EP.6 Goodnight by Jesus
EP.6 Goodnight by Jesus
"จีคะ" ผู้หญิงคนนั้นทำเสียงออดอ้อนใส่จีซัสทันที
ฉันจับมือของเขาที่โอบฉันออกทันทีอย่างไม่อยากจะใส่ใจ
"อยากทำอะไรก็ตามสบาย" ฉันพูดออกไปนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
@หน้ากระจกในห้องน้ำ
ฉันลูบใบหน้าของตัวเองด้วยมือที่ยังไม่หายสั่น
"นี่ฉันเป็นบ้าอะไร เขาจะทำอะไรก็ปล่อยเขาไปสิ" ฉันจับแก้มของตัวเองที่มีรอยแดงปื้นเป็นรอยนิ้วมือที่ขัดกับผิวขาวซีดของฉันอย่างเด่นชัด
"ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรทั้งนั้น" ฉันพยายามฝืนทำหน้าให้เป็นปกติ กลบความรู้สึกกังวลของตัวเอง
แอ๊ด... ไม่นานประตูห้องน้ำก็เปิดขึ้น
"ถามว่าเป็นอะไรไหม ทำไมไม่ตอบ" จีซัสที่เดินเข้ามาหาฉันด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
"ฉันไม่ฟ้องแม่ของนายหรอก" ฉันตอบไปก่อนจะเลี่ยงเดินสวนออกมา แต่ว่า...
ฟุบ! จีซัสจับแขนของฉันเอาไว้ ก่อนจะกระชากให้ฉันเข้าไปยืนตรงหน้าของเขา
เขาเอามือช้อนปลายคางของฉันให้เงยหน้าขึ้น
"ไม่ต้องฟ้อง มัมก็คงรู้ รอยบนหน้าชัดขนาดนี้" เขาพูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ฉันปัดมือของเขาที่จับปลายคางของฉันทิ้ง และก้มหน้าลงอย่างไม่อยากจะสบสายตา
"กลับบ้านกัน" จีซัสจับมือของฉันให้เดินออกมาพร้อมกับเขา ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่า เขาสวมแหวนหมั้นวงที่เขายกให้ยายสาวสวยที่เพิ่งตบหน้าฉันไปเมื่อกี้
บนรถแท็กซี่
"เลิกนั่งตาขวาง ชักสีหน้าใส่ฉันได้แล้วน่า!" คนเมาข้างกายปัดหน้าจอโทรศัพท์และเอาไหล่มากระแทกฉันเบา ๆ ทั้งที่มือของเขายังตอบแชทคนอื่น ๆ อยู่เลย
"ถ้าเธอโกรธ ตบหน้าฉันคืนก็ได้" เขายื่นหน้ามาใกล้ ๆ ฉัน
"ให้ตบสองทีเลยก็ได้" จีซัสมองหน้าของฉันราวกับพยายามจะง้อ... ไม่สิ... เขาแค่กลัวว่าฉันจะเอาไปฟ้องแม่เขาเท่านั้นแหละ
ผลัก! ฉันดันแผ่นอกของเขาออกไปให้ไกลจากตัว
"นายไม่ได้ตบหน้าฉันนิ ฉันจะตบนายทำไม" ฉันสวนกลับไปอย่างไม่ใส่ใจและหันไปมองทางหน้าต่างแทน
"เธออยากตบผู้หญิงคนนั้นหรอ" เขาถามกลับมาอย่างเซ้าซี้และเล่นหูเล่นตา
"ไม่อยาก!" ฉันกระแทกเสียงตอบกลับไป
"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" ฉันชักสีหน้าตอบกลับไป ทั้งที่ยังโกรธไม่หายแต่ก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอะไร
"ไม่ใช่เธอคนเดียวที่อารมณ์ไม่ดี ฉันก็ไม่ดีเหมือนกัน"
"เป็นเพราะเธอ คืนนี้ฉันถึงอด..." จีซัสบ่น ๆ ใส่ฉัน ก่อนที่เขาจะเปิดกระจกรถแท็กซี่และสูบบุหรี่อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งแท็กซี่เองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าเขาใช้เงินในการแก้ปัญหาทุกสิ่งอยู่แล้ว
@คอนโดจีซัส
คอนโดหรูที่สะอาดเอี่ยม ติดแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งวิวสวยระดับเอกซ์คลูซิฟ
"แล้วฉันนอนห้องไหน" ฉันถามเมื่อมองไปรอบ ๆ เพราะคอนโดมีหลายห้อง และกว้างเท่า ๆ บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ
"ห้องฉันไง" จีซัสที่ถอดเสื้อผ้าออกอย่างหน้าไม่อาย และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
"อะไรนะ" ฉันถามกลับไปขณะที่เจ้าตัวกำลังจะถอดกางเกงของตัวเอง
"ก็คอนโดฉันมีห้องนอนห้องเดียว" เขายักไหล่ตอบพลางแกะกระดุมที่กางเกงของตัวเอง
"นายจะแก้ผ้าต่อหน้าฉันเนี่ยนะ หัดอายซะบ้างสิ" ฉันเอามือปิดตาตัวเอง ก่อนที่จะเห็นอะไรไปมากกว่า ซิกแพ็กและรอยสักของเขา... บ้าจริง!
