บทที่ 4 ต้องไม่เหมือน
คนโปรดผล็อยหลับไปเพราะความเพลีย กระทั่งตีสองของวันใหม่ เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงลมพัดกระทบกระจกหน้าต่าง หญิงสาวปรือตาขึ้นแล้วมองไปยังต้นทางของเสียง ปรากฏว่าข้างนอกฝนตกและลมกรรโชกแรง ต้นไม้ที่ตั้งอยู่ระเบียงด้านนอกล้มระเนระนาด
เสียงฟ้าผ่าดังโครมครามไปทั่วแผ่นฟ้า พานทำให้หัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว ภาพความทรงจำในวันวานแสนเลวร้ายผุดขึ้น เธอจึงลงไปนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับเอาผ้านวมมาห่อตัวไว้ ราวกับมันคือป้อมปราการแรกที่ป้องกันเธอจากอันตราย
คฤหาสน์หรูอีริค
ร่างสูงในชุดสบาย ๆ เดินลงมาจากชั้นสอง ในมือถือแก้วน้ำอุ่นเดินตรงไปที่ห้องเก็บไวน์ เสียงฟ้าร้องโครมครามทำให้เท้าทั้งสองข้างหยุดชะงักอยู่กลางห้องโถงที่เป็นทางผ่านไปที่ห้องเก็บไวน์
"นายต้องการอะไรหรือเปล่าครับ"
"วันนี้นายเข้าเวรเหรอ" อีริคละสายตาจากสายฝนโปรยปรายมามองหน้าลูกน้อง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเก็บไวน์โดยไม่รอคำตอบ เพราะรู้ว่าพาเวลต้องเดินตามเข้ามาอยู่ดี
"วันนี้ผมเข้าเวรครับ"
"ดื่มหน่อยไหม"
"ไม่ดีกว่าครับ"
"อืม"
"ตอนนี้ลูกน้องเรากำลังเร่งตามหาตัวเสี่ยธวัตรอยู่ครับ มันหลบหนีออกจากกรุงเทพ น่าจะไปกบดานที่ต่างจังหวัด"
"หาให้เจอ"
เงินไม่กี่สิบบ้านเขาไม่นึกเสียดายอะไรหากคนที่โกงไม่ใช่เสี่ยธวัตร คนบิดพลิ้วอย่างมันต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง
"แล้วนายจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนั้นครับ"
"ใคร"
คำถามของเจ้านายทำพาเวลงงเล็กน้อย
"ก็...คนโปรดน่ะครับ"
"ทำไม นายสนใจอยากรับช่วงต่อฉันเหรอ"
พาเวลก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย
"ผมไม่อาจเอื้อมครับ"
"หึหึ ไม่ได้เรื่อง" มุมปากหนายกยิ้มเย้ยหยัน เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกสักหน่อย เซ็กซ์ก็ไม่ได้เรื่อง มีดีแค่ร่างกายเท่านั้น
"แล้วนายจะเลี้ยงเธอไว้แบบนี้ ไม่กลัวไอ้ธวัตรมันได้ใจเหรอครับ"
"มันคงคิดว่าฉันหลงกลกับลูกไม้ตื้น ๆ หึ...ก็แค่ที่ระบายความใคร่ จะเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่ก็ย่อมได้"
"ครับนาย" พาเวลไม่ได้เอ่ยอะไรต่อจากนั้น เขาโค้งคำนับแล้วเดินออกมาจากห้องเก็บไวน์ ขณะที่บรรยากาศด้านนอกฝนยังไม่หยุดตกง่าย เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ายังคงดังโครมครามทั่วแผ่นฟ้าอยู่
ช่วงเวลานี้หลายคนคงหลับใหล มีเสียงฝนเป็นตัวขับกล่อม แต่สำหรับคนโปรดแล้ว เสียงฝนและเสียงฟ้าร้องเป็นเหมือนเครื่องทรมาน เธอยังคงนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ข้างเตียง สองมือยกขึ้นมาปิดหูตัวเองแน่น ไม่ให้ได้ยินเสียงฟ้าร้อง
เปรี้ยง!
