BAD CATCH 2
@NIGHT CLUB
“เฮ้~”
“...” อันนาเงยหน้าจากพื้นมองเจ้าของเสียงแหลมนั่นก็คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
“เป็นอะไรของแก ทำไมทำหน้าแบบนั้น” มีอาขมวดคิ้วถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย จากใบหน้าที่นิ่งเรียบอยู่แล้วของอันนา ในตอนนี้ใบหน้าเธอกลับเย็นชาจนน่ากลัว
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” หญิงสาวส่ายหัวน้อยๆ ไล่ความคิดออกจากหัว พลางหยิบแก้วเหล้าสีอำพันขึ้นมาดื่ม
“นิดหน่อย? ยัยอัน ฉันรู้จักแกมาตั้งแต่ไฮสกูลนะ เรื่องแค่นี้คิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอ” มีอาเป็นเพื่อนสนิทของหญิงสาวในรั้วของโรงเรียนมัธยมของอเมริกา และเป็นเพื่อนสนิทจนถึงมหาวิทยาลัย
“มันก็ไม่หน่อยหรอก มันค่อนข้างใหญ่พอสมควร” มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตเธอเลยด้วยซ้ำ การย้ายถิ่นฐานอาศัยไม่เท่ากับต้องจัดการความรู้สึกของตัวเอง
“แกบอกฉันได้ไหมว่าเรื่องอะไร เผื่อฉันช่วยได้”
“พี่อันวาจะกลับไทย แล้วเขาชวนฉันกลับด้วยเพื่อไปเปิดบริษัทของตัวเองที่นั่น” เพราะมีอาสนิทกับเธอมาก เธอจึงกล้าจะบอกทุกอย่างให้เพื่อนรู้ ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวคือความทรงจำของตัวเองนั่นแหละ
“ก็นั่นมันความฝันของแกไม่ใช่เหรอ แกจะมัวคิดมากทำไม”
“ใช่ มันเป็นความฝันของฉัน...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในใจของตัวเอง
“...ความฝันที่เลวร้ายที่ฉันไม่เคยลืมมัน”
ติ๊งงงงงงง~ เสียงแจ้งเตือนข้อความดังมาจากมือถือเครื่องหรูของหญิงสาว เธอหยิบมันออกมาเปิดดูก่อนจะขมวดคิ้วอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเป็นอีเมลของใครสักคนที่ส่งมาให้กับเธอ
“ร่วมงานงั้นเหรอ” อันนาพึมพำออกมาเมื่อข้อความที่ส่งเข้ามาคือข้อความเชิญชวนทำงานในบริษัทชื่อดังของประเทศไทย แน่นอนว่ามันเป็นบริษัทไอทีที่ประสบความสำเร็จถึงขีดสุด และมีคนมากมายต้องการทำงานที่นั่น แต่ยกเว้นเธอ
สองอาทิตย์ผ่านไป...
“ฮืออออออออ~”
“อย่าเวอร์น่า” อันนาเอ่ยพร้อมกับลูบหลังเพื่อนสนิทที่สวมกอดเธอแน่น
“ถ้าฉันไม่มีแก ฉันจะทำยังไงอะ”
“ใช่ว่าแกจะมีฉันเป็นเพื่อนคนเดียว” แต่มีอาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่จริงๆ เพราะความลับของการทำงาน และความเย็นชาที่คนอื่นไม่ค่อยอยากจะเข้าหาเธอสักเท่าไหร่
“แต่ฉันรักแกที่สุด...”
“ฉันก็รักแกมีอา” อันนาตอบกลับเสียงอ่อน เธอก็ใจหายไม่ต่างกันที่วันนี้จะต้องแยกกับเพื่อนรักอย่างมีอา เป็นคนคนเดียวที่เธอกล้าสนิทด้วย และเป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอพูดคุยได้ทุกเรื่อง
“หรือฉันควรจะไปกับแกดีนะ? หนุ่มๆ ที่ไทยหล่อไหม?” อันนาผละกอดออกจากเพื่อนรัก ก่อนจะมองใบหน้าเพื่อนอย่างปลงๆ
“เลิกบ้าผู้ชายก่อน”
“ล้อเล่นย่ะ แต่แกต้องสัญญากับฉันนะว่าถ้าไปอยู่นู่น แกจะไม่ลืมฉันแล้วก็ติดต่อกับฉันตลอด”
“มีอา จะให้ฉันใช้ชีวิตกับแกด้วยเลยไหม...”
“...ฉันทำได้นะ แกก็รู้” อันนาค่อยๆ คลี่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยให้กับเพื่อน คนเห็นถึงกับขนลุกซู่
“อย่ามาแฮกโทรศัพท์ฉันนะยะ!” ถึงมีอาจะรู้ว่าอันนามีความสามารถอะไร แต่เธอก็ไม่ได้รู้ว่าเพื่อนใช้ความสามารถตรงนี้ทำอะไรกับมันบ้าง เธอแค่รู้ว่าเพื่อนรักมีความฉลาดที่ไม่เหมือนใครเท่านั้นเอง
“ฮ่าๆ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือจับกระเป๋าเดินทางของตัวเองเลื่อนเข้ามาใกล้
“เดินทางดีๆ ลงเครื่องแล้วส่งข้อความมาหาฉันด้วย”
“อืม ฉันไปก่อนนะ” อันนาคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับเพื่อน ก่อนจะเดินออกมาอีกทางหนึ่ง เธอมองพาสสปอร์ตในมือก่อนจะสูดหายเข้าลึกๆ
“มันจะต้องดีกว่านี้สิ...มันต้องดีกว่านี้” เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และลบความทรงจำเลวร้ายนั้นออกจากหัวใจของตัวเองให้หมด
ปึก! หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าดูตั๋วเครื่องบินของตัวเอง เดินชนเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร
“ขอโทษด้วยค่ะ” เธอเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขอโทษออกไปเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเดินเลี่ยงออกมาอีกทางโดยไม่สนใจเขา
“เดี๋ยว” เสียงเข้มเอ่ยเรียกเจ้าของร่างเล็ก เธอหยุดเดินก่อนจะหันหน้ากลับมามองเชิงถาม
“...”
“เดินชนคนอื่นควรจะขอโทษให้มันจริงใจกว่านี้นะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมพูดสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะฟังออกมา
“รู้สึกว่าฉันจะขอโทษคุณไปแล้วนะคะ” น้ำเสียงนิ่งเรียบปนหงุดหงิดของอันนา ทำให้ริมฝีปากหยักยิ้มมุมปากออกมาให้กับความกล้าต่อปากต่อคำของเธอ
“เหรอ”
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัว” เธอไม่อยากเสียเวลาพูดคุยอะไรไร้สาระกับใคร ถ้าสิ่งที่เธอทำแล้วเขาไม่พอใจนั่นก็เรื่องของเขา เพราะเธอได้ทำสิ่งที่ควรทำไปแล้ว
“จะให้ผมพากลับมาไหมครับ” เมื่อหญิงสาวเดินออกไปเสียงของชายหนุ่มอีกคนก็ถามผู้เป็นเจ้านายขึ้นทันที
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ สายตายังคงมองตามแผ่นหลังบางของหญิงสาวไปด้วยความรู้สึกคุ้นเสียง และใบหน้านั้นอย่างบอกไม่ถูก