ฉันปิดตาและยืนหันหลังให้เขาทันที
"เธอจะถอดเสื้อผ้าด้วยก็ได้นะ ฉันก็ชอบความเท่าเทียมนะ" เสียงของจีซัสกระซิบที่ข้างใบหูของฉันอย่างแผ่วเบา
"เธอเห็นของฉัน ฉันเห็นของเธอ" หมอนั่นยังไม่หยุดพูดจาลามปาม
"ไอ้บ้า ฉันไม่ได้โรคจิตเหมือนนายนะ" ฉันใช้มือข้างหนึ่งปิดตา อีกข้างหนึ่งผลักตัวของเขาออกไป แต่ว่า...
จีซัสก็ฉวยโอกาสนี้จับมือของฉันไปวางทาบบนแผ่นอกของเขา
"จับดูสิ ใคร ๆ ก็อยากสัมผัสทั้งนั้น" เขาจับมือของฉันลูบไล้ลงต่ำไปยังร่อง Six pack
"ปล่อยนะ จีซัส" ฉันที่พยายามจะชักมือออกมา แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ไหว
"ปล่อยในได้ปะ" เขาพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าชวนสยิวกิ้วแปลก ๆ
"อี๋! ขนลุก" ฉันแขวะกลับไปอย่างรังเกียจ
ฉันลืมตาจ้องเขาอย่างตาเขม็งทันที
"นี่ ๆ ๆ" จีซัสขึ้นเสียงทันที
"ยังไงซะ เธอก็จะเป็นภรรยาฉันในอีกไม่กี่วันนี้แล้วนะ เอากันคืนนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร" เขาเอาลิ้นดุนแก้มและพูดจาสื่อไปทางอนาจารอย่างไม่ยอมหยุด
"ไม่มีทาง" ฉันขึ้นเสียงกลับไปทันที
"มันเป็นเรื่องธรรมชาติปะ" จีซัสบ่นอย่างหงุดหงิดใส่ฉัน
"ถ้ามีเซ็กซ์กับเธอไม่ได้ ให้ไปมีกับใคร" เขาเลิกคิ้วถามกลับมาอย่างเจ้าเล่ห์
"ก็แล้วแต่นายสิ" ฉันผลักตัวของเขาออกห่างทันที
จีซัสหยุดนิ่งไปชั่วครู่ และมองหน้าของฉันอยู่แบบนั้น
"แต่ฉันจะไม่ยอมมีอะไรกับนายเด็ดขาด" ฉันพูดอย่างหลบสายตา
จีซัสเลียริมฝีปากของเขา ก่อนจะพ่นลมหายใจที่มีแต่กลิ่นเหล้านั้นใส่หน้าของฉัน
"งั้นฉันถือว่าเธอพูดออกมาแล้วนะ" จีซัสพูดออกมาทันทีด้วยท่าทีจริงจัง
"เพราะฉะนั้น เวลาที่ฉันไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น เธอจะได้ไม่ตามมาขัดขวางหรือทำอะไรแบบวันนี้อีก" เขาพูดเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวนั่นเดินเข้าห้องน้ำไป อย่างไม่รอให้ฉันได้เถียงอะไรกลับไป
"นี่ฉันโดนว่ากระทบงั้นหรอ" ฉันได้แต่ถามไล่หลังเขาไป แต่เขาก็ไม่ได้สนใจใด ๆ
"คนหื่นกามเอ๊ย ไอ้ตาบ้า!" ฉันด่าคู่หมั้นหน้าฝรั่งผู้บ้ากามของตัวเองไปอย่างหงุดหงิดใจ
~~ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด~~
ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู
-เกี๊ยว-
"ฮัลโหลแก คิดถึงจัง" ฉันรับสายยายรูมเมตเพื่อนสนิทที่สุดของฉันทันที
"ทำไมฟังเสียงดูไม่ค่อยดีเลยอะ" ปลายสายตอบกลับมาราวกับรู้ทัน
"ฉันใกล้จะแต่งงานกับอิพี่จีซัสคนนั้นแล้วน่ะ" ฉันเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทไป เพราะยายเกี๊ยวเองก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ก็ฉันเคยเล่าให้นางฟัง
"คนที่แกโชว์รูปให้ฉันดูอะนะ ที่หล่อ ๆ สักเท่ ๆ" ยายนั่นจินตนาการถึงจีซัสไปไกลเอามาก ๆ
"เขาคือคนไม่เอาไหนต่างหาก" ฉันพูดขัดไปก่อนที่ยายเกี๊ยวจะวาดฝันไปมากกว่านี้
"ทำไมเพื่อนที่แสนดีของฉัน ถึงนินทาคู่หมั้นตัวเองด้วยน้ำเสียงนี้ล่ะ"
"ว่าแต่แกโอเคไหมอะ" ยายเกี๊ยวถามขึ้นด้วยความห่วงใย
"คนที่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก มันจะอยู่กันแบบมีความสุขได้ยังไง" ฉันพูดไปพลางถอนหายใจและมองตรงไปที่วิวด้านนอกหน้าต่างนั่น
"ถ้าไม่โอเคจริง ๆ ลองคุยกับพ่อแม่ดูอีกทีไหม" ยัยเกี๊ยวถามกลับมาเพื่อช่วยฉันหาทางออก
"ไม่ล่ะ ฉันสัญญากับปู่เอาไว้แล้วว่าฉันจะช่วยเขา" ฉันนึกถึงสัญญานิ้วก้อยของตัวเองกับปู่ที่จากไปแล้ว
"ทุกครั้งที่ฉันสัมผัสจีซัส ฉันเจอแต่ความมืด มองไม่เห็นอะไรเลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง" ฉันเล่าไปโดยนึกย้อนกลับไปในความรู้สึกเหล่านั้น ทุก ๆ ครั้งที่ฉันสัมผัสร่างกายของเขา
"รู้แค่ว่า ถ้าฉันอยู่ตรงนี้เขาจะปลอดภัย" ฉันพูดไปอย่างไม่คิดอะไร
"ฉันพอเข้าใจแกนะ" ยายเกี๊ยวก็ทำได้แค่รับฟังฉันระบายไปเท่านั้น แล้วก็รับฟังแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ
"งั้นเปลี่ยนมาพูดเรื่องของฉันดีกว่า" ยายเพื่อนรักก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
"ฉันได้งานแล้วนะแก เป็นผู้ช่วยด้านการตลาดของบริษัท TC บริษัทขายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง" ยายเกี๊ยวเล่าเรื่องของตัวเองอย่างตื่นเต้น
"จริงดิ อิจฉาจัง" ฉันรับฟังอย่างตื่นเต้นไปกับเพื่อนด้วย
"แกมีโอกาสได้หางานทำ ส่วนฉันหน้าที่แรกหลังเรียนจบก็คือแต่งงานเลย" ฉันมองแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายที่น้าแหม่มบังคับให้ใส่เอาไว้
"แกน่ะเรียนเก่งขนาดที่สอบเทียบ Pass ชั้นขึ้นมาได้ตั้งสองปี แน่นอนว่าทางบ้านจีซัสเขาต้องให้แกเข้าไปช่วยในกิจการของเขาอยู่แล้ว" ยายเกี๊ยวพูดขึ้นด้วยเสียงภาคภูมิใจในตัวของฉัน
"มีลูกสะใภ้เรียนเก่ง แสนดีแบบแก" เพื่อนรักยังคงเอ่ยชมคอยให้กำลังใจฉันเสมอ
"อื้ม" ฉันทำได้แค่ถอนหายใจตอบกลับไปอย่างทำใจ
"แต่อีกเรื่องที่ฉันต้องบอกแกก็คือ ฉันถูกบริษัทเสนอชื่อให้ไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ที่อเมริกาหนึ่งปี เป็นการเรียนรู้งานน่ะ...และเดินทางอาทิตย์หน้านี้แล้วนะ"
"ฮะ ?" ฉันช็อกอีกระลอก เมื่อสิ่งที่ฉันมองเห็นในนิมิตเกี่ยวกับเกี๊ยวเพื่อนสนิทของฉัน มันเริ่มใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ
"พรุ่งนี้ฉันเลยอยากนัดเจอแกสักหน่อย ไปเยี่ยมมิลินด้วยกัน เพราะหลังจากพรุ่งนี้ฉันคงยุ่งมาก"
"ได้ดิ ๆ" ฉันตอบไปอย่างไม่ต้องคิดเลย
"แต่ฉันคงไม่ได้ไปงานแต่งแกนะ" ยายเกี๊ยวพูดด้วยเสียงเศร้า ๆ
"โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยจริง ๆ" ฉันตอบไปอย่างฝืนยิ้ม
"งั้นพรุ่งนี้ เจอกันนะ"
"โอเค" ฉันพยักหน้าตกลงไป
"ฝันดีแก เจอกันพรุ่งนี้" ฉันพูดตอบไปเมื่อเห็นว่าจีซัสกำลังเดินมาทางนี้พอดี
จีซัสที่ผมยังเปียก ๆ เดินตรงเข้ามาหาฉันทั้งที่เปลือยท่อนบนโชว์เรือนร่างของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ กับฉัน ก่อนจะกดเปิดทีวีดู และเช็ดผมที่เปียกโชกของเขาไปพลาง ๆ
"ที่คอไปโดนอะไรมาอะ" ฉันถามอย่างตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่า จีซัสมีรอยแดงขึ้นที่ต้นคอ เป็นรอยช้ำ ๆ อย่างเด่นชัด
"คอฉันหรอ" เขาถามและเอามือลูบจับเบา ๆ ก่อนจะกลั้นขำใส่หน้าของฉัน
"ตลกอะไรอะ" ฉันเสียเซลฟ์เล็กน้อย
"ยัยเด็กน้อยเอ๊ย" เขาส่ายหน้าไปมา ๆ ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ ฉัน
"เธอนี่มันไม่รู้อะไรซะเลย" เขาพ่นลมใส่เหม่งของฉันแล้วหัวเราะลั่น ก่อนจะลดใบหน้าลงมาใกล้ ๆ ทำให้ปลายจมูกของเขาชนกับจมูกของฉัน
ขณะที่ฉันพยายามจะถอยหลัง มือของจีซัสก็โอบแผ่นหลังของฉัน ดันเบา ๆ ให้ฉันเผชิญหน้ากับเขา
"ฉันถูกแวมไพร์กัดมาน่ะสิ" เขาพูดด้วยมาดกวน ๆ
"แวมไพร์มีอยู่จริงหรอ" ฉันถามไปอย่างไม่แน่ใจเพราะฉันไม่ได้โตเมืองนอกเหมือนเขา
"ใช่ และตอนนี้ฉันเองก็กลายเป็นแวมไพร์แล้วเหมือนกัน" เขาขยี้จมูกโด่งนั่นกับจมูกของฉัน
"เธออยากเป็นบ้างไหมล่ะ" ริมฝีปากที่ใกล้จนแทบจะแนบชิดกับริมฝีปากของฉัน
"มะ...ไม่" ฉันตอบกลับไปอย่างสั่น ๆ วิธีการหยอกล้อ หยอกเล่นของเขาทำเอาฉันนิ่งแข็งเป็นหินราวกับถูกสาป แต่เจ้าตัวกับยิ้มอย่างหน้าระรื่นที่ได้แกล้งฉัน
แน่นอนว่าไม่เคยมีใครเล่นกับฉันแบบนี้มาก่อน เอาจมูกชนกัน พ่นลมหายใจอุ่น ๆ ใส่หน้าของฉัน
มือของเขาโอบที่เอวบางของฉัน และดันแผ่นหลังให้เข้ามาประชิดแผ่นอกของเขา
ริมฝีปากของเขาเกือบจะชนกับปากของฉัน ราวกับว่าเรากำลังจะจูบกันอะไรแบบนั้น ทำเอาฉันนั่งนิ่งอย่างไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียวจนแทบจะหยุดหายใจ
"Good night" ริมฝีปากที่เปล่งเสียงออกมากระทบกับริมฝีปากของฉันอย่างบางเบา
"ตอ-มอ-ตอ" จีซัสพูดด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนจะค่อย ๆ คลายมือที่โอบหลังของฉัน และค่อย ๆ ถอนริมฝีปาก ปลายจมูก และใบหน้า แววตาสีเทาเข้มของเขาห่างออกไป
หลังจากที่จีซัสลุกขึ้นจากโซฟาและเดินเข้าห้องนอนเขาไป โดยทิ้งให้ฉันนั่งเอ๋ออยู่ที่เดิม