EP.4 Stop the lies
EP.4 Stop the lies
บนโต๊ะรับประทานอาหารของครอบครัวจีซัส
"สวัสดีค่ะ คุณอา" ฉันยกมือสวัสดีพ่อของจีซัสทันทีที่เห็น
"ใครคุณอา บนโต๊ะนี้ไม่มีอาไม่มีหลานแล้วนะ" พ่อของจีซัสวางหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะเงยหน้ารับไหว้ฉันอย่างอารมณ์ดี
"เขาอยากให้เธอเรียกพ่อน่ะ" จีซัสแซะฉันทันทีที่เขามีโอกาส
"ค่ะคุณพ่อ" ฉันเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้าง ๆ กับจีซัส เพราะว่าจานอาหารของฉันถูกจัดวางไว้ข้าง ๆ กับเขา
"ต้องมนตร์ ทำตัวตามสบายได้เลยนะลูก ที่บ้านเราไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย แค่อยู่ให้มีความสุขก็พอ" น้าแหม่มพูดเสร็จก็หันไปยิ้มกับสามีของเธออย่างปลื้มอกปลื้มใจ
เชื่อแล้วว่าทำไมจีซัสถึงเป็นคนไม่ซีเรียสและไม่เคยเครียดกับอะไรเลย ก็เพราะมีทั้งพ่อทั้งแม่ที่ใจดีและตามใจเขามากขนาดนี้
"กินข้าวกันเถอะ วันนี้มัมเข้าครัวเองเลย เพราะอยากจะโชว์ฝีมือให้ว่าที่ลูกสะใภ้ได้ลองชิม" คุณอาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและให้เกียรติต่อภรรยาของเขามาก ๆ
"น้า เอ่อ...มัมน่าจะเรียกให้หนูลงมาช่วยทำนะคะ" ฉันพูดออกไปอย่างเกรงใจเธอ
"ไว้มื้อหน้ามัมจะเรียกหนูแล้วกันนะ จะได้สอนให้ทำเมนูโปรดของจีซัสด้วย" มัมพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนบนโต๊ะจะเริ่มรับประทานอาหารกันอย่างยิ้มแย้ม
ตื้ด ตื้ด... ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของจีซัสก็ดังขึ้น แม้ว่าเขาจะพยายามตัดสายไปหลายครั้งแล้วก็ตาม
ฉันแอบชำเลืองเห็นว่า หน้าจอโชว์ชื่อของคนที่โทรเข้ามาขึ้นว่า ‘เบอร์สาม’ ?
คนอะไรชื่อ ‘เบอร์สาม’
"ฮะแฮ่ม" เสียงของน้าแหม่มกระแอมขึ้นอย่างเริ่มไม่พอใจ
"ทำไมไม่รับสายไปให้จบ ๆ ล่ะลูก" พ่อของเขาเองพอเห็นว่าภรรยาสุดที่รักเริ่มไม่พอใจก็ออกโรงพูดขึ้นแทน
"ครับพ่อ" จีซัสลุกจากเก้าอี้ทันที
"อย่าคุยนานเกินนะลูก มัมมีเรื่องสำคัญจะบอกเหมือนกัน" น้าแหม่มพูดอย่างยิ้มแย้ม
ซึ่งจีซัสก็พยักหน้ารับ
"ห้ามแอบกินพิซซาของฉันนะ" เขาหันมาชี้ไปที่พิซซาชีสแป้งนวดมือของมัมและหันมากำชับฉัน
"ใครจะกินของนาย" ฉันตอบไปอย่างไม่ใส่ใจ
คนบ้าอะไรหวงแม้กระทั่งพิซซาบนโต๊ะ
เขาเดินออกไปรับโทรศัพท์ถึงนอกบ้าน ราวกับกลัวใครจะได้ยิน
ผ่านไปเกือบสิบนาที เขาก็เดินกลับมาที่โต๊ะตามเดิม
"วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนนะ คงกลับไปนอนคอนโด ไม่กลับมาบ้านนะ" จีซัสเอ่ยปากขณะที่เขาหยิบชิ้นพิซซานั้นไปวางในจานของตัวเอง
"ได้สิ" มัมพยักหน้าตอบเขาไป ขณะที่รอแม่บ้านเสิร์ฟของหวาน
"แต่ต้องไปหลังจากที่ลองชุดงานหมั้นให้เสร็จก่อน" น้าแหม่มพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มแต่น้ำเสียงเริ่มไม่อ่อนโยนเหมือนเคย
"ไปเอาชุดหมั้นของบ่าวสาวไปเตรียมไว้ที่ห้องรับแขกเลย" น้าแหม่มสั่งกับแม่บ้านคู่ใจของเธอทันที
"มัมก็ให้ยัย ตอ-มอ-ตอ ลองไปก่อนเลย วันนี้ผมมีนัดดื่มกับเพื่อนนะ" เขาพูดอย่างอ้อน ๆ แต่เหมือนว่าน้าแหม่มจะมีท่าทีที่เริ่มไม่พอใจสักเท่าไร
"เรียกน้องดี ๆ จีซัส" น้าแหม่มมองตาเขม็งไปที่ลูกชายของเธอทันที
"โอเค ๆ ก็ให้เขาลองไปก่อนเลย คืนนี้ผมรีบไปผับ" เขาตอบอย่างฝืนยิ้มและชี้ที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง
"ไม่ได้ ลูกต้องลองชุดพร้อมกับน้องก่อน"
"แล้วถึงจะไปไหนต่อไหนได้" เธอย้ำขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ซีเรียสเอามาก ๆ
"Mommy" จีซัสถอนหายใจอย่างออกอาการไม่พอใจ
"และคืนนี้ต้องพาน้องไปด้วย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม" ประโยคนั้นทำเอาฉันเองก็ชะงักไปทันที
"Mom Come on. Do You Know What I mean?" จีซัสกำลังจะเริ่มพ่นภาษาอังกฤษออกมาแต่ทว่า…
"พูดภาษาไทยจีซัส" น้าแหม่มส่ายหน้าทันที
"Come on"
"Jesus!" น้าแหม่มพูดขัดเขาทันที
เอาจริง ๆ ภาษาอังกฤษฉันก็อยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่ถ้าจีซัสพูดแรป ๆ ออกมาฉันก็แปลไม่ทันเหมือนกันนะ ฉันนั่งตัวเกร็งมองเขาทั้งคู่อย่างไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดีเลย
"ผมออกไปดื่มกับเพื่อน มัมก็รู้นิว่ายัยนี่ไม่ควรไปด้วย" จีซัสอธิบายอย่างตะกุกตะกักด้วยภาษาไทย
"มีแต่คนเมาทั้งนั้น มันเป็นที่แบบ Dark Side" จีซัสพูดเสียงเบา ๆ ราวกับนึกคำไม่ออก
"อโคจร ๆ" พ่อของเขาพูดเสริมเมื่อเห็นว่าลูกชายนึกคำไม่ออก
"แสดงว่าแกไม่สามารถดูแลหรือปกป้องว่าที่ภรรยาของแกได้เลยอย่างนั้นสิ" น้าแหม่มสวนกลับจีซัสทันที
"ไม่ใช่แบบนั้น" เขาส่ายหน้าเสียงสูงและพยายามหาตัวช่วย
"พ่อ ช่วยพูดหน่อยสิ" จีซัสหันไปหาพ่อของเขา
"เออคุณ ผมว่านะ..." ยังไม่ทันที่พ่อของเขาจะพูดอะไร
"อย่างนั้นก็ดี น้องจะได้รู้จักเพื่อนของลูกทุกคนด้วย แล้วก็จะได้ประกาศเรื่องแต่งงานและเชิญให้พวกเขามางานแต่งไปเลยทีเดียว" น้าแหม่มพูดขึ้นแทรกโดยไม่เว้นจังหวะให้ใครทั้งนั้น และเธอยังหันมาถามฉันราวกับหาแรงสนับสนุน
"ผมไม่กินข้าวละ" จีซัสเริ่มมีอาการงอแงและวางช้อนส้อมทันทีแล้วก็ไม่ยอมกินต่อ
"ผับนั่นแกก็เป็นเจ้าของ อีกหน่อยถ้าแต่งกันไปน้องก็จะได้มีส่วนช่วยดูแล" น้าแหม่มพูดเหตุผลที่ทำเอาทั้งฉันและจีซัสขัดไม่ได้
"แล้วแต่มัมเลย" จีซัสยักไหล่และเม้มปาก
"ถ้าอิ่มแล้วก็ไปลองชุด เพราะถ้าไม่ถูกใจหรือยังไง มัมจะได้สั่งตัดให้ใหม่" น้าแหม่มเองก็ชี้คำขาดให้กับจีซัส
อืออ อือออ อือ เสียงไลน์ของเขายังคงดังไม่มีหยุด
"ผมมีนัดแล้ว ยังไงก็เร็ว ๆ หน่อยแล้วกัน" เขามองนาฬิกาข้อมือด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ
"นัดกินเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนเมื่อไรก็ทำได้ ไปช้าเพื่อนก็คงรอได้ล่ะมั้ง"
"แต่งานแต่งมีครั้งเดียว มีวันเดียว" น้าแหม่มพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังมากกว่าทุกครั้ง จนทุกคนต้องเงียบฟัง จีซัสถอนหายใจอย่างข่มใจ
"ก็น่าจะรู้ว่า ลูกต้องแต่งงานกับต้องมนตร์ก่อนที่ลูกจะอายุ 25" พอน้าแหม่มพูดถึงเหตุผลที่เราต้องจัดงานแต่งในครั้งนี้ จีซัสก็เบือนหน้าหนีทันที
"มันก็แค่ความเชื่อน่ามัม" เขาพูดขึ้นเบา ๆ และเหล่ตามองมาที่ฉัน
"ถ้าความเชื่อนั้นทำให้ลูกปลอดภัยจากสิ่งไม่ดี มัมก็พร้อมจะเชื่อและศรัทธา" เธอพูดตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือ และสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
"มัมไม่เคยขออะไรจากยูเลยนะ ขอแค่เรื่องแต่งงานเท่านั้น"
"จีซัสเคยบอกว่า จะทำให้มัมไม่ใช่หรอ" น้าแหม่มพูดและหันมองหน้าฉันกับลูกชายของเธอสลับกันไปมา
"ฉันไปผับได้นะ ฉันจะดูแลตัวเอง" ฉันพูดแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"ต้องมนตร์นี่น่ารักที่สุดเลยนะลูก เข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ ไม่เหมือนกับ" ยังไม่ทันที่น้าแหม่มจะบ่นลูกชายของเธอ
"โอเคครับ ผมจะทำตามที่มัมขอ" จีซัสพยักหน้ากับแม่ของเขา
"ถ้าอิ่มแล้วก็ไปลองชุดกันเถอะ ฉันรีบ" จีซัสตอบหน้านิ่ง ๆ และหันมาแขวะทางฉัน
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบข้อความด้วยใบหน้าเคร่งเครียดหน่อย ๆ ในขณะที่เรากำลังเลือกชุด
เราสองคนได้วัดตัวเพื่อตัดชุดใหม่ เพราะชุดที่ทางร้านเอามาให้ลองนั้น มันไม่พอดีกับตัวของจีซัส เนื่องจากไซซ์ค่อนข้างเหมาะสำหรับผู้ชายไทยมากกว่า เราจึงใช้เวลานานพอสมควรในการลองชุด และวัดไซซ์
"เธอไม่ต้องตามใจมัมไปทุกเรื่องหรอกมั้ง" เขาพูดขณะที่เรากำลังยืนให้พี่ช่างวัดขนาดความยาวของชุด เอาผ้ามาเทียบ เครื่องประดับประดาต่าง ๆ
"แค่นี้มัมก็รักและเอ็นดูเธอจะตายแล้ว" เขาบ่น ๆ ราวกับเด็กน้อยโดนแย่งความอบอุ่น
"นี่จีซัส โตแล้วนะทำเป็นเด็กหวงแม่ไปได้" ฉันตอบเขาไปอย่างรำคาญ
"ฉันไม่ได้หวง แค่ไม่อยากให้เธอกับครอบครัวหลอกลวงแม่ฉันไปมากกว่านี้" เขาพูดออกมาตามตรงด้วยสีหน้าและท่าทีที่เปลี่ยนไป
