EP.3 Future husband
EP.3 Future husband
ขนมบัวลอยถูกเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารทั้งสามถ้วย แม่ของฉันเองก็เดินเข้ามารอฟังคำตอบเช่นเดียวกัน...
และนี่คือข้อตกลงระหว่างน้าแหม่มและสามีของเธอกับคุณปู่ของฉัน ก่อนที่คุณปู่จะเสียชีวิตไปด้วยโรคชรา...
และแน่นอนว่า อะไรที่เป็นคำสั่งเสียของคุณปู่เราจะยึดถือตามนั้น พ่อกับแม่จึงยินยอมให้ฉันหมั้นหมายกับทางครอบครัวของจีซัสเอาไว้
เราจัดพิธีหมั้นกันตั้งแต่วัยเด็ก ในตอนนั้นฉันอายุเพียงสิบขวบ ส่วนเขาก็สิบห้า และปู่ได้สั่งเอาไว้ว่า เราควรจะจัดงานแต่งขึ้นก่อนที่ตัวจีซัสจะอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ เพื่อนำดวงชะตาของฉันที่แข็งแกร่งไปค้ำจุนกับดวงชะตาที่ถึงฆาตของจีซัส ในฐานะภรรยา
ซึ่งงานแต่งจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่เร็วที่สุด จนกว่าเขาจะพ้นจากภยันตรายแล้ว จริง ๆ จากนั้นเราสองคนถึงจะสามารถหย่าขาดจากกันได้
"งั้นเดี๋ยวหนูขอไปสวดมนต์ แล้วก็ลาเจ้าที่เจ้าทางที่บ้านก่อนนะคะ" ฉันพยักหน้าอย่างยิ้ม ๆ และมองหน้าของน้าแหม่มกับแม่สลับกันไป ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องพระ และเริ่มสวดมนต์ตามกิจวัตรประจำวันของฉัน...
ซึ่งแน่นอนว่า ทางบ้านของฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือครอบครัวของเขาอย่างเต็มที่ และฉันเองก็เต็มใจเช่นกัน ฉันมองไปที่รูปของคุณปู่ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ
"หนูเชื่อคำพูดของปู่นะคะ" ฉันพูดขึ้นเบา ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ท่านอีกครั้ง
"ปู่เคยบอกหนูว่า ปู่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหนูเสมอ" ฉันก้มลงกราบลารูปของปู่อย่างคิดถึงท่านเหลือเกิน
เรื่องงานแต่ง เรื่องการสมรส ฉันกับเขาต่างก็รับรู้กันมานานตั้งแต่วัยเด็ก อย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเกิดขึ้น ฉันจึงรู้สึกปกติ ไม่ได้ตระหนกตกใจใด ๆ เมื่อมันมาถึง
และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสุดพิศวงของฉันกับ...เขา
@บ้านจีซัส
หลังจากที่ฉันเดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย ที่ในบ้านเต็มไปด้วยโล่รางวัลจากนิตยสารและสมาคมต่าง ๆ ที่ยกย่องในเรื่องการบริหารธุรกิจของตระกูลจีซัส
บ้านของจีซัสมีธุรกิจมากมาย แต่เน้นไปทางการนำเข้าและส่งออกระหว่างไทยกับรัสเซีย รวมไปถึงประเทศยุโรปอื่น ๆ ด้วย
"คุณนายแหม่มสวัสดีค่ะ" เสียงของเหล่าแม่บ้านที่เดินเข้ามาต้อนรับเรา
"เอากระเป๋าขึ้นไปจัดให้คุณต้องมนตร์สิ" น้าแหม่มเอ่ยบอกกับแม่บ้านทันที
"มัมเตรียมห้องไว้แล้วนะลูก เดี๋ยวต้องมนตร์ขึ้นไปพักก่อนนะ" น้าแหม่มแตะที่ไหล่ของฉัน เบา ๆ
"คิดซะว่าเป็นบ้านของหนูนะลูก" เธอพูดย้ำอย่างยิ้มแย้ม
"คงคิดอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ หลังใหญ่กว่าบ้านหนูตั้งเยอะ" ฉันส่ายหน้าและยิ้มรับเธอไป
"ตอนนี้หนูก็เป็นเจ้าของบ้านนี้แล้วเช่นกันนะจ๊ะ" น้าแหม่มยังคงใจดีไม่มีเปลี่ยนเลย
"ไป... ไปพักก่อนลูก เดี๋ยวตอนเย็นมัมให้คนไปตามมากินข้าวเย็นร่วมกัน" เธอพูดด้วยความดีอกดีใจ
ซึ่งพอฉันเห็นรอยยิ้มของเธอ ฉันก็อดจะดีใจไม่ได้ที่ฉันเป็นสาเหตุทำให้น้าแหม่มยิ้มได้
"เชิญทางนี้ค่ะ ว่าที่คุณนาย" แม่บ้านเองก็ยังเอ่ยแซวฉันไปด้วย
ไม่นานฉันก็เริ่มจัดแจงข้าวของต่าง ๆ ในห้อง รวมถึงสิ่งแรกที่ทำก็คือไหว้ขออนุญาตต่อเจ้าที่เจ้าทาง
"ก่อนแต่งอยู่ห้องนี้ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวหลังแต่งป้ามาช่วยย้ายอีกที" ป้าแม่บ้านช่วยฉันจัดผ้าห่มและเตรียมผ้าเช็ดตัวสำหรับอาบน้ำไว้ให้
"ขอบคุณนะคะ แต่เรื่องแค่นี้ต้องมนตร์ทำได้ค่ะ ป้าไปพักเถอะนะ" ฉันนวดต้นแขนของคุณป้าเบา ๆ อย่างเกรงใจแก
"ป้าไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ป้าน่ะแข็งแรงค่ะคุณ..." ป้าตอบอย่างเสียงสูงและจับมือของฉันอย่างเอ็นดูฉันไม่น้อย ทั้งที่เราเพิ่งเจอกัน
ทันทีป้าสัมผัสเข้าที่มือของฉัน...ฉันก็เย็นวูบเข้ามาที่มือและหลับตาลงทันที...
"เงินกับตัวเลข" ฉันพูดขึ้นเมื่อได้มองเห็น
"อะไรนะคะ" ป้าแกงุนงงเล็กน้อย
"64 ไม่ต้องกลับนะคะ" ฉันกระซิบกับป้าไปเบา ๆ
ป้าแกนิ่งไปชั่วขณะ นิ่งจนฉันคิดว่าเธอคงไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดแน่ ๆ หรืออาจจะหาว่าฉันบ้า
"ขออีกครั้งสิ ว่าที่คุณนายพูดเลขอะไรนะ" ป้าแกหยิบโทรศัพท์ของแกขึ้นมาทันที
"หกกับสี่ค่ะ" ฉันย้ำอีกครั้งและยิ้มอย่างมั่นใจ
ป้าแกก็กดจดลงโทรศัพท์ทันที
"ป้าขี้ลืมน่ะ เมื่อคืนก็ฝันเลขนี้เลยแต่ลืม" ป้าแกยิ้ม ๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ฉัน
"ว่าแต่...ว่าที่คุณนายรู้ได้ไง ทำนายฝันป้าได้แม่นมาก ๆ" ป้าแกก็รีบถามอย่างสงสัย แต่แล้วป้าแกก็ตาโตขึ้นมาและมองมาทางฉัน แต่ฉันไม่เปิดโอกาสให้แกได้ถาม ฉันก็ตัดบทด้วย...
"ถ้าถูกแล้วอย่าลืมแบ่งทำบุญด้วยนะคะ" ฉันยิ้มและพูดไป แต่เลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น ก่อนจะเดินกลับไปจัดข้าวของต่อ
ซึ่งแน่นนอนว่าแกก็ไม่กล้าจะถามอะไรต่ออีก...
"งั้นป้าไม่กวนล่ะจ้ะ แค่ให้เลขป้าก็ดีใจที่สุดแล้ว" แล้วป้าแม่บ้านก็เดินออกไปจากห้องก่อนจะปิดประตูให้ฉันได้อยู่ตามลำพัง...
"ยินดีค่ะ" ฉันพูดอย่างอารมณ์ดี
"เสร็จซะที" ฉันถอนหายใจเมื่อจัดเสื้อผ้า และวางของใช้ส่วนตัวไว้อย่างเป็นระเบียบ
อยู่บ้านคนอื่นจะมาโชว์ความขี้เกียจมากไปก็คงไม่ได้
ก๊อก ๆ ๆ ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คงจะเป็นป้าแม่บ้านมาตามฉันลงไปกินข้าว แน่ ๆ
ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ
แอ๊ด...
ฉันรีบเดินไปเปิดประตูเมื่อเสียงเคาะเริ่มหนักและดังขึ้น
"มาแล้วค่ะ" ฉันพูดทันทีที่บิดลูกบิดประตูและค่อย ๆ เปิดออกไป
"ไม่เจอกันนานเลยนะ มายฟีย็องเซ(Fiancee)" เสียงสำเนียงฝรั่งเศสนั่นดังขึ้น ก่อนที่ฉันจะเห็นหน้าของเขา...
คู่หมั้น อย่างนั้นหรือ...
"จีซัส ?" ฉันแง้มประตูออกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นและตั้งท่าจะปิดแต่...
ฟุ่บ... เขากลับผลักประตูเปิดออกจนสุดบาน
"Hi ยัย ตอ-มอ-ตอ" ไอ้ฝรั่งหน้ากวนนั่นเริ่มทักทายฉันด้วยใบหน้ายียวน เหมือนกับสมัยเด็ก ๆ ไม่มีผิด
"อะไร" ฉันพยายามจะผลักประตูปิด แต่อีกคนก็ดันจะเปิด
"เฮ้ย ฉันคิดได้ไงวะเนี่ย ตอ-มอ-ตอ...ภาษาไทยฉันแข็งแรงมากเลยอะ" เขาพูดอย่างภาคภูมิใจกับการเรียกชื่อฉันแบบย่อ ๆ
"ฉันชื่อต้องมนตรา เรียกให้ถูกด้วยค่ะ" ฉันเอ่ยตอบไปเสียงแข็ง ๆ
จีซัสกอดอกและเอียงคอมองฉันเล็กน้อย
"ตอนเด็กเธอขี้เหร่มากเลยอะ"
"ไม่น่าเชื่อโตมาจะสวย" เขาพูดเหมือนกับกำลังหลอกด่าวัยเด็กของฉัน ว่าฉันขี้เหร่เนี่ยนะ
ในขณะที่ฉันกำลังจ้องหน้าเขาอย่างงุนงง
จีซัสก็คลายมือที่กอดอกลง และเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับอ้าแขนและ...
"ทำไรอะ" ฉันนิ่งไปทันทีที่ถูกเขากอด
ใช่...กอด
เขากำลังกอดฉันและมันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
"ว้าว...อย่างอื่นก็โตขึ้นและดูม ๆ ดีนะ" เขากระซิบที่ข้างใบหูของฉัน
และสมองที่เชื่องช้าของฉันก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า
ฟุบ!
"กรี๊ดดด ไอ้บ้า" ฉันผลักเขาออกอย่างสุดแรงและชี้หน้าเตรียมจะด่า...
"ทุเรศ!" ฉันยกมือปิดหน้าอกของตัวเองจากคนหื่นกามอย่างไอ้บ้าจีซัสทันที
"มัมให้ตามเธอลงไปดินเนอร์" จีซัสแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์และพูดขึ้น
"รู้แล้ว ไปให้พ้น ๆ ไป" ฉันผลักแขกไม่ได้รับเชิญออกไปจากห้อง และปิดประตูใส่หน้าของเขาทันที
"รีบตามนะ ถ้าช้าฉันจะมาตามอีกรอบ" เขาพูดผ่านประตูห้องเข้ามา ด้วยน้ำเสียงที่แกล้ง ๆ ขู่
"ชิ ไอ้...วิตถาร" ฉันหมดคำจะด่าคนอย่างเขาแล้วจริง ๆ
"พูดกับว่าที่สามีดี ๆ หน่อยสิ" เขาพูดอย่างยียวนและกวน...
"แค่ในนาม!" ฉันโต้กลับไปอย่างหัวเสีย
"ก็อย่าหลงรักจริงแล้วกัน...ไม่งั้นเธอจะเสียใจ"
ก๊อก ๆ ๆ
"ได้ยินชัดนะ ยัยแม่มด"