บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

-ตกดึก-

หลังจากหลับๆ ตื่นๆ เป็นเวลานานสองนาน เพราะยังไม่คุ้นชินกับการนอนแปลกที่ฉันจึงตัดสินใจลุกจากเตียง และเดินลงไปยังห้องครัวที่อยู่ชั้นล่างเพื่อหาอะไรกิน

ทั่วทั้งบ้านเงียบสงัดและปิดไฟมืดสนิท ทว่าก็ยังมีแสงไฟรำไรจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาเล็กน้อยพอให้เห็นว่าฉันควรเดินไปทางไหน

มือบางเอื้อมไปเปิดสวิตช์ไฟภายในครัว เมื่อทั่วทั้งห้องสว่างวาบถึงได้เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดูว่ามีอะไรให้กินบ้าง ทว่าตรงหน้าฉันกลับมีแต่...น้ำเปล่า

ดวงตากลมโตเลื่อนลงไปมองยังช่องข้างล่างก็เห็นว่ามีของสดอยู่ แต่ฉันคงไม่ขยันทำขนาดนั้นก็เลยเลือกที่จะหยิบน้ำออกมารินใส่แก้วแล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนที่จะปิดประตูตู้เย็นแล้วนำแก้วไปล้าง

ปึก!

“เฮ้ย!” ทว่าในจังหวะที่ฉันหมุนตัวเพื่อนำแก้วไปเก็บไว้บนตู้เย็นตามเดิม ร่างของฉันก็กระแทกเข้ากับใครบางคน จนเผลอหลุดเสียงร้องอุทานออกมาดังลั่น

และใครบางคนที่ว่าก็คือ...ลุงเอื้อ

“นอนไม่หลับเหรอ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม สายตาของเขาก็กำลังกวาดมองสำรวจไปตามเนื้อตัวของฉัน

ซึ่งตรงนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะเวลานอนฉันชอบใส่เสื้อฮู้ดและกางเกงขายาวเป็นประจำอยู่แล้ว ต่อให้มองจ้องแค่ไหนก็คงไม่มีอะไรให้ดูอยู่ดี แต่ถึงกระนั้นฉันก็จำต้องขยับเท้าถอยหลังออกมาจากเขาเล็กน้อย เพื่อเว้นระยะห่าง

“ตอนแรกนอนไม่หลับค่ะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าง่วงแล้ว ขอตัวนะคะ” ฉันรีบชิ่ง ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านตัวเขาไปนั้น ฝ่ามือหยาบกร้านก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฉัน

แรงเหนี่ยวรั้งที่รู้สึกได้ตรงบริเวณข้อมือ พานทำให้ฉันเกิดอาการหวาดระแวงขึ้นมาฉับพลัน แม้ว่าจะพยายามบิดข้อมือออก แต่เขาก็ยิ่งจับยึดเอาไว้แน่นกว่าเดิม

“อยู่คุยกันก่อนสิ ลุงมีเรื่องอยากจะถาม” คนตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป หนำซ้ำสีหน้าที่แสดงออกมาให้ฉันเห็นในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับพวกโรคจิตในหนังเลยสักนิดเดียว

“ปล่อย อยากรู้อะไรก็ไปถามแม่เอาสิ” น้ำเสียงของฉันเองก็แปรเปลี่ยนไปจากเดิม เราไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทกับคนที่ไร้มารยาทกับเราก่อน

นี่คือคติของฉัน…

“แต่ลุงอยากคุยกับหนูนะลลิส” มืออีกข้างที่ว่างของเขาเอื้อมมาจับที่ท่อนแขนของฉัน ตรงข้างที่ยังถูกจับยึดข้อมือเอาไว้

ฝ่ามือหยาบกร้านที่ขยับเคลื่อนลูบไล้ขึ้นลงตรงบริเวณท่อนแขน เป็นสาเหตุทำให้ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของฉันหมดลง

ดูก็รู้ ว่าไอ้ลุงคนนี้มันเฒ่าหัวงู!

ปึก!