"ฉันไม่ได้หลอกมัม และอย่าพูดถึงครอบครัวฉันแบบนั้นอีก" ฉันสวนกลับไปทันทีด้วยความไม่พอใจที่เขาพูดถึงครอบครัวฉันในทางที่ไม่ดี
ฟุ่บ... เขารวบเอวของฉันจากด้านหลัง ก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับฉันแบบตรง ๆ
"โอเค" จีซัสตอบสั้น ๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"งั้นเธอคิดดีแล้วหรอที่จะแต่งกับฉัน" เขาพูดขึ้นและมองใบหน้าของฉัน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรไป น้าแหม่มก็เดินเข้ามาในห้องโถงรับแขกเสียก่อน ทำให้ฉันตกใจจนผลักจีซัสออกไปทันที
"ทำอะไรกันนะ หนุ่มสาว" มัมของจีซัสเอ่ยแซวเราสองคนเล็กน้อย และหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มกับพ่อของเขา
หลังจากการลองชุดผ่านไป ฉันก็ได้จัดแจงกระเป๋าและย้ายถิ่นฐานไปยังคอนโดของจีซัสตามความต้องการของน้าแหม่ม เหตุผลก็เพราะว่า เธออยากให้เราได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น ก่อนจะถึงวันแต่งงานในอีกไม่นานนี้
ฉันกับจีซัสแทบไม่ได้เจอกันมาเป็นปี ๆ การที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันคงต้องปรับตัวอีกเยอะ อย่างที่เห็นว่าเราสองคนค่อนข้างที่จะแตกต่างกันเอามาก ๆ
บนรถจีซัส
"กรี๊ดดดด นะโมตัสสะ ๆ ๆ ๆ นะโม" ฉันพนมมือตลอดทางที่จีซัสเหยียบคันเร่งขับรถราวกับกำลังแข่งกับความตาย
"ฉันวนไปส่งที่คอนโดไม่ทัน ยังไงเธอก็ต้องไปผับกับฉันเลยละกัน" เขาพูดขึ้นก่อนจะขับรถเร่งเครื่องพร้อมกับเสียงดนตรีที่กระหึ่มลั่นในรถ
"นายจะไปผับหรือไปนรกกันแน่" ฉันบ่นกลับไปก่อนจะหลับตาปี๋ เพราะเขาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดด้วยซ้ำ
เร็วแรงแซงทุกคัน
"ฉันไม่ชอบ Late เวลามีนัด You Know ?" เขาตะโกนกลับมาแข่งกับเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังพอ ๆ กับเสียงเพลงในรถ
"ก็ช่วยขับให้ช้ากว่านี้หน่อยได้ไหม" ฉันตะโกนกลับไปทั้งที่หลับตาด้วยความกลัว
"เธอไม่ตายหรอกน่า ยังไงเราก็ได้แต่งงานกันแน่นอน" เขาพูดกลับก่อนจะเลี้ยวรถเหวี่ยงจนฉันปลิวไปด้านคนขับ ทั้งที่ใส่เข็มขัดนิรภัยแล้วแท้ ๆ
"อ๊ายยยยย" ฉันร้องขึ้นอย่างเสียววาบ เมื่อเขาหักรถจอด
เอี๊ยดดดด! ไม่นานรถก็จอดสนิทตรงหน้าผับแห่งหนึ่ง
จีซัสดับเครื่องและเปิดประตูลงจากรถไปทันที ส่วนฉันก็เดินตามลงไปอย่างเซ ๆ และมึน ๆ เกือบจะอ้วกด้วยซ้ำ
"นี่นาย" ฉันเดินไปยืนข้าง ๆ กับจีซัสและกระตุกเสื้อของเขาเล็กน้อย เพื่อรั้งเอาไว้เพราะว่าฉันเดินยังไม่ตรงเลยด้วยซ้ำ
แต่จมูกของฉันมันดันได้กลิ่นแปลก ๆ
"ฉันได้กลิ่นสาบความชั่วร้ายเต็มไปหมดเลย" ฉันบ่น ๆ เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วมันพร่ามัวไปหมด เต็มไปด้วยควันสีเทาจาง ๆ คล้าย ๆ กับควันธูป บรรยากาศขมุกขมัวจนน่ากลัว
ขณะที่ฉันกำลังจะยกมือขึ้นพนมและสวดมนต์ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
"เดินไปไกล ๆ สิ ฉันจะสูบบุหรี่" เขาพูดและผลักมือที่เกาะเสื้อของเขาออก
"ฮะ" ฉันชะงักไปเล็กหน่อย และพยายามมองไปรอบ ๆ แม้ว่าจะแสบตาก็ตาม จนสายตาของฉันที่พร่ามัวก็ค่อย ๆ เห็นป้ายว่า
(ที่สูบบุหรี่ Smoking Area)
"กลิ่นสาบชั่วร้าย ?" เขายกซองบุหรี่ขึ้นมาและขมวดคิ้วมองฉันอย่างขำขัน
"ดูหนังมากไปปะ" เขาบ่น ๆ ก่อนจะผลักและโบกมือไล่ให้ฉันออกไปยืนไกล ๆ
"อือ" ฉันรีบเดินออกมาทันทีอย่างหน้าแตกนิด ๆ
ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีฉันก็แยกไม่ออกว่าอันไหนจิตสัมผัส อันไหนประสาทสัมผัสนิ
เราหยุดยืนตรวจบัตรอยู่ที่หน้าผับ
"สวัสดีครับ บอส" บอดี้การ์ดหน้าผับก้มหัวอย่างเคารพไปที่จีซัสทันที
"Hey Broooo" เขาก็ตอบกลับไปอย่างร่าเริง
พวกลูกน้องต่างก้มหัวให้กับฉันด้วยเช่นกัน เพราะเห็นว่าฉันมากับเขา
จีซัสพาฉันเข้ามาด้านใน ที่แบ่งเป็นส่วนบาร์ พื้นที่ว่างสำหรับยืนเต้น และโต๊ะนั่ง
คนด้านในเริ่มเมากันไปเกือบหมดแล้วล่ะ เพราะเรามาถึงก็เกือบห้าทุ่มแล้ว
จีซัสจับมือของฉันลากเข้ามาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์
"เคยเข้าผับรึเปล่า" เขาหันมาถามฉัน
"เคยบ้าง" ฉันพยักหน้าตอบเขาไปตามความจริง เพราะในช่วงมหาวิทยาลัยฉันก็โดนพวกเพื่อนลากไปเก็บซากคนเมาทุกทีนั่นแหละ
แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร จีซัสก็สะบัดมือปล่อยฉันทันที
"ก็ดี งั้นดูแลตัวเองนะ" จีซัสตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนหนึ่งและโอบกอดเธอ
"เฮ้ย" ฉันได้แต่ยืนงงในดงคนเมา สาวคนนั้นหันมามองหน้าฉันแบบจิก ๆ และเด้งนมของหล่อนโชว์ ราวกับต้องการอวดว่าเธอแซ่บกว่าฉัน
"คงเป็นเบอร์สามสินะ" ฉันทวนชื่อนั้นพลางมองที่อกของเธอที่ติดเลขสามอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นคนที่โทรตามให้เขามาที่นี่ในคืนนี้
เขาทิ้งให้ฉันยืนเอ๋ออย่างทำอะไรไม่ถูก ที่คู่หมั้นของตัวเองกำลังโอบเอวสาวนมโตสุดเซ็กซี่คนนั้น และเดินหายไปในหมู่คนมากมาย
"ลำพังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยแฮะเรา" ฉันพูดกับตัวเองที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางไนต์คลับที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย