BAD ENG' : 03
[ ? มันมีจริงไหม...? คนที่หว่านพืชโดยไม่หวังผล]
-----------------
BAD END' : 03
ปึก!
ฝีเท้าเล็กหยุดชะงักเมื่อรับรู้ถึงแรงกระแทกเข้าหน้าผากอย่างจังหลังมัวแต่เดินกดมือถือเพื่อเรียกรถในแอพมาเรื่อยๆ ตามทางและก้าวผ่านประตูอัตโนมัติได้เพียงไม่กี่ก้าว ใบชาใช้เวลาเพียงเสี้ยววิในการตั้งสติ จากนั้นก็รีบโน้มตัวขอโทษขอโพยด้วยอารามลนลาน
“ขะ…ขอโทษค่ะ”
“ทำไมไม่รู้จักมองทาง”
เธอไล่สายตาขึ้นตามความสูงจนปะทะกับดวงตาคมเข้มของชายที่มีแมสดำปิดบังใบหน้า ขณะนั้นเขายังใช้มือข้างหนึ่งดึงปีกหมวกแก๊ปสีเดียวกันลงมาอีกระดับ คล้ายกังวลว่าใครจะจับสังเกตและจดจำใบหน้าได้ สุดท้ายเลื่อนมือสอดเข้าในกระเป๋าแจ็กเกตหนังทั้งสองข้าง
คนอื่นยังไม่รู้ แต่สาวน้อยฌาริดาจำได้ตั้งแต่แวบแรก
“คุณ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันทั้งตกใจ และก็แอบแฝงความดีใจไว้ลึกๆ เพราะเธอกำลังคิดอยู่เลยว่าจะโทรหาเขาตอนนั่งรถกลับ แต่ผู้มีพระคุณแสนลึกลับดันโดดออกจากหัวมาปรากฏต่อหน้าในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือพอดีอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะ ที่เขาทำราวกับเป็นเทพหรือองครักษ์ประจำตัว
“แม่เข้าโรงพยาบาล ทำไมไม่โทรบอก” เขายิงคำถามเสียงเรียบพลางหรี่ตามองอย่างคาดคั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างในวินาทีต่อมา เหมือนเขาตกใจกับอะไรสักอย่างที่อยู่ด้านหลังเธอ
…อ๊ะ!
แต่ไม่ทันที่เจ้าตัวเล็กจะได้หันไปดู ร่างกายก็ถูกดึงเข้าแนบชิดแผงอกแกร่ง ก่อนเปลนอนคันยาวจะตวัดเฉียดพวกเขาทั้งคู่ไปเพียงเล็กน้อย นั่นแปลว่าถ้าใบชายังอยู่ตำแหน่งเดิมก็คงโดนชนกระเด็น
“ขอโทษครับ” บุรุษพยาบาลก้มหัวให้แบบผ่านๆ จากนั้นรีบพาผู้ป่วยเข้าไปด้านใน
โทษเขาไม่ได้หรอก เป็นเธอเองที่ยืนขวางทาง อีกอย่างพวกเขาต้องทำหน้าที่ด้วยความเร่งด่วน ไม่มีเวลามานั่งพิถีพิถันอะไรขนาดนั้น
และพอทุกอย่างกลับสู่สถานการณ์ปกติ ใบชาก็ดันตัวถอยหลายก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง เลื่อนมือไปไขว้กันไว้ข้างหลัง โดยที่ยังหลุบมองปลายเท้าตัวเองตลอดเวลา เธอรู้สึกประหม่าแปลกๆ แบบบอกไม่ถูก นั่นคงเป็นเพราะความต่างของเพศสภาพ
“กินอะไรรึยัง” สุ้มเสียงทุ่มเอ่ยถามหลังทิ้งเงียบพักใหญ่
“…” ใบหน้าสวยส่ายแช่มช้าแทนคำตอบ
“ตามมา”
จบคำสั่งแกล้มบังคับ ช่วงขายาวก็ออกเดินนำหน้าลัดเลาะไปตามริมขอบฟุตบาท ใบชาขยับตามก็จริง ทว่าในหัวมีแต่คำถามมากมายผุดขึ้นมา
แวบหนึ่งเธอคิดนะว่าเขาเป็นคนไม่ดีรึเปล่า ถึงไม่อยากให้ใครรู้ถึงตัวตน แต่ถ้าเทียบจากสิ่งที่ได้รับมาหลายอย่าง มันบ่งบอกว่าไม่ใช่แบบนั้น
แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ต้องปิดบังขนาดนี้ เธอนึกไม่ออกจริงๆ
ชายหนุ่มพาเธอมาจนถึงศูนย์อาหารยามค่ำคืนที่ถัดจากโรงพยาบาลประมาณสองซอย สาวน้อยกวาดมองบรรยากาศครึกครื้นโดยรอบพร้อมสอดส่องหาโต๊ะนั่ง เนื่องจากผู้คนพลุกพล่านจนแทบไม่เหลือที่ว่าง แต่ก็มีอยู่แถวโซนด้านในสุด
ก่อนร่างสูงจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีสด เขาไม่ลืมที่จะควักกระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบแบงก์ห้าร้อยยื่นให้
“ใบมีอยู่ค่ะ” เธอยกมือโบกปัดเป็นพัลวัน แต่พ่อหนุ่มสายเปย์ยังติดยื้อ เขายัดมันใส่มือเธอ
“เอาไป”
สุดท้ายสาวน้อยทำได้แค่ไหว้รับ และถามไปตามมารยาท ทั้งที่มีคำตอบในใจ
“แล้วคุณจะกินอะไรไหมคะ”
“ไม่”
นั้นไง! จะกินยังไงละ คุณเขาเคยยอมเปิดแมสซะที่ไหน
ใบชาพาตัวเองไปเลือกซื้อของกินอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงต้มยำของโปรดกับลวกจิ้มปลา จังหวะที่เธอเดินใกล้จะถึงโต๊ะ คนเฝ้าโต๊ะกำลังไถหน้าจอมือถือก็รีบเก็บมันเข้ากระเป๋าแจ็กเกตด้วยท่าทีมีพิรุธแปลกๆ คล้ายกับไม่อยากให้เธอเห็นอะไรที่เป็นส่วนตัวเลยสักอย่างเดียว
อาหารในมือถูกผู้ใหญ่ใจดีช่วยรับวางลงบนโต๊ะ และเธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามหลังจากนั้น
“พรุ่งนี้เตรียมตัวด้วยนะ จะย้ายแม่ไปที่โรงพยาบาลW” อยู่ๆ เขาก็พูดออกมาโดยไม่ถามความสมัครใจสักคำ
“ไม่ต้องค่ะ” คำปฏิเสธออกมาไม่เต็มเสียงนักเพราะเธอเพิ่งส่งเกี๊ยวเข้าปากแหม็บๆ ก่อนเธอจะรีบกลืนแล้วชี้แจงต่อ “แม่ดีขึ้นเยอะแล้ว อีกสองสามวันหมอก็น่าจะให้กลับบ้านได้แล้ว”
คนเสนอนิ่งเงียบไปเมื่อความหวังดีถูกตีกลับคืน แต่ก็ต้องยอมรับอย่างจำใจในสิทธิ์ของความเป็นลูก หากเธอไม่ยอม ใครบังคับก็ไม่ได้ คิดได้แบบนั้นไอโฟนก็ถูกควักออกมาอีกครั้งแต่ไม่ได้ยกสูง เขาก้มมองแล้วใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือกดหน้าจอสักพัก
ติ้ง!
ฝั่งหนึ่งเก็บ อีกฝั่งหยิบขึ้นมา
รูม่านตาสีเข้มขยายกว้างเมื่อเห็นข้อความเงินโอนเข้าบัญชีห้าหมื่น
“โอนมาทำไมคะ” โพล่งถามทั้งที่ยังมีอาหารบางส่วนคาอยู่
“ไว้จ่ายค่ารักษา”
อารมณ์แบบขอให้ได้ช่วย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ใบชาได้แต่มองตาปริบๆ อยากจะถามเหลือเกินว่าไม่ได้เสียเงินให้เนี่ยมันนอนไม่หลับรึยังไง…?
แต่ก็เลือกปล่อยผ่าน เพราะจำนวนเงินนี่น่าจะน้อยกว่าการย้ายโรงพยาบาลหลายเท่า เป็นที่รู้ทั่วกันว่า W เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เลื่องชื่อเรื่องค่ารักษามากแค่ไหน
“ขอบคุณค่ะ” เธอวางตะเกียบลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะขยับริมฝีปากดักไว้ล่วงหน้าอีกหนึ่งประโยค “แต่ต่อไปคุณไม่ต้องให้เงินใบแล้วนะ”
“ทำไม”
“ใบเป็นหนี้คุณเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เนี่ย กลัวตามใช้ไม่หมด”
“ก็เรียนจบก่อน ค่อยว่ากัน”
“แต่ว่า…” พูดได้แค่นั้นก็ต้องเม้มปากแน่นเมื่อโดนดุเสียงแข็ง
“อย่าดื้อ”
จากนั้นร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดหน้าร้านขายน้ำ ราวๆ ห้านาที เขาก็กลับมาพร้อมช็อกโกแลตปั่นในมือ ของโปรดถูกวางลงต่อหน้าเด็กสาว เธอโค้งรับน้อยๆ แล้วมองตามจนชายหนุ่มนั่งลงที่เดิม
“มีอะไร” เขาถามเมื่อเห็นว่าสายตาเธอฉายแววขับข้องใจ ใบชาสูดเส้นบะหมี่เข้าปากและโพล่งออกไปทันที
“คุณรู้จักกับพี่ชายใบไหม”
“ก็รู้ต้องรู้ปะ”
“ไม่ๆ แบบว่า รู้จักกันเป็นส่วนตัว พี่บีมรู้ไหมว่าคุณเป็นใคร” เธอเริ่มขยายความ ซักไซ้ สืบสาวราวเรื่อง ขณะเดียวกันก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใช้สายตาไล่ต้อนจับผิด ทั้งที่ไม่สมควร แต่วิญญาณอาชีพในฝันมันเริ่มแทรกซึมเข้ามาเรื่อยๆ
“ก็ไปถามมันดูสิ” เขาตอบปัด แถมหลบตา จังหวะนี้ใบชาจับโกหกได้ นั่นแปลว่าข้อสันนิษฐานของเธอมีความเป็นไปได้สูงมาก
แต่ทำไมพี่บีมไม่เคยพูดถึงเขาเลยละ?
“คุณเป็นดาราเหรอ” โทนเสียงจริงจังขึ้น จ้องเขม่นกว่าเก่า เขาเรียกว่าได้ทีละเอาใหญ่ เพราะไม่บ่อยมากนักที่จะมีโอกาสได้มานั่งคุยกันแบบนี้ ปกติเจอก็จะแค่เอาของมาให้แล้วก็กลับ
“ทำไมคิดงั้น”
ยังมีหน้าถามกลับ ไม่รู้ตัวเลยจริงดิ?
“ก็ดูดิ ปิดอะไรขนาดนั้น คุณไม่ร้อนบ้างเหรอ”
“ไม่…”
“ไม่ร้อน”
“ไม่ต้องยุ่ง”
มุมปากสวยกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมลดละ
“เอาจริงนะ ตอนนี้เหมือนใบนั่งอยู่กับอาชญากรข้ามประเทศ” ว่าแล้วเคลื่อนมองไปสอดประสานกับสายตาหลายคู่ของคนแปลกหน้า ด้วยการแต่งตัวและท่าทางของเขามันชวนให้คิด
แต่สายตาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวูบเท่ากับ...
“เด็กอะไร พูดมากฉิบ!”
“ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” เอื้อยเอ่ยเสียงแผ่วหลังงถูกดุเป็นครั้งที่สองของวัน จากนั้นก็กินต่อไปแบบเงียบๆ