ex-husband : ไม่ใช่เพื่อน
สามวันต่อมา...
วันนี้ฉันเดินทางมาที่ผับของนาฟที่เป็นเพื่อนของหวาย จะเรียกว่าเพื่อนของฉันด้วยก็ได้
แต่ต้องบอกว่าเป็นเพื่อนอีกกลุ่ม
ที่มาวันนี้คือมานัดกันตกลงกันเรื่องที่จะทำบุญครบรอบวันตายของหวาย ตัวตั้งตัวตีของงานนี้ก็คือน้ำใจซึ่งเป็นคนรักของหวาย แม้ตายจากกันแต่ก็ยังคงไม่หาใครมาแทนที่หัวใจ
ฉันรู้ว่าทั้งสองคนรักกันมาก แต่ก็ทำไม่ดีด้วยกันมามากเช่นกัน
ฉันขอพูดในฐานะคนกลาง ไม่ใช่ในฐานะพี่สาวที่ไม่มองความผิดที่น้องชายได้ทำกับคนอื่นเอาไว้ เพราะว่าฉันรู้อยู่แล้วว่าน้องชายของฉันผิดจริง
ซึ่งตรงนี้มันก็ทำให้ฉันกับพ่อเพิ่มความไม่เข้าใจกันเข้าไปอีก
“สวยขึ้นเยอะเลย” นาฟพ่อหนุ่มปากหวานเอ่ยแซว เขาออกมารับฉันที่หน้าร้านน่ะ
“จะบอกว่าเมื่อก่อนไม่สวยหรือไง”
“เมื่อก่อนก็สวย ถ้าไม่สวยนาฟจะแอบรักได้ไง”
“เลิกมาปากหวานใส่เลยได้ข่าวว่ามีลูกแล้ว แถมยังได้เมียสุดที่รักกลับมาแล้วด้วย” ฉันพูดดักทางนาฟ ได้ฟังเรื่องของนาฟมาจากน้ำใจน่ะ
“กลับมาก็จริง แต่ใจแข็งชะมัด วางยาดีไหมวะแหวน”
“นาฟกำลังกัดแหวนอยู่ใช่ไหม” ฉันบึ้งตึงใส่นาฟ คนนี้แหละที่ขายยาให้ฉันได้เอาไปใส่ให้ดินกิน
“ร้อนตัวอีกแล้วไง อย่างนาฟเนี่ยนะจะกล้าแขวะแหวน นาฟไม่ใจกล้าขนาดนั้นครับ”
“อย่างนาฟไม่กล้าใครจะกล้า” นาฟเนี่ยนะจะไม่กล้า เขาบ้าดีเดือดกว่าฉันหลายเท่า มีอะไรบ้างที่นาฟไม่กล้า
“ไม่เอาละ ไม่เถียงกับแหวนดีกว่า ปะเข้าข้างในกัน” นาฟยกมือขึ้นมาคล้องที่คอของฉัน
เราก็ค่อนข้างสนิทกัน แต่ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ไง
“ถึงแหวนจะไปอยู่ต่างประเทศมา แต่แหวนก็ไม่ได้ปล่อยตัวนะนาฟ” ฉันว่าพลางจับแขนของนาฟออก
“อ่า ขอโทษครับ” นาฟหน้าเจื่อนลง อาจจะเพราะเห็นว่าฉันจริงจังมั้ง
“แต่ว่ากอดแขนได้อยู่นะ ขอควงสักวันแล้วกัน ไม่กลัวเมียโกรธใช่มะ” ฉันคล้องแขนนาฟและซบหน้าลงที่แขนของเขา
ถือตัวเกินไปก็ไม่ดี เอาพอดิบพอดีสำหรับฉันก็แล้วกัน
“หึ ต่อให้นาฟไปเอากับคนอื่น คนดีก็ไม่สนใจหรอก แหวนก็รู้ว่าเมื่อก่อนคนดีไม่เคยรักนาฟ ตอนนี้ก็ไม่รักเหมือนกัน” พูดถึงเมียตัดพ้อขึ้นมาเชียว
คนดีภรรยาของนาฟ คือคนดีคนเดียวกับที่อดีตสามีของฉันรัก
ฉันก็ไม่ได้เกลียดเธอนะ เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ฉันอยู่ในจุดที่พูดกับเธอไม่ได้
เพราะฉันกลายเป็นนางมารร้ายในสายตาของดิน ฉันไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับคนดี นั่นคือสิ่งที่ดินขีดเส้นตายไว้ ดินไม่เคยพูด แต่เขาบอกฉันผ่านดวงตาของเขา
“อะไรกัน พูดหมือนน้อยใจเมียมากเลยนะนาฟ ปกตินาฟไม่ใช่คนแบบนี้นิ”
“เจอของจริงมั้ง เลยกลัวว่าทำอะไรก็จะผิดไปหมด”
“หือ พ่อหนุ่มหัดรักน่าสงสารจริง ๆ”
“ใช่ นาฟน่าสงสารที่สุดแล้ว” พูดและโน้มศีรษะมาเอนซบที่ไหล่ของฉัน
“จ้ะ แต่ถ้านาฟอยากให้เราแนะนำนะ เราจะบอกนาฟว่าเลิกธุรกิจสีดำให้ได้ก่อน แล้วก็เลิกกะล่อนซะ” ฉันบอกพร้อมขยับตัวออกจากนาฟ คนอะไรชอบแทะเล็ม เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอา
“หืม ถ้านาฟเลิกจริง แล้วถ้าเกิดแหวนอยากได้ยาแบบรอบก่อน นาฟก็จะหาให้แหวนไม่ได้แล้วอะดิครับ” ก็ไม่พ้นวกกลับมาแขวะฉัน
“จบ พอ แหวนไม่คุยกับนาฟละ” ฉันตัดบทจบที่ตรงนั้น นาฟหัวเราะและเปิดประตูให้ฉันเดินเข้ามาในห้องที่นัดกับเพื่อนเอาไว้
“แหวนกินเหล้าใช่มะ” น้ำใจแฟนของหวายถามเมื่อฉันนั่งลงข้างเธอ
“อ่า ใช่ ๆ แล้วทำไมมีแก้วอีกที่ ใครเปิดตัวแฟนอะ” ฉันถามเมื่อเห็นที่ว่างอีกที่ซึ่งมีแก้วเหล้าอยู่ตรงนั้นด้วย
“แหะ ๆ นาฟลืมบอกว่าไอ้ดินมาด้วย มันเสร็จงานเร็วน่ะ แหวนไม่ถือใช่ไหมครับ” เสียงอ่อนมาเชีวย คนอย่างนาฟไม่ใช่ว่าลืมหรอก
จงใจหลอกฉันมากกว่า
ฉันรู้ว่ามันทำให้เพื่อนค่อนข้างลำบากใจ ถ้าหากว่าคนหนึ่งมา อีกคนต้องห้ามมา
เชื่อไหมว่าเมื่อก่อนเวลาที่จะรวมกลุ่มกันที ฉันกับดินเราต่างคนต่างมาทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียว นอนห้องเดียวกัน
ฉันน่ะไม่เคยได้พึ่งพาอะไรเขาสักครั้ง และเขาก็ไม่เคยเสนอตัวด้วย
สิ่งที่ฉันเกลียดมาตลอดสำหรับผู้ชายชื่อ ‘ดิน’ คนนี้คือความเฉยชา เหมือนว่าฉันไม่เคยอยู่ในสายตา
มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของใครหลายคน แต่สำหรับฉันมันคือเรื่องที่เลวร้ายที่สุด เขาไม่เคยด่าคำหยาบ หรือทำร้ายร่างกาย
แต่ทุกครั้งที่เขามองฉันคือการก่นด่าทางสายตาที่ฉันรู้สึกได้
และฉันไม่เคยคิดจะพาตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นอีก
“ก็เพื่อนกันทั้งนั้น เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ใช่ไหมแหวน” เสียงของเรซเพื่อนอีกกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มของน้องชายฝาแฝดฉัน เรซกำลังพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้นหลังจากที่นาฟบอกให้ฉันรู้ว่าใครบางคนนั้นมาที่นี่ด้วย
“แหวนไม่นับผู้ชายที่เคยนอนด้วยเป็นเพื่อน” ฉันพูดตรง ๆ ใครกันจะอยากเป็นเพื่อนกับคนที่ทำให้เราเจ็บ แม้ว่าความเจ็บที่ได้รับ 90% จะเป็นฉันที่วิ่งเข้าไปหาเองก็เถอะ
แต่แล้วเสียงจากด้านหลังของฉันก็ดังขึ้น เสียงที่ฉันเคยคุ้นเมื่อนานมาแล้ว ถึงเป็นคำสั้น ๆ แต่ฉันก็รู้ว่าเขาเป็นใคร
“หึ” เสียงและตัวมาพร้อมกัน เจ้าของร่างสูงเดินไปนั่งที่ว่างตรงที่ฉันทักไปก่อนหน้า ซึ่งมันอยู่ตรงข้ามกับฉัน ฉันมองเขาแค่เพียงเล็กน้อยและเบือนหน้าหนี
เชื่อเถอะว่าไอ้เสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอนั้นเป็นคำสั้น ๆ แต่มันมีความหมาย
และความหมายของเขาก็คือ ‘คิดว่าฉันยังอยากจะได้เขาอยู่ไง’
“เอ่อ เรซว่าเรามาดื่มให้กับการกลับมาของแหวนกันเถอะ” ก็เป็นเรซอีกตามเคยที่พยายามปรับสถานการณ์อึมครึมนี้
“ใช่ ๆ แล้วนี่แหวนคิดออกหรือยังว่าจะทำอะไร” น้ำใจตามน้ำไปกับเรซ เพื่อนของฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องกันสุด ๆ
“ยังไม่รู้เลย ยังตัดสินใจไม่ได้” ฉันยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ จากนั้นฉันก็นั่งกดโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่เพื่อนเริ่มพูดคุยเรื่องครบรอบวันตายของหวาย ฉันนั่งฟังเงียบ ๆ และดื่มไปด้วย เมื่อเพื่อนตกลงทุกอย่างได้แล้วฉันจึงคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องทนอึดอัดอีกต่อไป อีกอย่างคือเรื่องงานครบรอบน้ำใจวางแพลนไว้หมดทุกอย่างแล้ว ฉันจึงไม่จำเป็นต้องออกความเห็นอะไรอีก น้ำใจอยากให้งานออกมาในแบบที่เธอต้องการ
“ถ้างั้นแหวนกลับนะ แล้วถ้ายังไงเดี๋ยวแหวนเข้าไปหาน้ำที่บ้าน จะไปเล่นกับน้ำทิพย์ด้วย” ฉันบอกพร้อมสะพายกระเป๋าลุกขึ้นยืน
ถึงฉันจะตัดใจ ยอมถอยออกมาจากโลกของดินแล้ว แต่ฉันก็ไม่ใช่พวกชอบฝืน ทำเป็นสตองว่าโนสนโนแคร์แค่ผัวเก่า ใช้ชีวิตร่วมกันได้
เพราะสำหรับฉันนั้นอยู่ให้ห่าง และอย่ามาพูดกันจะดีที่สุด
จบคือจบ!
ไม่ยืดเยื้อ
เพราะฉันถือว่าที่ผ่านมาฉันยื้อมามากพอแล้ว
“อ้าว กลับไง” เป็นนาฟที่ถาม
“แท็กซี่ไง”
“นึกว่าขับรถมา” เรซพูด
“ไม่ได้เข้าบ้านน่ะ ไม่อยากทะเลาะกับพ่อ เหนื่อย ไปนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวนาฟไปส่ง”
“ไม่ต้องอะ บ้านนาฟคนละทางกับคอนโดแหวน นาฟก็รีบกลับบ้านนะ”
ฉันบอกลาเพื่อนและเดินออกจากห้องวีไอพี เดินออกมาทางด้านหลังร้าน ด้านหน้าลูกค้าเยอะ ฉันไม่ชอบเบียดกับใคร
ต่อมาฉันมายืนรอแท็กซี่หน้าร้านของนาฟ คือนาฟก็จะให้เด็กที่ร้านไปส่งฉันนะ แต่ว่าฉันปฏิเสธ ไม่อยากรบกวนเพื่อน ฉันช่วยเหลือตัวเองได้
รอไม่นานแท็กซี่ก็จอดรับฉัน
“ไปคอนโด ×××”
“ครับ เอ่อ! เพื่อนคุณเหรอครับ” คนขับแท็กซี่ถามเนื่องจากมีคนเข้ามานั่งในรถ เบาะข้างฉัน
“อะไร” ฉันหันไปถามคนข้างกาย สายตาที่มองคือ ‘ทำบ้าอะไร’
“...” การเงียบคือเรื่องปกติสำหรับผู้ชายคนนี้ไปแล้วหรือไง
“ยังไงครับคุณ” คนขับแท็กซี่ถามจี้ ฉันจ้องหน้าดินเพื่อรอคำตอบ แต่เขามองออกไปนอกกระจก ทำหูทวนลม
“ไปตามที่หนูบอกเลยค่ะลุง ส่วนเขาจะลงที่ไหนถึงตอนนั้นลุงค่อยถามเขาแล้วกันค่ะ” นี่คือการตัดปัญหาสำหรับฉัน
ก็แค่ทนหายใจภายในรถคันเดียวกันแค่ไม่นาน ไม่นานเท่าไหร่หรอก