BAD ENG' : 05
[? กล้าไหม...? ที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ]
-----------------
BAD ENG' : 05
วันสุดสัปดาห์ 21:20 น.
@SAM Club (เอสเอเอ็มคลับ)
ร่างสูงของตะวันก้าวขึ้นบันไดชั้นลอยสู่โซนวีไอพีแล้วตรงไปยังโซฟาทรงครึ่งวงกลมเนื้อกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มประจำแก๊ง ‘Disaster’ คำนิยามซึ่งได้มาจากชื่อของพวกเขาทั้งห้าและวีรกรรมหลายแหล่ที่ก่อไว้ร่วมกัน
“ไอ้จ้าวอะ?” มาถึงก็มองหาไอ้แฝดตัวดีที่ล่วงหน้ามาก่อนตั้งหลายสิบนาทีเป็นอันดับแรก แม้เจอหน้าจะใส่กันยับตลอด แต่พอไม่เห็นก็อดห่วงไม่ได้
“ไปเข้าห้องน้ำมั่ง”
ได้คำตอบเป็นน้ำเสียงนิ่งเรียบจากม่านหมอกที่ยังก้มหน้าจดจ่อกับไอโฟนของตัวเอง ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับตะวันทิ้งตัวลงนั่งชิดที่พักแขนฝั่งหนึ่ง ส่วนคนถัดไปซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วคือหนุ่มแว่นสุดเพอร์เฟกต์
“ได้ข่าวว่าไปตามจีบเด็กนิติอ๋อ?” พายุในท่านั่งไขว่ห้างเอี้ยวตัวมาข้างหน้าเพื่ออรรถรสในการสนทนาและเปิดประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม อารมณ์แบบคันปากอยากแซวขั้นสุด
“ข่าวไวปานหมาคาบมาบอก” ตะวันเอื้อมคว้าแก้วมาชงเหล้าพลางปรายตามองหมาตัวข้างๆ ส่งผลให้ไฟแกล้งหันซ้ายหันขวาคล้ายกำลังหาว่าหมาไหนที่มันกล้าคาบข่าวมาปล่อย “เนียนมากมั่ง”
“ไม่ต้องไปด่ามัน มึงอะอย่ามาเนียน สรุป?” เมื่อผู้ต้องหาเริ่มออกนอกประเด็น เด็กศิลป์ที่กลายร่างเป็นหน่วยสอบสวนจึงต้อนกลับพร้อมส่งสายตาคาดคั้น แถมไม่ใช่คู่เดียว ดูเหมือนตอนนี้ทุกคนจะละทิ้งโซเชียลไปชั่วขณะเพื่อรอฟังคำสารภาพ
แต่สิ่งที่ได้...
“อย่างกูต้องจีบด้วยเหรอ”
ทำปากดีรักษาฟอร์มไปงั้นแต่ข้างในหนักใจฉิบหาย ถึงจีบก็คงไม่ติดง่ายๆ เขารู้ดีว่าใบชาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะตกหลุมรักใครแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก ลมหายใจถูกผ่อนยาวผ่านปลายจมูกขณะทิ้งแผ่นหลังไปบนพนักพิงอย่างแรง ดวงตาเฉี่ยวคมหลุบน้ำเมาสีชาซึ่งหมุนวนอยู่แก้วแล้วนิ่งไปราวกับถูกสะกดจิต
ตะวันค่อยๆ จมดิ่งเข้าสู่ห้วงความคิดทีละนิด…ทีละนิด ส่วนอีกสี่หนุ่มก็หันมองหน้าแล้วยกยิ้มอย่างรู้กัน
“มั่นหน้า แถมปากดี มันน่าให้น้องมาตบเรียกสติอีกสักรอบ” ไฟถึงกับส่ายหน้าพรืด
“ยื่นหน้ารอเลย...มานู้นละ”
ทุกคนหันขวับไปตามจุดโฟกัสของสายลมยังกับจังหวะซิทคอม
“แม่ง…” ตะวันกัดฟันสบถไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าสาวสวยคนเดียวที่สามารถตบเขาได้เดินตามจันทร์เจ้ามาต้อยๆ ก่อนจะกระดกเหล้าลงคอพรวดเดียวจนหมดแล้วกระแทกแก้วเปล่าบนโต๊ะอย่างแรง
ปึก!
เสือกพามาในดงเสือดงเหี้ยทำห่าอะไร!?
สายตาคมกริบตวัดมองใบหน้าละม้ายคล้ายตนอย่างคาดโทษและได้รับเป็นรอยยิ้มมุมปากแสนร้ายกาจกลับมา จากนั้นก็เลื่อนไปสำรวจคนตัวเล็กในชุดเดรสเกาะอกแนบเนื้อสีดำสั้นเหนือเข่าและผ่ายาวขึ้นมาถึงต้นขาเนียนขาว ปิดจบที่เสื้อคลุมไหล่บางๆ สีเดียวกัน
ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ธรรมดา โดยรวมถือว่าโดดเด่นเอาเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ ทรวดทรงองค์เอว รูปร่างหรือหน้าตา ใบชาเข้าขั้นดูดีเกินกว่าจะเป็นแค่เด็กชนบท
“ว้าวๆๆ พาสาวที่ไหนมาครับเนี่ย” พายุทำเสียงทะเล้นเย้าหยอก แสดงสีหน้าตื่นเต้นแบบโคตรจะปลอม พร้อมเหลือบมองไปทางดวงอาทิตย์ที่เริ่มแผ่รังสีความร้อนกระจายทั่วร่าง
“น้องรหัสไอ้เฮียไฟน่ะ ชื่อใบชา” จันทร์เจ้าแสร้งแนะนำผู้มาใหม่ที่ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว ส่วนรุ่นน้องก็ได้แต่ยกมือไหวตามมารยาทด้วยหน้าตาใสซื่อ
ผิดจากความคิดตะวันซะที่ไหน นี่มันดงเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น!
“น้องรหัสมึงแจ่มนะเนี่ย” เด็กศิลป์ทำการแสดงต่อ คราวนี้เขาสะบัดหน้าไปหาคนเป็นพี่รหัส หากแต่แววตามีเลศนัยจับจ้องไอ้คนปากแข็ง จังหวะนั้นจันทร์เจ้าพารุ่นน้องคนสวยไปนั่งพอดี ทำให้ตะวันมีโอกาสในการยกเท้าใส่ไอ้พายุหน้ามึนแวบหนึ่ง
อยากเตะปากไอ้เหี้ยนี่ฉิบหาย
จัดการเพื่อนเสร็จก็เบนไปหาสองสาว เขาเพ่งเล็งกระเป๋าใบน้อยที่เจ้าของพยายามใช้มันเป็นเกราะกำบังต้นขา ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย นั่นจึงเป็นตอนที่เขาเอื้อมไปดึงหมอนอิงออกจากแผ่นหลังไฟเพื่อเหวี่ยงไปให้ด้วยความหวังดี
แต่ปากดันไม่ค่อยดีเท่าไหร่…
“ตาจะบอดเอา! รถพยาบาลวิ่งเข้าไปเป็นสิบคันแล้วมั่ง”
“...” ใบชาสะดุ้งคว้าหมอนที่ตกลงมาบนตักด้วยความตกใจ เรียวขายาวแนบชิดอยู่แล้วยิ่งหนีบเข้าหากันจนไม่เหลือช่องว่างให้อากาศลอดผ่าน เธอตวัดตาคาดโทษเจ้าของประโยคสองแง่สองง่ามพร้อมยกสองนิ้วชี้และกลางจิ้มไปกลางอากาศ เสมือนตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นอยู่ต่อหน้า
กลุ่มเพื่อนได้แต่มองสถานการณ์ตาปริบๆ ก่อนพายุจะเป็นคนเริ่มทำลายความตึงเครียด
“น้องรู้จักเฮียไหม”
“ไม่ค่ะ” คำตอบไม่แม้จะไตร่ตรองทำคนถามถึงกับหน้าเหวอ
“จะไม่คิดหน่อยเหรอวะ…ไม่เคยดูบอร์ดมหาลัย เลยไง๊?”
“ก็ดูนะคะ แต่ดูแค่เรื่องมีสาระ”
ทุกคนหลุดหัวเราะแทบจะพร้อมกัน เมื่อไอ้ตัวขยันพูดโดนสวนแรงจนแทบกระอักเลือด
“อึก! พากูไปส่งโรงพยาบาลที” พายุแสร้งตีหน้าเจ็บปวดพลางยกมือกุมอกแล้วหงายหลังพิงม่านหมอก ตามด้วยการกระทืบซ้ำจากสาวบริหารตัวตึง
“ไปวัดเลยไหม”
“สม! ไอ้สัส เสนอหน้านัก” ม่านหมอกทับถม “มึงคิดว่าทั้งมหาลัยต้องรู้จักมึงหมดเลยรึไง”
“มันก็ควรเป็นแบบนั้นเปล่าวะ” หันไปตอบแบบพกความมั่นใจมาเต็มร้อย เพราะเขาถือเป็นหนึ่งในตัวตึงของเซเนเซนท์อันดับต้น แถมยังเป็นเดือนศิลปกรรมศาสตร์อีกด้วย น้อยนักที่สาวๆ จะไม่รู้จักพวกเขา
“ไร้สาระฉิบหาย” เสียงเย็นยะเยือกจากหนุ่มสถาปัตย์ทำเอาทุกคนเงียบกริบ สายลมกดล็อกหน้าจอไอโฟนแล้วหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูงพลางปรายตามองไอ้พายุช่างจ่อด้วยความรำคาญ ช่วงขายาวทำท่าจะขยับก้าวก็ต้องชะงักจากประโยคคำถามของไฟ
“จะไปแล้วเหรอวะ”
“อือ อยู่ทำห่าไรละ เสียเวลาชีวิต” ว่าแล้วก็ใช้เท้าแหวกทางเพื่อพาตัวเองออกจากวงสังสรรค์ไร้สาระ เป็นเรื่องปกติสำหรับหนุ่มติสต์แตกชอบทำอะไรขว้างโลก สายลมไม่เคยนั่งดื่มกับเพื่อนได้เกินหนึ่งชั่วโมงเลยสักครั้ง
ใบชามองตามรุ่นพี่สถาปัตย์ไปด้วยสีหน้างุนงง
“ลมมันเป็นแบบนี้แหละ ติสต์ๆ” จันทร์เจ้าดึงความสนใจใบชากลับมา ก่อนจะเริ่มแนะนำอีกสองหนุ่มตามลำดับ “ส่วนนี่ไอ้พายุ แล้วนั่นก็ม่านหมอก”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ใบชาคนสวย” พายุยื่นมือออกมาพร้อมปรับโทนเสียงให้เป็นนุ่มนวลสำหรับไว้ตกสาว ทว่าใช้กับใบชาไม่ได้
“ค่ะ เช่นกันค่ะ”
เธอโค้งรับแล้วยิ้มแห้งพอเป็นพิธี จากนั้นเบนสายตาไปที่หนุ่มหล่อคนถัดไป ม่านหมอกแสนสุขุมเพียงยกมุมปากทักทายเล็กน้อยก็ก้มลงให้ความสำคัญกับบางสิ่งที่อยู่ในมือถือต่อ
ตัดมาที่คนถูกเมิน พายุตวัดมือขึ้นไปตีหัวสาวบริหารที่อยู่ข้างกันหวังแก้เขิน
เพียะ!!
“โอ๊ย ไอ้บ้านิ!”
คู่ไม้เบื่อไม้เมาลงมือตอบโต้กันไปมาครู่หนึ่งก่อนบริกรชายจะนำเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟ ไหมไทย ค็อกเทล ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างนอบน้อม ขณะที่จันทร์เจ้าแยกเขี้ยวส่งท้ายใส่พายุแล้วหันไปหยิบแก้วน้ำชมพูอมส้มสีสันสดใสส่งต่อให้สาวรุ่นน้อง
“ดื่มเป็นไหม”
“คงพอได้มั่งค่ะ” เธอรับมาถือไว้แล้วก้มมองมันแวบหนึ่ง คิดว่ามันคงไม่ได้ยากอะไร ถึงแม้จะไม่เคยลิ้มลอง แต่ดูจากหน้าตาคงดื่มได้สบายๆ
“อันนี้ไม่แรงมาก” หญิงสาวผู้เชี่ยวชาญเรื่องแอลกอฮอล์เป็นอย่างดีพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวลลง
“...” ใบชาพยักหน้ารับแล้วลองจิบๆ เมื่อปลายลิ้นได้สัมผัสกับความหอมดวงตากลมโตก็วาววับคล้ายกับเพิ่งค้นพบของอร่อย จากนั้นแก้วถูกยกดื่มจริงจังจนร่อยหรอไปเกินครึ่ง โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่ลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลา
คงมีแค่ ฌาริดา เนี่ยแหละ ที่ทำให้หนุ่มปากร้ายผู้ไม่เคยเหลียวแลหญิงคนไหนเหม่อมองราวกับตกอยู่ในภวังค์ได้ขนาดนี้
พวกเขาพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยราวๆ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้
ใบชาวางแก้วที่สองของคืนลงบนโต๊ะ แล้วเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูสาวรุ่นพี่
“ใบไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวพาไป” จันทร์เจ้าได้ยินแบบนั้นก็ผุดลุกขึ้นอย่างไม่อิดออด แต่ถูกใบชาคว้าแขนไว้พร้อมดึงให้นั่งลงเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ใบชายืนยันหนักแน่นจนจันทร์เจ้าไม่กล้าขัด แต่นางก็ยังแอบมองพี่ชายตัวเองเล็กน้อยเพื่อขอความคิดเห็น ตะวันส่งสายตาดุๆ เป็นเชิงคัดค้านชัดเจน
“แต่เจ้ว่า…”
“เดี๋ยวมานะคะ” ใบชาโพล่งแทรก พร้อมกับพรวดพราดออกไปโดยไม่รอให้มีประโยคห้าม
จันทร์เจ้าทำได้แค่หยิบอุปกรณ์สื่อสารไถไปเรื่อยเพื่อหลบเลี่ยงสายตาพิฆาตจากแฝดพี่ก็เท่านั้น ตะวันส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคอด้วยความหงุดหงิด
กำลังจะลุกตามไป แต่...
“จะไปไหน…” ไฟรั้งไหล่ไว้ ก่อนพายุจะทำน้ำเสียงและหน้าตายียวนใส่
“หรรมเลี่ยมทองเตรียมพร้อมจะผงาดเป็นครั้งแรกแล้วสินะ”
“โคตรเหี้ย” คนถูกแซวด่ากลับ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่เหมารวมไปถึงตอนที่มันพยายามเนียนจับมือสาวรุ่นน้อง แต่แค่นี้ไม่ระแคะระคายต่อความรู้สึกของไอ้เพื่อนหน้ามึนเลยสักนิด พายุฉีกยิ้มกว้างชวนสยองจนไฟแอบสั่นกายขนลุกขนพองแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทางราวกับเจอสิ่งสยดสยอง
“แต่กูว่า…กว่าจะได้ใช้งานคงเหนื่อยหน่อยแหละ” ม่านหมอกออกความคิดเห็นตามเนื้อผ้า เพราะเท่าที่เห็นใบชาไม่ได้มีท่าทีสนใจตะวันเลยแม้แต่น้อย...
ออกแนวไม่ชอบขี้หน้าด้วยซ้ำ!!
“มึงสนใจลองสนามก่อนเข้าแข่งจริงปะ กูมีตัวนะ”
“เก็บไว้แดกเองเหอะ” ข้อเสนอของพายุถูกปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ปณิธานที่เคยตั้งมั่นไว้ยังแน่วแน่ว่าเซ็กซ์ครั้งแรกจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ถูกใจเท่านั้น!!
แต่จะมีโอกาสไหมก็อีกเรื่อง?
“หือ เดี๋ยวไปแตกก่อนสาวนี่อายเลยนะ เผลอๆ โดนถีบส่ง” คำพูดหยาบโลนหลุดออกมาจากเด็กศิลป์คนเดิม
“กูจะถีบมึงก่อนตอนเนี่ย เห็นไหมว่าไอ้จ้าวมันนั่งหัวโด่อยู่นั้น” ไฟยกเท้าขึ้นกลางอากาศอย่างที่ออกปาก แต่อีกฝ่ายหลบไวดั่งชื่อ พายุรอดพ้นจากบาทาเบื้องล่าง แต่โดนเข้าเต็มๆ กับฝ่ามือของนักสุ่มโจมตีอย่างม่านหมอก
ผลัวะ!!
“สัส ไอ้หมอกหงอย!” ด่าแล้วยกมือลูบกลางกระบาลตัวเองป้อยๆ ส่วนคนถูกผวนชื่อถลึงตาใส่พลางยกมือขึ้นกะเอาให้จังหนับอีกสักที แต่คราวนี้มันไหวตัวทัน ผุดลุกไปนั่งข้างตะวันแทน
และมาว่ากันที่สาวน้อยคนเดียวซึ่งตกเป็นสมาชิกไปโดยปริยายนั้น เธอไม่ได้ให้สนใจเท่าไหร่นัก แรกๆ อาจจะมีบางที่เคอะเขิน แต่เวลาผ่านมาหลายปีทำให้หญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มรู้สึกคุ้นชินจนแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว หรืออีกนัยก็คือปลง
เพราะพี่ชายเธอนั่นแหละตัวดีเลย…
“ไม่ต้องห่วง กูใช้บริการน้องอุ้งตลอด”
“มือสากหมดแล้วมั่ง ไอ้เหี้ย”
“ความจังไรของพวกมึงนี่ไม่ทิ้งห่างกันเลยนะ กูสงสารน้องมึงฉิบหาย”