยรักใครที่ไหนกันล่ะ" ผมส่ายหน้า
ผมคิดว่าเราทั้งโต๊ะคงเมาและดื่มหนักกันจนพูดจาเลอะเทอะและไร้สาระไปเรื่อยแล้ว
"เออ" ผมเคาะแก้วเหล้าของตัวเองเพื่อเรียกสติพวกเพื่อนทุกคน ทั้งที่ตัวเองเริ่มจะเมาจนขาดสติแล้วจริง ๆ
"พวกมึงอ่ะไปงานแต่งกูด้วยนะ มัมสั่ง" ผมชี้หน้าพวกมันทุกคนด้วยแก้วเหล้า ก่อนหงายหน้ากระดกดื่มจนหมดแก้ว
"กูขอเลือกเพื่อนเจ้าสาวก่อนได้ปะ มีเด็ด ๆ บ้างไหม" ไอ้ครูซก็ชนแก้วกับแก้วเหล้าเปล่า ของผม และดื่มตามอย่างขาดสติไม่ต่างกัน
เรานั่งดื่มกันจนหมดขวดที่สอง สภาพของแต่ละคนก็ไม้เลื้อยไม่ต่างกัน เลื้อยพันสาว ๆ ในโต๊ะไปเรื่อย นัวกันไปเนียกันมา
"ขอกุญแจรถมึงหน่อย" ไอ้บลูไนท์สะกิดเรียกผม ซึ่งผมก็โยนกุญแจรถให้มันไปตามที่มันขอ
"ลากไปกินที่รถอีกแล้วนะมึง" ผมเอ่ยแซว ๆ เพื่อนสนิทของตัวเองที่ชอบกินในรถ ไม่รู้มันเป็นอะไร
-Thongmontra's Part-
ฉันเดินออกมาด้านนอกเพื่อสูดอาการบริสุทธิ์ เพราะด้านในผับนั้นทั้งมืด ทั้งเสียงดัง
"สถานที่ที่ทั้งแคบ ทั้งอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก" ฉันมองหาที่สงบ ๆ เพื่อนั่งเงียบ ๆ กับตัวเอง และพยายามจะสลัดภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ออกไปจากหัว
"จิตใจเราจะสงบ ถ้าเรานึกถึงแต่สิ่งดี ๆ" ฉันนั่งหลบมุมเงียบ ๆ
"ที่อโคจรที่เต็มไปด้วยคนบาป คนทำผิดศีลมากมาย ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งไม่ดี และชั่วร้ายเต็มไปหมด" ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างสัมผัสถึงบางสิ่งที่ไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยตา
"ดื่มสุราเมรัย เป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาท เป็นสาเหตุให้ประพฤติผิดในกาม และอื่น ๆ อีกมากมาย" ฉันพูดแล้วมองไปรอบ ๆ พื้นที่อันตรายแห่งนี้ ซึ่งแทบจะไม่มีสิ่งดี ๆ อะไรคุ้มครองเอาไว้เลยเพราะเป็นที่อโคจร เป็นอบายมุขชั้นดี
ฉันจึงเลือกที่จะสวดมนต์ เพื่อเสริมบารมีให้กับผีบ้านผีเรือนที่ดูแลปกป้องที่นี่ ให้พวกเขาและเธอได้รับบุญและมีบารมีที่จะค่อยปกป้องสัมภเวสีจากที่อื่นไม่ให้เข้ามาก่อกวนสถานที่นี้ได้
ซึ่งฉันมั่นใจว่า คนอย่างจีซัสคงไม่เคยทำบุญร้าน หรือตั้งศาลใด ๆ เพราะเขาคงจะไม่เชื่อเรื่องที่ดูเหมือนงมงายอะไรทำนองนี้เลย
หลังจากการสวดมนต์เสร็จสิ้น ฉันก็บรรจงกรวดน้ำลงต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
"ข้าพเจ้า นางสาวต้องมนตรา... ขออุทิศผลบุญการสวดมนต์ในค่ำคืนนี้ให้ เจ้ากรรมนายเวร และผีบ้านผีเรือนที่อยู่ในอาณาเขตที่ดินผืนนี้ ขอให้พวกท่านจงเป็นสุข ๆ เถิด สาธุ" ฉันหลับตาและกล่าวออกไป แผ่เมตตาออกไปในวงกว้าง
กลิ่นควันลอยเข้ามาเตะจมูกของฉันทันทีที่ฉันกรวดน้ำจนหมด
ฮัดชิ้ว...ฉันจามออกมาทันที ก่อนจะเงยหน้าไปเจอกับต้นตอของควันบุหรี่นั่น
"สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้เพื่อนสนิทของจีซัสอย่างตกใจที่ได้เจอเขาตรงนี้
ซึ่งเขาเองก็ยืนงง ๆ กับสิ่งที่ฉันทำเช่นกัน
"พี่บลูไนท์ เอาบุญมาฝากนะคะ" ฉันก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกไปแก้เขิน
"อ่อ ได้สิ" เขาพยักหน้านิ่ง ๆ
"เออ เจอต้องมนตร์ก็ดีแล้ว"
"ฝากบอกไอ้จีซัสทีนะ ว่าพี่ขอยืมรถกลับบ้านหน่อย" เขาพูดก่อนจะชูกุญแจรถของจีซัส และเดินไปที่รถที่จอดอยู่ข้าง ๆ
"อ่อค่ะ" ฉันพยักหน้ารับแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
"ถ้าเพื่อนเขาออกมาแล้ว จีซัสก็น่าจะใกล้กลับแล้วสินะ" ฉันสูดลมหายใจเพื่อรวบรวมความอดทน เพื่อจะเดินกลับเข้าไปในผับที่กำลังจะปิดในเวลาเกือบตีสาม
ทันทีที่เดินกลับเข้าไปในนั้น ฉันก็เผชิญหน้ากับ
จ๊วบบบ จุ๊บบบ จ๊วบบบ
จีซัสที่ยืนจูบอย่างดูดดื่มกับสาวหน้าคมหุ่นนางแบบอยู่หน้าเวที เขานั่งอยู่ขอบเวทีโดยมีสาวสวยคนนั้นอยู่ในหว่างขาและยืนจูบกันอย่างไม่อายฟ้าดิน
มันไม่เพียงแค่จูบแต่เขากำลังล้วงหน้าอกของเธอคนนั้นอยู่อีกด้วย
จีซัสมองมาทางฉันทั้งที่เขายังนัวเนีย และจูบอย่างเร่าร้อนกับเธอคนนั้น
"ทำอะไรอะ" ฉันพูดอย่างเสียงสั่นและทำอะไรไม่ถูกกับสิ่งที่เจออยู่ตรงหน้า
จีซัสค่อย ๆ ดันตัวของสาวหน้าคมคนนั้นออกช้า ๆ เกาะอกของเธอเลื่อนลงต่ำจนจวนจะเห็นจุกนมอยู่รอมร่อ ทั้งคู่ต่างมึนเมาจนแทบไม่มีเลยซึ่งยางอายใด ๆ
สาวคนนั้นสวมแหวนหมั้นของฉันอยู่ มือของเธอวางลงบนแผ่นอกของจีซัส ที่เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมเกือบจะครบทุกเม็ด จีซัสกัดริมฝีปากมองฉันด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์ ๆ
"จะยืนขัดจังหวะอีกนานไหม ไปไหนก็ไปไป๊ ยัยบ้าเอ๊ย" ยัยหน้าคมคนนั้นหันมาเหวี่ยงใส่ฉันที่ยืนจ้องพวกเขาทั้งสองตัวสั่น ๆ
"ถ้าไม่อยากได้คนเลว ๆ แบบฉันเป็นสามี เธอก็ไปบอกมัมให้ยกเลิกงานแต่งของเราสิ" จีซัสพูดและเบนสายตาชั่ว ๆ ของเขามาทางฉัน
ฉันนี่โกรธหน้าสั่นมือสั่นไปหมด ทั้งผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้น กับคู่หมั้นไร้ศีลธรรมของตัวเอง
"สมสู่กันง่ายอย่างกับสัตว์ ยังเป็นคนกันอยู่รึเปล่าน่ะ" ฉันพูดออกไปอย่างอัดอั้นและมองไปที่จีซัสอย่างรังเกียจที่สุดเลย เมื่อตอนค่ำอีกคน ตอนนั่งดื่มอีกคน พอจะกลับก็อีกคน
"เอ๊ะ! อีนี่ ปากดีนะ" เป็นหญิงสาวคนนั้นที่รับไม่ได้และกำลังจะพุ่งเข้ามา...
เพียะ! เธอตบหน้าของฉันอย่างแรง
"Hey Hey Stop!" จีซัสลุกขึ้นทันทีและเอาตัวมาแทรกกั้นกลางระหว่างฉันกับผู้หญิงของเขาคนนั้น
เพราะมันเกิดขึ้นไวมาก ๆ ขนาดฉันยังงง ๆ อยู่เลย แต่หน้าน่ะชาไปหมดแล้ว
"ก็มันว่าเราเป็นสัตว์นี่คะ จี" เสียงของผู้หญิงคนนั้นพูดฟ้องจีซัส และเกาะที่แขนของเขาไม่ยอมปล่อยมือ
ฟุ่บ...จีซัสสะบัดแขนของผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง
"เธอเป็นอะไรไหม" เขาหันมาถามฉันเสียงแข็ง ๆ ขณะที่ฉันยืนนิ่งแบบช็อก ๆ เพราะไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อน นี่เป็นการโดนตบหน้าครั้งแรกในชีวิตฉันเลยด้วยซ้ำ
"ต้องมนตร์" จีซัสโอบจับที่ไหล่ของฉันต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น
________________________________________
JESUS : SEX WITHOUT LOVE
THONGMON : LOVE WITHOUT SEX
_________________________________________