“อึก!” เสียงร้องที่แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ก่อนที่เจ้าตัวจะปล่อยมือจากฉันเพื่อกอบกุมตรงเป้าตัวเองเอาไว้อย่างหวงแหน จากนั้นก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่พร้อมด้วยใบหน้าเขียวคลำ หลังจากที่ถูกฉันตวัดท่อนขาเตะเข้าที่กล่องดวงใจเต็มๆ แบบไม่ยั้งแรง

“ฉันไม่ใช่เด็กน้อยที่แกจะมาลวนลามได้ง่ายๆ หรอกนะไอ้เฒ่าหัวงู!!” ฉันยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเขา พลางตะโกนคำด่าทอออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง ก่อนจะรีบชิ่งหนีจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

มือบางผลักบานประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง โดยไม่ลืมที่จะล็อกลูกบิดและลงกลอนด้านบนไว้อย่างแน่นหนา

ฉันเดินไปล้มตัวลงนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ท่อนแขนถูกยกขึ้นมาก่ายหน้าผากมนอย่างคิดไม่ตก

กะไว้แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้ อย่างน้อยความหวาดระแวงของฉันมันก็ไม่ใช่การคิดไปเอง แล้วแบบนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ยังไงล่ะ วันดีคืนดีเกิดไอ้เฒ่าหัวงูนั่นบุกมาข่มขืนฉันจะทำยังไง

ฉันคิดว่าฉันควรเฉดหัวตัวเองไปอยู่ที่อื่น แต่มันมีปัญหาอยู่ตรงที่ว่า...ฉันไม่มีเงิน ซึ่งนี่แหละปัญหาใหญ่

-วันรุ่งขึ้น-

เสียงนาฬิกาปลุกที่ฉันตั้งเอาไว้เมื่อคืนก่อนนอนแผดเสียงร้องดังลั่น จนเป็นเหตุให้ฉันต้องตื่นจากภวังค์การหลับใหล

มือบางเอื้อมไปกดเปิดสวิตช์โคมไฟตรงหัวเตียง ขณะที่เปลือกตาถูกกะพริบถี่ๆ เพื่อให้ปรับโฟกัสทัศนียภาพภายในห้องที่สว่างวาบ

นิ้วเล็กกดปิดนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นเป็นเวลาตีสี่กว่าๆ

เหตุผลที่ฉันตื่นเร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับไอ้แก่ตัณหากลับยังไงล่ะ เพราะงั้นฉันก็เลยต้องรีบออกจากบ้านเพื่อไปมหา’ลัยตั้งแต่เช้าตรู่

มือบางเอื้อมไปคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า และพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ถือว่าฉันทำเวลาได้ดี เพียงไม่นานก็ออกมายืนหน้าห้องด้วยสภาพเรียบร้อยพร้อมไปเรียน มือบางตวัดสายกระเป๋าเป้ขึ้นพาดไหล่ ก่อนจะค่อยๆ เดินลงบันไดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา

เวลานี้ก็ถือว่ายังเช้าอยู่ ฉันคิดว่าทั้งแม่และไอ้เฒ่าหัวงูคนนั้นยังไม่ตื่นหรอก เมื่อเท้าทั้งสองข้างก้าวแตะบันไดขั้นสุดท้ายดวงตากลมโตก็กวาดมองรอบๆ อย่างสำรวจ ลมหายใจของฉันถูกผ่อนออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าทางปลอดโปร่ง

ฉันรีบเดินเร็วๆ ไปที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะวางรองเท้าผ้าใบที่ถือมาลงที่พื้นและสวมใส่มัน เมื่อผูกเชือกเสร็จเรียบร้อยฉันก็เปิดประตูเดินออกจากบ้าน แล้วตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่ จากนั้นก็ค่อยๆ เข็นรถออกมาจอดนอกรั้ว ขาเล็กตวัดขึ้นคร่อมเบาะ ก่อนจะเสียบกุญแจและสตาร์ทรถบึ่งออกไปทันทีอย่างไม่รอช้า

ใช้เวลาไม่นานฉันก็ขับมาถึงที่หมาย หลังจากจอดรถเรียบร้อยก็เดินไปนั่งที่คณะของตัวเอง บรรยากาศรอบๆ นั้นเงียบสงัด เนื่องจากว่ายังเช้าอยู่ แต่พอนั่งไปนานๆ ท้องของฉันมันก็ส่งเสียงร้องอย่างประท้วง และฉันคงไม่ใจร้ายถึงขนาดปล่อยให้พยาธิตัวเองต้องอดตาย คิดได้ดังนั้นจึงผุดลุกขึ้นยืนพลางใช้สายตาสอดส่องมองหาทางที่จะไปยังโรงอาหาร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel