BAD MAFIA 3
พรึ่บ! เสื้อสูทสีเทาถูกโยนมาบนหน้าตักของเอริณ ก่อนที่ร่างสูงจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาลูกน้องให้มาเก็บกวาดสิ่งที่เขาทำไว้เมื่อสักครู่
(ครับนาย)
“พวกมึงอยู่ไหน” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ หลังจากที่เขาขับรถออกมาจากผับอย่างรวดเร็ว มันทำให้ลูกน้องขับรถตามมาไม่ทัน ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
(กำลังขับตามนายไปครับ)
“รีบมาอย่าให้กูหงุดหงิดไปมากกว่านี้” เสียงน่าเกรงขามเอ่ยขึ้นทำให้คนที่กำลังนั่งฟังเกิดความรู้สึกบางอย่าง
(เกิดอะไรขึ้นครับนาย)
“หมาลอบกัด...”
“...เก็บกวาดมันให้เรียบร้อย”
(ครับนาย) นิ้วหนากดวางสายลูกน้องก่อนจะเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ เขาไม่ได้พูดอะไรกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถกับเขา มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศภายในรถกับเสียงเร่งเครื่องยนต์เคลื่อนตัวไปด้านหน้า
“เอ่อ...คุณจะพาฉันไปไหนเหรอคะ” เอริณที่มองอีกคนหนึ่งด้วยแววตาสั่นจากเหตุการณ์อุกอาจเมื่อสักครู่
“...” เขาไม่ได้ตอบอะไร ทำให้หญิงสาวอึดอัดกับการกระทำของเขา
“คุณช่วยไปส่งฉันที่คอนโดได้ไหมคะ...”
“...คอนโดSอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยฮิลล์” เอริณเลือกที่จะพูดต่อเมื่ออีกคนไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา
“...” ชายหนุ่มปรายตามองหญิงสาวข้างๆตัวเล็กน้อยก่อนจะเหยียบคันเร่งจนหลังบางกระชากตัวติดเบาะอย่างแรง เอริณมองการกระทำของชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าอีกคนกำลังทำตัวไร้มารยาท
พรึ่บ! หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาโทรหาลูกน้องของพ่อเธอเพื่อให้พวกนั้นมารับเธอที่นี่ตอนนี้
“ทำอะไร” เสียงเข้มของร่างสูงเอ่ยถามด้วยขึ้นมานิ่งเรียบ สายตาคมเข้มยังจดจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้าของทั้งคู่
“...” เอริณเป็นฝ่ายคนเงียบแบบที่อีกคนหนึ่งทำเมื่อเธอถาม เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนเป็นลูกน้อง
(ครับคุณหนู)
“มารับฉันที่ถนนxxx”
(ได้ครับ มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ)
“ไม่มีอะไร แค่รถเสีย”
(ครับ ผมจะรีบไป) นิ้วเรียวกดวางสายก่อนจะหันไปพูดกับอีกคนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“รบกวนจอดรถด้วยค่ะ”
“...” ชายหนุ่มปรายหางตามองร่างบาง ก่อนจะขับรถเคลื่อนมาจอดบริเวณข้างทางแต่ก็ยังไม่ปลดล็อกรถให้เธอซะทีเดียว
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ ไว้ฉันจะตอบแทนสิ่งที่คุณทำ” มือเรียวพยายามเปิดประตูเพื่อลงแต่เป็นเพราะอีกคนยังไม่ปลดล็อกรถให้กับเธอ
“ช่วยปลดล็อกรถให้ฉันด้วยค่ะ”
“นั่งอยู่ในนี้จนกว่าคนของเธอจะมา”
“ไม่เป็นไร ฉันลงไประ...” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบร่างเล็กก็ถูกกระชากเข้าไปใกล้ก่อนใบหน้าคมจะโน้มลงประกบปากเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
จ๊วบบบบ~ มือเล็กทั้งสองข้างพยายามดันหน้าอกของอีกคนให้ออกห่างจากตัวเธอแต่เรี่ยวแรงจากเหตุการณ์ในตอนนั้นมันหายไปจนเกือบหมด เธอไม่สามารถขัดขืนการกระทำอีกคนได้เลย
“คุณทำบ้าอะไร!!” เอริณตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออดเมื่อผู้ชายตรงหน้าถอนจูบออก เธอรู้สึกโมโหที่ถูกอีกคนคุกคามร่างกาย
“นั่งเงียบๆ ฉันไม่ชอบเสียงดัง”
“นี่คุณ! อยากตายรึไง!” หญิงสาวตะคอกเสียงดังเมื่ออีกคนไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ทำลงไป
“อยากตาย?” เขาทวนคำพูดของหญิงสาวที่ฟังยังไงๆ มันก็คือการข่มขู่
“...” เอริณสะบัดหน้าหนีไปอีกทางพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ เธอพยายามจะสะกดอารมณ์ที่จะพยายามไม่ให้พุ่งเข้าไปบีบคออีกคนด้วยมือเธอเอง
“ถ้าฉันอยากตาย เธอจะทำอะไรฉัน?” มือหนากระชากอีกคนให้หันมามองตัวเอง ก่อนจะเลื่อนมือจับคางเรียวนั้นอย่างถือวิสาสะ
“...”
พรึ่บ! กระบอกปืนพกถูกโยนลงมาที่ตักของคนตัวเล็ก ก่อนเสียงเข้มจะเอ่ยขึ้น
“ยิงฉันสิ ฉันอยากตาย”
“คุณเป็นบ้ารึไง!” เอริณตะคอกถามอีกคนด้วยความโมโหอีกครั้ง เธอหัวเสียกับเรื่องนั้นไม่พอ ยังต้องมารับมือกับเขาอีกงั้นหรอ
“ก็เธอถามฉันเองไม่ใช่เหรอว่าฉันอยากตายใช่ไหม...”
“...ฉันกำลังตอบเธออยู่นี่ไง” เขาถามเสียงเรียบแต่สวนทางกับแรงที่บีบปลายคางของหญิงสาว
“...” เอริณมองแววตาเยือกเย็นของคนตรงหน้าก่อนจะปัดมืออีกคนออกจากคางตัวเอง
“หึ ถ้าไม่แน่จริง อย่าพูด” มาเฟียหนุ่มปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระก่อนจะมีรถยนต์คันหรูขับมาจอดต่อท้ายรถของเขา
“ปลดล็อกรถ” เอริณพูดด้วยน้ำเสียงสั่งให้อีกคนทำตามที่เธอต้องการ
พรึ่บ! เขาปลดล็อกรถโดยไม่พูดอะไร หญิงสาวเปิดประตูรถทำท่าจะลงไปไร้คำขอบคุณจากเธอ
“เดี๋ยว!” เสียงเข้มขัดขึ้นในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเหวี่ยงประตูรถปิดอย่างแรง
“...” เธอมองเข้าไปในรถเล็กน้อย
“ฉันชื่อ...ฮาเดส”
ปัง! เสียงประตูรถหรูถูกปิดอย่างแรงหลังจากสิ้นเสียงของเขา
“คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ฉันไม่เป็นอะไร” หญิงสาวพูดพลางเดินขึ้นมาจากรถแต่นึกขึ้นได้ว่างเธอได้เอาเสื้อสูทของอีกคนมาด้วย เธอกำลังจะหันกลับไปที่รถนั้นอีกครั้งแต่รถซูเปอร์คาร์คันหรูก็ขับออกไปแล้ว
“แล้วรถคันนั้น...ใครครับ?”
“คนที่มาช่วยฉัน”
“คุณหนูไม่เป็นอะไรแน่ใช่ไหมครับ” สายตาของฟาริสสำรวจร่างกายหญิงสาวดูว่ามีตรงไหนที่บาดเจ็บรึเปล่า เพราะถ้าหากว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้านายตัวเองเกิดอันตราย เจ้านายเขาคงฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องแน่ๆ
“อืม ฉันไม่เป็นไร”
“ตรงจุดที่รถคุณหนูจอดมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนบนพื้น...”
“...และมีปลอกกระสุนปืนตกอยู่ตรงนั้นด้วย แน่ใจใช่ไหมครับว่าไม่มีอะไร?” ฟาริสเอ่ยถามเจ้านายอย่างคาดคั้นอีกครั้ง พอเขาเห็นรอยเลือดนั้นก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ของหญิงสาวแน่นอน
“ฟาริส อย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อเด็ดขาด” เธอเอ่ยห้ามมือซ้ายของพ่อตัวเองด้วยน้ำเสียงขอร้อง ไม่ใช่สั่งอย่างที่พ่อเธอชอบทำ
“แต่นายใหญ่ควรรู้นะครับ”
“...” แววตาของหญิงสาวเปลี่ยนไปเมื่ออีกคนพยายามพูดแบบนั้น เพราะถ้าพ่อเธอรู้ มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เธอรู้จักนิสัยของพ่อตัวเองดี...มาเฟียอย่างท่านไม่มีทางยอมให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีเด็ดขาด
“ครับ ครั้งนี้ผมจะไม่บอกนายใหญ่...”
“...แต่ผมจะไม่ปล่อยคุณหนูไปไหนมาไหนเองอีกแล้วนะครับ” ฟาริสพูดเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเปิดประตูให้เอริณขึ้นนั่งด้านบน
“ตามใจ” เธอพูดอย่างเหนื่อยใจก่อนจะขึ้นมานั่งบนรถ ทอดสายตามองไปข้างถนนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกือบทำให้เธอตาย ถ้าไม่ได้เขาคนนั้นมาช่วยไม่รู้เธอจะเป็นยังไงบ้าง หญิงสาวพลางนึกถึงชื่อผู้ชายคนนั้นที่เขาบอกกับเธอ
“ฮาเดส...งั้นเหรอ”