"กรี๊ด!!" หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงอยู่ในห้องคนเดียว เสียงของเธอเล็ดลอดออกมาด้านนอก ลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเงี้ยหูฟัง
"เป็นอะไรหรือเปล่าวะ" สองหนุ่งหันมาคุยกัน
"ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ลูกพี่สั่งว่าห้ามเปิดประตูจนกว่าลูกพี่จะมา"
"เออ"
พวกเขาเลิกสนใจคนข้างในห้อง แล้วเฝ้าเวรยามต่อ
หลายชั่วโมงต่อมา
ท้องฟ้ามือครึ้มก่อนหน้า เมฆสีดำเริ่มคลายตัวออก แสงจากดวงอาทิตย์เริ่มเข้ามาให้ความสว่างในเช้าที่แสนสดใสหลังจากฝนหยุดตก
"อื้อ~" คนโปรดปรือตามองไปรอบห้อง ก่อนที่จะหยุดสายตาไว้ที่ประตูกระจกตรงระเบียง เธอคลายผ้าห่มออกจากร่างกายแล้วลุกขึ้น เดินออกไปที่ระเบียงเพื่อนำกระถางต้นไม้ที่ล้มจากลมพายุพัดเมื่อคืนขึ้นไปตั้งที่เดิมของมัน "แสงแรกของวัน" เธอไม่ได้รับแสงแดดมานานเท่าไหร่แล้วนะ อยู่กับเสี่ยธวัตรก็ถูกจองจำอยู่ใต้ชายคาที่มืดมิดตลอด ไม่รู้วันเวลาเลยด้วยซ้ำ
แกรก...
ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยพาเวล ชายหนุ่มนำชุดใหม่มาให้คนโปรด และอาหารเช้านี้
"กินซะ"
"ขอบคุณนะคะ คุณพาเวล"
"..." ลูกน้องหนุ่มหยุดชะงัดฝีเท้า แล้วมองหน้าคนที่เรียกชื่อเขาเมื่อครู่นี้ "เธอกับฉันไม่ได้สนิทกันถึงขั้นเรียกชื่อเล่นขนาดนี้ อย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้นอีก"
"ค่ะ" ก็เขาชื่อพาเวล เธอได้ยินอีริคเรียกเข้าเมื่อวานนี้เต็มสองหู แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงไม่ชอบให้คนไม่สนิทเรียกชื่อเล่นแบบสนิทสนมแบบนี้ "ข้าวไข่เจียวอีกแล้วเหรอ" เธอพึมพำกับตัวเอง แต่ดันเข้าหูพาเวลที่ยังไม่ทันได้ออกไปจากห้อง
"เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างหิวตายกับกิน ๆ ไปซะก็จบเรื่อง"
"..."!
คนโปรดก้มหน้างุด จากนั้นจึงตักข้าวไข่เจียวเข้าปาก เคี้ยวอย่างละเอียดค่อยฝืนกลืนมันลงคอ หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดตัวใหม่
เธอทำแบบนี้วนไปวนมาอยู่หลายวันโดยที่อีริคไม่เคยแวะเวียนมาที่นี่ นับตั้งแต่วันที่เขากับเธอมีอะไรกัน นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว
"หรือว่าเขามีเด็กในสต๊อกเยอะนะ แวะเวียนไปเสพสมความสุขกับเด็ก ๆ พวกนั้นอยู่เหรอ หรือว่าฉันทำให้เขาไม่พอใจเลยถูกทิ้งอยู่ที่นี่" หัวคิ้วมนย่นเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก
@สนามบิน
ผู้โดยสารขาเข้าประเทศทยอยเดินออกมาจากประตู หนึ่งในนั้นคือลูกพี่ลูกน้องอีริค เธอลากกระเป๋าเดินทางใบโปรดเดินออกมาพร้อมกับลูกน้องหนึ่งคน
"ฉันนึกว่าจะได้นั่งรถกลับบ้านคนเดียวซะแล้ว" ซินซินส่งยิ้มให้น้องชายที่มารอรับ แม้สีหน้าอีริคบ่งบอกชัดเจนว่าเขาเบื่อหน่ายแค่ไหนก็เถอะ
"ถือว่าเป็นเกียรติของเธอแล้ว ที่ฉันลดตัวลงมาขับรถมารับที่สนามบิน"
"หึหึ จะกี่ปีก็ยังไม่เลิกหลงตัวเองนะ"
"ไปได้แล้ว" อีริคเดินออกมาก่อน จากนั้นซินซินก็เดินตามหลังน้องชายมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้า "กลับมาอยู่ไทยกี่วัน" อีริคปรายตามอง
"หลายเดือน"
"น่าเบื่อ"
"เหอะ! ปากดีไม่เลิกจริง ๆ แทนที่พี่สาวกลับมาจะดีอกดีใจวิ่งเข้ามากอดด้วยความดีใจ แต่เปล่าเลย" ซินซินเบ้ปากใส่ผู้เป็นน้องด้วยความเอือมระอาใจ "ดื้อด้าน!"
"หึหึ" อีริคแค่นหัวเราะอย่างนึกขำ "ฉันไปส่งเธอแค่หน้าบ้านนะ ขี้เกียจเข้าไปข้างใน"
"อืม เข้าใจได้" เธอไม่ห้ามน้องชายเพราะรู้จักนิสัยอีริคดี เขาไม่ชอบสนทนากับผู้ใหญ่และไม่ชอบการเสแสร้งฝืนยิ้มให้กันทั้งที่ลับหลังนินทาว่าร้ายกันอยู่
"เพื่อนเธอ...ไม่มารับที่สนามบินรึไง ไหนว่าสนิทกันมาก"
"แพกซ์น่ะเหรอ" หญิงสาวแสร้งเรียกชื่อเพื่อนสนิทคนเดียวของตัวเอง
"อืม"
"ฉันไม่ให้เขามาเอง"
"อืม" อีริคครางรับในลำคอโดยไม่มองหน้าพี่สาว
"นายเถอะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง"
"ยุ่ง ไล่ล่าไอ้ธวัตรอยู่"
"ฮะ! ไอ้เสี่ยลามกนั่นน่ะเหรอ"
"อืม"
"เพลา ๆ ลงหน่อยริค ภาพลักษณ์แกยิ่งไม่ดีอยู่"
"..." อีริคหันมามองหน้าซินซินด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะแย้มยิ้มเย็นเยือก "โลกไม่เคยใจดีกับฉัน ทำไมฉันต้องเป็นคนดีด้วยล่ะ"
"เฮ้อ..." ผู้เป็นพี่ถอนหายใจออกอย่างคิดไม่ตก เธอกับอีริคโตมาด้วยกันก็จริง แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว อีริคเป็นคนนิ่ง ๆ และเย็นชาไร้ความปรานี แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมเขาให้เป็นคนแบบนี้เอง "คาร์มิลเป็นไงบ้าง" เพื่อไม่ให้บรรยากาศน่าอึดอัดใจไปมากกว่านี้ เธอจึงเอ่ยถามน้องชายเสียงเรียบ
"ดี"
"โซลาร์ล่ะ"
"ก็ดี"
ซินซินยิ้มพอใจ ชื่อที่เธอกล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นชื่อม้าตัวโปรดที่เธอฝากอีริคเลี้ยงระหว่างที่ไปทำงานต่างประเทศ
ในห้องคอนโดฯ
คนโปรดนั่งอยู่บนเตียงนอน เธอมองแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"ไม่ได้ เราจะอยู่แบบนี้ไม่ได้" เธอเดินไปที่ประตูห้องแล้วเคาะเรียกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง "พอจะมียาแก้ปวดไหม ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ" ไร้การตอบกลับของคนด้านนอก คนโปรดจึงเคาะประตูเรียกอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ประตูถูกเปิดออกด้วยความหงุดหงิด
"เป็นอะไรอีกวะ"
"โปรดปวดท้องค่ะ ปวดเหมือนจะตาย"
"อะไรวะ ปวดก็อดทน เจ้านายไม่ได้สั่งอะไรไว้" ประตูกำลังจะปิดลง คนโปรดจึงเอาตัวเองไปขวางทางไว้
"ขอยาได้ไหมคะ โปรดไม่ไหวแล้วจริง ๆ"
"เข้าไป"
เธอถูกผลักเข้ามาในห้อง จากนั้นพวกเขาก็ปิดประตูอย่างแรง เธอไม่ได้เดินกลับไปที่เตียงแต่กำลังเอาหูแนบประตูฟังคนสองคนสนทนากันอยู่หน้าห้อง ได้ความว่าพวกเขากำลังเกี่ยงกันโทรไปหาพาเวลและรายงานเรื่องที่เธอไม่สบาย
หลายนาทีต่อมา
"ว่าไง" พาเวลรับสายลูกน้องเสียงเครียด เสียงของเขารบกวนอีริคที่กำลังนั่งทำงานอยู่เบาะหลังรถหรู หลังจากแวะไปส่งซินซินที่บ้านแล้ว
(นังผู้หญิงมันบอกว่าปวดท้องครับพี่ เอาไงดีครับ)
"ปวดท้อง เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย"
"อะไร" อีริคเอ่ยถามลูกน้อง
"ลูกน้องผมโทรมาบอกว่าคนโปรดไม่สบายครับนาย"
"..." อีริคเปิดโทรศัพท์ดูกล้องในห้อง ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มยากจะคาดเดา "หึหึ ลูกไม้ตื้น ๆ"
"เอาไงดีครับนาย"
"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
"ครับ"