บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

“โอเคค่ะ” ฉันไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ขอแค่ให้มีที่ซุกหัวนอนก็พอ

คนเราเมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก จะเรื่องมากเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะจริงไหม?

“ปะ งั้นพากันเดินตามขึ้นมาเลย เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง” ร่างสูงของชายวัยกลางคนเดินนำหน้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ดูแก่อะไรมาก รูปร่างก็ยังสมส่วนเหมือนคนที่หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ หนำซ้ำใบหน้าของเขายังมีเคล้าความหล่อหลงเหลืออยู่

แต่...อย่าคิดเชียวนะว่าฉันพิศวาสพ่อเลี้ยงตัวเองน่ะ เพราะฉันไม่มีรสนิยมชอบใช้ผู้ชายร่วมกันกับแม่

“บ้านคุณเอื้อดูสะอาดสะอ้านและน่าอยู่มากเลยนะคะ” สายตาของแม่กวาดมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจ ก่อนที่สายตานั้นจะไปหยุดอยู่ที่คู่สนทนา สีหน้าของแม่ฉันเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและหลงใหลผู้ชายใหม่ของตัวเองเป็นอย่างมาก

“ยิ่งญาดากับลูกสาวมาอยู่ด้วย ผมว่าบ้านหลังนี้ยิ่งดูน่าอยู่มากขึ้นนะครับ” เขาพูดพลางยิ้มกริ่ม

‘ญาดา’ คือชื่อแม่ของฉันเอง ตอนนี้พอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมแม่ถึงลงเอยกับผู้ชายคนนี้ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ที่แท้คารมของเขามันดีอย่างนี้นี่เอง แม้ท่าทางจะดูสุภาพแต่ถ้าหากคอยสังเกตแววตาเขาดีๆ ฉันว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้แม่คงไม่สังเกตหรอกเชื่อสิ

“ปากหวานจังเลยนะคะ” แม่ของฉันยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ พร้อมด้วยท่าทางที่เขินอาย

“ไหนห้องหนูเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มนอกเรื่องไปไกล

“อ้อ ห้องนี้ๆ” ลุงเอื้อรีบเดินนำไปยังห้องๆ หนึ่งที่อยู่ริมสุดอย่างเป็นส่วนตัว บานประตูห้องถูกผลักเข้าไป และนั่นก็ทำให้ฉันเห็นว่าภายในห้องนั้นมีสภาพเป็นยังไงบ้าง

คือมันก็ปกติดี ไม่มีอะไรแปลกประหลาด เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างมีอยู่ครบครัน ทว่าก็ดูโล่งเหมือนกับข้าวของบางส่วนถูกย้ายออกไปพร้อมกับเจ้าของห้องคนเก่า ยังดีหน่อยที่มันดูสะอาด แถมเตียงนอนยังถูกจัดเอาไว้อย่างพร้อมใช้งาน ราวกับว่าเขาเพิ่งจะจ้างคนมาทำความสะอาดเมื่อไม่นานมานี้

“ลุงเพิ่งจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดและจัดห้องให้เมื่อวานนี้เอง หนูชอบหรือเปล่าลลิส อยู่ได้ใช่มั้ย ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกลุงได้นะ” คนที่ยืนอยู่กลางห้องหันมาถามฉัน ราวกับล่วงรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว

“อยู่ได้ค่ะ แค่นี้ก็โอเคแล้วค่ะ” ฉันเลือกที่จะตอบแค่สองคำถามสุดท้ายเท่านั้น เพราะคงพูดว่าชอบได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากว่าบ้านและห้องนี้ไม่ใช่ของๆ ฉันสักหน่อย

“ลูกจัดของเลยนะ แม่กับลุงเอื้อขอตัวก่อน” จบประโยคนั้นทั้งสองคนก็พากันเดินออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูไว้ให้

เท้าของฉันขยับเดินสำรวจรอบๆ ห้อง มือบางก็จับนั่นจับนี่ขึ้นมาดู

กึก...

ฉันเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักตรงโต๊ะข้างเตียงให้มันเลื่อนออกมา ทว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นกลับทำให้ฉันขมวดคิ้วมุ่น

“ถุงยาง...” ฉันจะไม่ตระหนกเลยถ้าหากมันไม่เยอะขนาดนี้ คือ...ต้องรู้สึกดีใจเหรอที่เห็นว่ามีกล่องถุงยางมากมายหลายกลิ่นกองรวมกันอยู่ในนั้นน่ะ และบางกล่องก็ยังไม่ถูกเปิดใช้เลยด้วย นี่ถ้าไม่บอกว่าคือห้องนอนฉันคงคิดว่าเป็นซ่อง

ปึก!

“ลูกลุงนี่ท่าทางจะหมกมุ่นน่าดู” ฉันกระแทกลิ้นชักให้ปิดลงตามเดิม และล้มเลิกความคิดที่จะสำรวจห้อง เพราะกลัวว่าตัวเองจะเจออะไรมากไปกว่านี้

ฉันเดินไปลากกระเป๋าของตัวเองมาตั้งไว้ตรงกลางห้อง ก่อนจะเริ่มลงมือเก็บของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย ฉันเดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียง โดยไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น

ติ้ง!

ทันทีที่เปิดเข้าเฟซบุ๊กก็มีเมสเซสเด้งขึ้นมาทันที

เพื่อนเทล: เป็นยังไงบ้างบ้านใหม่

ลาลาลิส: มาวันแรกก็เจอถุงยางเลย

เพื่อนเทล: !!!! เกิดอะไรขึ้น!!

หลังจากที่ฉันพิมพ์ตอบกลับไปอย่างนั้นเทลก็ส่งเครื่องหมายตกใจมาให้ฉันรัวๆ

ลาลาลิส: แฟนใหม่แม่ให้ฉันมาอยู่ที่ห้องลูกชายเขา สงสัยจะลืมขนกล่องถุงยางตัวเองออกไปด้วย ฉันก็เลยเปิดเจอในลิ้นชักตู้ข้างเตียงน่ะ

เพื่อนเทล: อ๋อ ถ้างั้นเก็บไว้ เผื่อเธอจะได้ใช้

ลาลาลิส: จะบ้าหรือไง

ฉันพิมพ์ว่าเทลกลับไปอย่างไม่จริงจังนัก ซึ่งเทลก็ส่งสติ๊กเกอร์ตุ๊กตาหมีแลบลิ้นปลิ้นตามาให้

เพื่อนเทล: แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะออกไปข้างนอกแล้ว

ลาลาลิส: โอเค ไว้คุยกันใหม่

หลังจากที่เทลส่งสติ๊กเกอร์บ๊ายบายตอบกลับมาฉันก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างกายด้วยสีหน้าหงอยๆ เพราะฉันกับเทลแยกย้ายกันไปเรียนคนละมหา’ลัย ก็เลยรู้สึกใจหายนิดๆ ที่ต้องแยกย้ายกับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตัวเอง แต่ก็อย่างว่า ทางเดินชีวิตใครก็ชีวิตมัน เราคงเดินไปด้วยกันไม่ได้ตลอด ถึงจะเรียนคนละที่แต่ยังไงก็นัดเจอกันได้อยู่ดี

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

“ลลิส จัดของเสร็จหรือยัง ลงมากินข้าวได้แล้ว” เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรียกของแม่ฉัน

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวหนูตามลงไป” ฉันตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งและก้าวลงจากเตียง

เมื่อเดินลงบันไดมายังชั้นล่างฉันก็เห็นว่าแม่และลุงเอื้อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขายังคงส่งยิ้มมาให้จนกระทั่งฉันเดินไปนั่งลงข้างๆ ขนาบข้างเขาเหมือนแม่

คือถ้าเลือกได้ฉันคงไม่นั่งที่ตรงนี้หรอก แต่เป็นเพราะจานข้าวของฉันถูกจัดเตรียมเอาไว้ตรงนี้แล้ว

“ลลิสเรียนมหา’ลัยแล้วใช่มั้ย” ระหว่างที่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่นั้นเขาก็โพล่งถามขึ้นมา

“ค่ะ หนูเรียนอยู่ปีหนึ่ง” และฉันเองก็ตอบกลับตามมารยาท

“แล้วเรียนอยู่มหา’ลัยไหนล่ะ”

“มหา’ลัย...” ฉันตอบเขากลับไป และหลังจากที่พูดชื่อมหา’ลัยออกไปนั้นเขาก็เบิกตากว้างทันที

“ลูกชายลุงก็เรียนอยู่ที่นั่นนะ ปีสามแล้ว บังเอิญจริงๆ”

ไอ้ถุงยางน่ะเหรอ?...ใช่ บังเอิญมาก แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้จักสักหน่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel