บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

“ขอโทษนะคะ โรงอาหารไปทางไหนเหรอ” จังหวะนั้นสายตาของฉันก็หันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี จึงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปถามทางกับเขา

“ปีหนึ่งเหรอเรา ไปกับพี่ก็ได้นะ พี่เองก็กำลังจะไปที่นั่นพอดี” ผู้ชายท่าทางใจดีคนนั้นละสายตาโทรศัพท์ที่กำลังกดอยู่เพื่อเงยหน้าขึ้นมองสบตากับฉัน เขาดูชะงักไปสักพักหนึ่งแต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

“อ๋อ ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันพยักหน้ารับหงึกหงักกับสิ่งที่เขาถามในประโยคแรก

เมื่อร่างสูงขยับเท้าก้าวเดิน ฉันก็ตามหลังเขาไปต้อยๆ อย่างกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง อันที่จริงเขาก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ ดูท่าทางคงจะฮอตไม่เบาด้วย ที่ฉันรู้ก็เพราะว่าเห็นผู้หญิงส่งเสียงทักทายเขาไปตลอดทางยังไงล่ะ ซึ่งเขาเองก็ส่งยิ้มทักทายตอบกลับไปเช่นกัน และนั่นก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากพวกหล่อนได้เป็นอย่างดี

“น้องเรียนอยู่คณะนี้ใช่มั้ย”

คำถามที่ถูกโพล่งขึ้นมาส่งผลให้ฉันละสายตาจากผู้หญิงเหล่านั้นแล้วหันไปมองเขา ที่กำลังมองจ้องมาที่ฉันอยู่ก่อนแล้ว ทำไม? หน้าฉันก็ไม่มีอะไรติดอยู่หนิ เมื่อเช้าก็ส่องกระจกเช็กดูแล้วด้วย และนี่เขาจะจ้องฉันทำไมนักหนา

“ใช่ค่ะ” ฉันตอบออกไปตามความจริง “ถึงโรงอาหารแล้ว งั้นขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากที่พามา”

ฉันรีบตัดบทสนทนาระหว่างเรา และรีบชิ่งหนีออกมาให้ห่างจากเขา เพราะหลังจากที่เท้าก้าวเข้ามาในโรงอาหาร สายตาเหล่าชะนีทั้งหลายที่นั่งอยู่รอบๆ ก็พากันมองตรงมาที่ฉันราวกับจะทิ่มแทงให้ตัวพรุน

แน่นอนว่าฉันเป็นห่วงตัวเอง คงไม่มีใครอยากถูกเกลียดตั้งแต่เพิ่งเข้ามาเรียนวันแรกหรอก อีกอย่างฤทธิ์ของชะนีที่กำลังหึงหวงผู้ชายมันน้อยซะที่ไหนล่ะ

เหมือนจะได้ยินเสียงเขาตะโกนเรียกดังไล่หลังตามมา แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่หันกลับไปมอง เท้าเล็กในรองเท้าผ้าใบเดินดุ่มๆ ตรงไปที่ร้านขายอาหารตามสั่งเป็นอันดับแรก

“ป้าคะเอา...”

“ป้า!! เอาผัดกะเพราไม่ใส่ใบกะเพรา พริกสองเม็ด ไข่ดาวไม่สุก ด่วนๆ เลยป้าผมหิวมาก นั่งทำงานที่คณะยันหว่างเลยเนี่ย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”

จังหวะที่ฉันกำลังจะขยับปากสั่งข้าว อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาตัดหน้าฉันอย่างไร้มารยาท แผ่นหลังกว้างของเขาบังตัวฉันจนมิดแทบมองไม่เห็นป้าเจ้าของร้าน

“รอก่อนดิ้ว ผู้หญิงเขามาก่อน...หนู เอาอะไรจ๊ะ” ก็ถือว่ายังดีล่ะนะที่ป้าเจ้าของร้านยังมีความยุติธรรมให้กับฉัน

“ป้าคุยกับใครวะ” ร่างสูงตรงหน้าหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนที่ป้าเจ้าของร้านกำลังพูดด้วย

แต่คือฉันอยู่ข้างหลังเขาไง ก็อยู่ตรงนี้ที่เดิม หันมาสิ!

“ข้างหลังมึงไงไอ้ดิ้ว!” ป้าเจ้าของร้านชักมีน้ำโห ถึงได้ยกตะหลิวขึ้นชี้หน้าและพูดออกมาเสียงดัง

“อ๋อ ก็เตี้ยอะเลยมองไม่เห็น” ร่างสูงหันขวับมามองฉัน ที่กำลังยืนจ้องเขาเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

แต่เดี๋ยวนะ...เตี้ยเหรอ เออ! ใครมันจะไปสูงเหมือนเปรตอย่างเขาล่ะ

“นี่คุณ หัดมีมารยาทกับคนอื่นหน่อย แล้วที่เดินเข้ามาแซงเนี่ยมั่นใจเหรอว่ามองไม่เห็น ไม่ใช่ตั้งใจจะแซงอยู่แล้วหรอกนะ” ตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่อะไรหรอกนะ แต่ท่าทีไม่สำนึกของเขาที่แสดงออกมาทำให้อารมณ์ของฉันมันเริ่มเดือด

“อ้าว! พูดงี้ก็สวยดิ รึจะเอา?” เขาพูดพลางขยับเท้าเข้ามาใกล้ราวกับจะหาเรื่องฉัน

หน้าตาก็หล่อดีนะ แต่ทำไมเหี้ย...

“ไอ้ดิ้ว! พอเลยๆ ผู้หญิงมึงก็ไม่เว้นเลยนะไอ้ห่า...หนู กินไรลูก อย่าไปสนใจมัน มันก็บ้าแบบนี้ประจำ ป้าขอโทษแทนหลานป้าด้วยนะ เดี๋ยววันหลังจะพามันไปฉีดยา จะได้เลิกกัดคนอื่นไปทั่วสักที” ป้าเจ้าของร้านโวยดังลั่น ท้ายประโยคนั้นก็หันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และน้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้น

ที่แท้ก็เส้นใหญ่แบบนี้นี่เองถึงได้อวดเบ่งไปทั่ว แต่คิดเหรอว่าเป็นหลานเจ้าของร้านแล้วฉันจะยอมถอยให้น่ะ ฝัน!!

“เอาข้าวผัดหมูไม่ใส่ผักนะคะ” ฉันละสายตาจากการมองจ้องคู่กรณี เพื่อหันไปสบตากับป้าเจ้าของร้าน ป้าเขาพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับไปลงมือผัดข้าวให้ฉันเป็นอันดับแรก

“เพราะไม่กินผักไงตัวเลยเตี้ยอยู่แบบนี้” แต่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ไม่วายเอ่ยขึ้นมาลอยๆ มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ขณะที่สายตาของเขาก็หันไปมองทางนั้นทีทางนี้ทีราวกับไม่ได้พูดกับฉัน แต่คิดเหรอว่าฉันจะไม่รู้น่ะว่าเขาหมายถึงใคร

ไม่แปลกนะที่ฉันไม่กินผัก เพราะขนาดเขาเองยังไม่กินกะเพราเลย

“นี่นาย” ฉันเรียกเขาเสียงนิ่ง ขณะที่มือก็กำลังจับถ้วยอะไรบางอย่างเอาไว้แน่น

“อะไร”

ซ่า!

ถ้วยอะไรที่ว่าในนั้นมีพริกน้ำปลาอยู่ พอเขาหันมามองตามคำเรียกอฉันก็จัดการสาดพริกน้ำปลาใส่เขาทันทีอย่างไม่รอช้า ทว่าเขากลับเบี่ยงหลบได้ทัน และมันก็...ไปโดนใครก็ไม่รู้

“...” คนที่ถูกพริกน้ำปลาชโลมไปทั่วทั้งตัวหันหน้ามามองฉัน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

เขาเป็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาว รูปร่างและหุ่นของเขาอย่างกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร ผมสีน้ำตาลเข้มแซมอ่อนที่ปรกลงมาบริเวณโหนกแก้มยิ่งขับให้ดวงตาคมของเขาดุดันมากกว่าเดิม รวมๆ แล้วหน้าตาของเขาถือว่าโคตรเพอร์เฟกต์ เหมือนประติมากรรมชั้นเลิศที่ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นมาอย่างประณีต

“เอ่อ...คือ ขอ...” คำว่า ‘ขอโทษ’ ของฉันถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อมีเสียงหนึ่งที่แสดงถึงความร้อนรนดังแทรกขึ้นมา

“ฉิบหายแล้วพี่หมอกกู เป็นไงบ้างเพื่อน อื้อหือกลิ่นเค็มจังวะ” คู่กรณีตัวจริงของฉันพุ่งเข้าไปสำรวจตัวคนที่โดนลูกหลง

อ๋อ...ที่แท้ก็เพื่อนกัน เออก็สมควร ฉันจะไม่ขอโทษแล้ว ถือซะว่าเขามีเพื่อนเป็นตัวกาลกิณีเองละกัน

“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!” เสียงแปดหลอดของเขาตะโกนดังลั่นกึกก้องไปทั่วทั้งโรงอาหาร และจากการกระทำของเขานั้น ก็ส่งผลให้ตรงที่เรายืนกันอยู่นี้เป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ไปโดยปริยาย

เพิ่งมาวันแรกก็กลายเป็นคนดังเลยนะลลิส ทำไมเซเลบขนาดนี้

“ก็ไอ้นี่มันมากวนประสาทฉันก่อน” นิ้วเล็กของฉันชี้ตรงไปที่ผู้ชายข้างกายเขา เพื่อบอกให้รู้ว่าตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเกิดจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั่นแหละ

“แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาสาดพริกน้ำปลาใส่คนอื่นเขาห๊ะ!!” ร่างสูงกำยำย่างกรายเข้ามาหา และฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยับเท้าถอยหลังกรูด

“สายหมอก มึงใจเย็นดิ นั่นน้องเขาอยู่ปีหนึ่งเองนะ ปล่อยเด็กมันไป” และคนที่เข้ามาช่วยชีวิตฉันได้อย่างทันท่วงที ก็คือผู้ชายที่พาฉันมายังโรงอาหารเมื่อสักครู่นี้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel