บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ข้าไม่ได้เกิดมาคนเดียว

ท่ามกลางสายตาของเจ้าหนอนอ้วน ร่างกายของเด็กน้อยกำลังเกิดรัศมีเปลวไฟจางๆ กลางหว่างคิ้วปรากฏสัญลักษณ์เปลวไฟสีทอง ทำให้มันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ร่างเล็กอวบอ้วนกระโดดไปมา ปากก็พร่ำไม่หยุด “เป็นไปไม่ได้ๆ” จนกระทั่งตัวมันร่วงจากขอนไม้ ถึงได้สติกลับมา

มังกรอัคคีที่มีอายุอยู่มาเกินเรียกขานว่าตำนาน ต้องโชคร้ายได้ขนาดไหน ถึงได้มาตกเป็นข้ารับใช้ของเด็กน้อยไร้พลัง ที่แม้แต่ธรรมชาติยังทอดทิ้งเช่นนี้ ดวงตากลมโตของมันกลอกไปกลอกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

เยว่ลู่หาได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของมัน เพราะเวลานี้ภายในร่างของนาง กำลังมีบางอย่างตื่นขึ้น เมื่อเกิดอันตรายถึงชีวิต ดวงจิตที่ถูกผนึกไว้ก็ทำลายผนึกตามสัญชาตญาณเพื่อปกป้องตัวเอง

ยามนี้กลางหน้าอกของเยว่ลู่ คล้ายมีพระอาทิตย์ดวงเล็กถือกำเนิด

“เจ้าเป็นใคร” ภายในมิติแห่งดวงจิต เยว่ลู่เอ่ยถามร่างเล็กที่มีรูปร่างเหมือนนางทุกกระเบียดนิ้วด้วยความสงสัย จะต่างกันก็เพียงแต่ร่างตรงหน้ามีเปลวไฟล้อมรอบ

เด็กอีกคนไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับพุ่งเข้ามาหาเยว่ลู่อย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน วิสัยทัศน์ในห้วงแห่งจิตก็เปลี่ยนไป

ย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ในกระท่อมหลังหนึ่ง สตรีท้องแก่กำลังเบ่งสุดแรงเกิด จนกระทั่งกลางหว่างขาของนางมองเห็นศีรษะกลมๆ ของทารก พอออกแรงเบ่งอีกครั้ง ร่างทั้งร่างของทารกก็หลุดออกมาเข้ามือหญิงชรา

แม่เฒ่ายิ้มกว้างด้วยความปลื้มปิติ รีบจัดการกับสายรกที่ติดมา หลังจากผูกสายสะดือเรียบร้อย หญิงชรายังไม่ทันได้ขยับไปไหน อยู่ ๆ สตรีนางนั้นก็มีลมเบ่งอีกครั้ง

ภาพที่เยว่ลู่เห็น คือยังมีอีกสามทารกที่คลอดตามกันมา พร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกของแม่เฒ่า คำพูดที่หญิงชราเอ่ยออกมา ด้งสะท้อนไปทั่ว

“หายนะแล้ว!!!”

หลังจากนั้น ภาพในห้วงดวงจิตของเยว่ลู่ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ชายสี่คนต่างอุ้มทารกน้อยไว้คนละคน แล้วพากันแยกย้ายออกจากหมู่บ้านในหุบเขาท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำ เสียงร้องจ้าของทารกไม่มีผลกับพวกเขา หนึ่งในนั้นมุ่งหน้าขึ้นเหนือ

จากนั้น ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ท่ามกลางพายุหิมะ ภายในโพรงต้นไม้ใหญ่ ชายผู้นั้นถอดหมวกสานออก เมื่อวางมันลงบนพื้น ก็เกิดเป็นกองไฟ ทำให้มองเห็นรูปร่างของเขาชัดเจนขึ้น

ท่าทางว่าคนผู้นี้จะบาดเจ็บมิใช่น้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดรุ่งริ่ง ตามเนื้อตัวมีแต่รอยแผลเหวอะหวะ มีเพียงห่อผ้าเล็กเท่านั้น ที่ยังอยู่ในสภาพดี

“นายหญิงน้อย ข้าคงปกป้องท่านไม่ได้แล้ว ตั่งฟาผู้นี้ขอพลีชีพเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าท่านจะมีชีวิตรอดปลอดภัย”

ห่อผ้าถูกเปิดออกด้วยมืออันสั่นเทา เผยให้เห็นร่างของทารกน้อยที่กำลังหลับใหล ชายที่ชื่อตั่งฟาวางฝ่ามือทาบลงบนหน้าอกเล็กอย่างเบามือ พลังชีวิตค่อยๆ หลั่งไหลออกจากร่างสูงใหญ่ไปตามฝ่ามือเข้าสู่ร่างของทารก

และภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

บนพื้นหิมะขาวโพลน เวลานี้ย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด สัตว์ร้ายมากมายกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อยื้อแย่งอาหารที่อยู่ในโพรงต้นไม้

เสียงร้องของทารกกับกลิ่นซากศพที่อยู่ภายใน เย้ายวนจนทำให้พวกมันบ้าคลั่ง ศึกแย่งชิงอาหารเป็นไปอย่างดุเดือด จนท้ายที่สุด ก็เหลือเพียงตัวเดียว เสือขาวตัวใหญ่ท่าทางดุร้าย ร่างกายใหญ่โตเต็มไปด้วยเลือด ย่างเท้าอันสะบักสะบอมของมันเข้าไปหาโพรงต้นไม้อย่างช้าๆ พร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปาก

แต่ความหวังของมันก็ต้องจบลง เมื่อมีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเจาะเข้าไปกลางหน้าผาก ร่างใหญ่โตล้มลงทันที แม้แต่ก่อนจะตายมันเองยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าผู้ที่สังหารมัน

ร่างสูงในชุดคลุมกันหนาวสีดำ เก็บคันธนูเข้าไปในแหวนมิติ สาวเท้าผ่านร่างสัตว์ร้ายที่นอนตายเกลื่อนกลาด ตรงไปยังโพรงต้นไม้

หมวกคลุมถูกดันออกจากศีรษะ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มวัยสิบแปด ดวงตาคมเข้มมองผ่านศพของชายอีกคนไปยังห่อผ้า ก่อนจะอุ้มเจ้าก้อนกลมนั้นขึ้นมาแนบอก พาเดินจากไป

วิสัยทัศน์ในห้วงดวงจิตของเยว่ลู่ค่อย ๆ กลับมาเป็นมิติว่างเปล่าดังเดิม นางไม่เพียงมองเห็นเรื่องราวในอดีต แต่พลังธาตุในร่างที่ถูกผนึกมาสิบปียังตื่นขึ้น ที่แท้ชายที่ชื่อตั่งฟาผู้นั้นใช้พลังชีวิตของตนเองผนึกดวงจิตของนางเอาไว้ ทำให้นางกลายเป็นมนุษย์ไร้ค่า คำถามที่หาคำตอบไม่ได้มากมายผุดขึ้นในหัว ทว่าที่เยว่ลู่รู้แน่ก็คือ นางมีพี่น้อง

ที่แท้ ข้าไม่ได้เกิดมาคนเดียว

เปลือกตาสองชั้นค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เยว่ลู่มองเห็น คือเงาร่างสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือลอยอยู่เบื้องหน้า ดวงตากลมโตสองคู่มองสบกัน

“จะ..เจ้า เจ้าทำอะไรกับดวงจิตของข้า” หนอนอ้วนถามเสียงสั่นเครือ เพราะมันกำลังอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ แต่ติดตรงที่สัตว์อสูรธาตุอัคคีไม่มีน้ำตา

“ข้าไม่ได้ทำอะไร เจ้าเป็นคนมอบมันให้ข้าเอง ลืมแล้วหรือ” คำตอบของนางทำให้เจ้าตัวเล็กแทบจะร่วงลงพื้น ดวงตากลมโตที่ใหญ่เกินตัวของมันเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

เยว่ลู่เห็นท่าทางของมัน ก็ได้แต่ยิ้ม ตอนนี้นางไม่มีเวลามาสนใจความเศร้าโศกของเจ้าหนอนจอมตะกละ สิ่งที่นางต้องทำคือหาทางเอาตัวรอด

คงไม่เป็นการดีเท่าไหร่ ที่จะให้ใครรู้ว่านางมีพลังธาตุในตอนนี้ การได้พลังธาตุกลับคืนมาตอนอายุสิบปีนับเป็นเรื่องประหลาด หากใครรู้เข้า คำถามมากมายคงตามมา และจากภาพที่เห็น เหมือนว่านางและพี่น้องจะไม่ปลอดภัย ถึงได้ถูกจับแยกกัน

เรื่องการให้กำเนิดทารกแฝด เยว่ลู่เคยได้เห็นผ่านตามาบ้าง ตอนที่นางกับบิดาไปขอพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสตรีคลอดทารกออกมาพร้อมกันสองคนพอดี และจากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็สั่งให้สังหารทั้งครอบครัวอย่างโหดเหี้ยม

เยว่ลู่เคยถามสาเหตุกับบิดาครั้งหนึ่ง ท่านพ่อบอกกับนางว่า มันเป็นเพราะคำทำนายของเทพธิดาพยากรณ์ในหอสูงเทียมชั้นเมฆ ว่าผู้ใดให้กำเนิดทารกแฝด จะนำหายนะมาสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ ตอนนั้นนางไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แต่พอมาตอนนี้ เยว่ลู่สนใจเรื่องคำทำนายชั่วร้ายนั่นมากเลยทีเดียว 

“เจ้ามัวเหม่ออะไรอยู่ ข้าถามไม่ได้ยินหรือ!?” เสียงตะคอกดังขึ้นข้างหู ทำให้เยว่ลู่ดึงความคิดของตัวเองกลับมา

เด็กน้อยเหล่มองหนอนอ้วนสีแดงบนบ่า ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นางไม่ได้ตอบคำถามของมัน แต่บอกมันกลับไป “เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน ข้าต้องกลับไปที่กระโจมก่อน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ”

"แล้วข้าเล่า?!" หนอนน้อยถาม

"เจ้าเป็นข้ารับใช้ ย่อมต้องไปกับข้า" เอ่ยจบ เยว่ลู่ก็คว้าตัวมันมาใส่ไว้ที่ถุงข้างเอว เดิมทีเจ้าหนอนตัวดีจะโวยวาย แต่พอได้กลิ่นผลึกธาตุอัคคี มันก็เงียบทันที

มีเพียงเสียงกร้วมกล้ามดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ

ค่ำคืนนี้ ในขณะที่ทาสในกระโจมหลับใหลกันอย่างสบายใจ เยว่ลู่กลับมิอาจหลับตาลง เด็กสาวยกนิ้วลูบกลางหว่างคิ้วอย่างครุ่นคิด สัญลักษณ์เปลวไฟหายไปแล้วก็จริง แต่นางยังสัมผัสได้ถึงพลังของมันอยู่จางๆ ถึงนางจะมีพลังธาตุ แต่หากไม่ได้ฝึกฝนใช้มัน นางก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา จากนี้คงมีอีกหลายอย่างที่นางต้องทำ คิดไปคิดมา เยว่ลู่ก็เลือกที่จะโยนทุกเรื่องออกจากหัว หลับตาพักผ่อนเอาแรง

วันถัดมา พวกทาสก็ถูกเรียกไปรวมตัวกันแต่เช้าตรู่ ทุกคนได้รับอาหารเช้าเป็นข้าวต้มชั้นดี ซึ่งสร้างความดีใจให้เหล่าทาสเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับชื่นชมองค์ชายสิบสี่ไม่ขาดปาก มีเพียงเยว่ลู่เท่านั้นที่รู้ว่าอาหารมื้อนี้ คือมื้อสุดท้าย พอได้ยินคำชื่นชมเหล่านั้น นางได้แต่เบ้ปาก สาปแช่งองค์ชายสิบสี่ในใจ

หลังจากกินเสร็จ ทาสพันคนถูกพาเข้าไปยังทะเลสาบน้ำแข็ง เยว่ลู่มองหาทางหนีทีไล่ไปตลอดทางที่เดิน แต่กลับไม่มีโอกาส ทหารที่พามา อยู่ๆ ก็พากันล่าถอยออกไป ทีแรกเยว่ลู่คิดจะถือโอกาสนี้หลบหนี แต่พอก้าวออกไป ก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น แย่แล้ว! ค่ายกลกักขัง เสวี่ยตงฟ่าน เจ้าคนสารเลวเอ๊ย! เยว่ลู่คิดในใจอย่างขุ่นเคือง กวาดตามองไปรอบๆ พยายามคิดหาทางเอาตัวรอด แต่นางยังไม่ทันได้คิดออก ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปก็เกิดสั่นสะเทือน

หิมะที่ห่อหุ้มยอดเขาทลายลงมาด้านล่าง พวกทาสพยายามวิ่งหนีออกจากทะเลสาบ ทว่าออกไปไม่ได้

“นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงออกไปไม่ได้!”

“แย่แล้ว ช่วยด้วย!”

เสียงกรีดร้องโวยวาย และเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังระงมไปทั่ว

ในถุงข้างเอวของเยว่ลู่ หนอนอ้วนที่พึ่งจะหลับไปได้ไม่นาน ดีดตัวขึ้นกะทันหัน รีบโผล่หัวออกมาแอบดู จากนั้นมันก็กรีดร้องโวยวายแข่งกับผู้คน “แย่แล้วๆ ตายแน่ๆ ต้องหนีแล้ว ไปๆ เจ้าจะมัวมายืนทำอันใดอยู่เล่า!” เจ้าตัวเล็กไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น ยังกระโจนออกจากถุงข้างเอวของเด็กหญิง กางปีกบินหนี แต่หางของมันกลับถูกจับเอาไว้

“อ๊า ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!” หนอนอ้วนดิ้นไปมา ปากก็โวยวายไม่หยุด ด้วยความรำคาญ เยว่ลู่จึงดีดหัวมันไปหนึ่งที เพื่อเรียกสติ “โอ๊ย! ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!” มันหันกลับมาถลึงตาใส่นาง แต่พอเห็นเด็กน้อยหรี่ตาลง มันก็หน้าม่อยคอตก เพราะมันพึ่งนึกได้ว่ามันทำพันธสัญญากับเด็กตรงหน้าไปแล้ว

“หนี? เฮอะ! เจ้าคิดว่าข้าไม่คิดหรือ แต่รอบๆ นี่เป็นค่ายกลกักขัง จะหนีไปได้อย่างไร เวลานี้ มีเพียงทางเดียวคือหาทางเอาตัวรอดในนี้ให้ได้ และเจ้าต้องช่วยข้า!” ในขณะที่เยว่ลู่บอกกับหนอนอ้วนอยู่นั้น หิมะบนเขาก็แตกกระจาย พื้นทะเลสาบเริ่มสั่นสะเทือน จนนางเกือบจะล้ม ฝ่ามือคว้ากริชข้างเอวตามสัญชาตญาณ

“ข้าจะไปช่วยอะไรเจ้าได้เล่า! เจ้าก็เห็นสภาพข้าแล้วนี่ เจ้ารู้ไหม ว่าไอ้ตัวที่อยู่ในนั้นมันเป็นอะไร มันคือเผ่าพันธุ์เดียวกับข้าเชียวนะ ข้าว่าพวกเราหาทางฝ่าค่ายกลออกไปยังจะง่ายกว่าไหม!”

หนอนอ้วนหวาดกลัวจนลนลาน บินไปบินมาไม่หยุด ผิดกับเยว่ลู่ที่ดูจะสงบมากกว่า แต่ไม่มีเวลาให้ทั้งสองได้เตรียมตัว เปลวไฟก็พุ่งออกมาจากเทือกเขา จนทำให้หิมะกลายเป็นสายน้ำหลาก พื้นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าเริ่มเกิดรอยร้าว คลื่นยักษ์ซัดเหล่าทาสที่กำลังวิ่งหนีไปกระแทกกับกำแพงที่มองไม่เห็น ก่อนที่สายน้ำจะกระจายไปตามช่องเขา ทิ้งไว้เพียงสภาพทุลักทุเลของมนุษย์นับพันคน เยว่ลู่ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

เด็กน้อยค่อยๆ พยุงร่างที่เปียกโชกลุกขึ้นนั่ง สำลักเล็กน้อย มองหาหนอนอ้วนไปรอบๆ ไม่รู้ว่ามันถูกพัดไปที่ใด

ไม่นานสิ่งที่น่ากลัวกว่าคลื่นยักษ์ก็ปรากฏตัวออกมา เงาร่างสีแดงเพลิงขนาดมหึมาค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากเทือกเขาช้าๆ ดวงตาของมันจับจ้องมายังมนุษย์เบื้องล่าง แค่มันปรากฏเพียงครึ่งตัว ความร้อนพลันแผ่กระจายไปทั่ว จนพื้นทะเลสาบเกิดรอยร้าวมากขึ้น

เยว่ลู่หาได้ตื่นตระหนกเหมือนทาสคนอื่น กริชเล่มเล็กถูกดึงออกจากฝัก นางถือมันไว้ลักษณะคว่ำลง จากนั้นก็ฉีกเสื้อคลุมออกมาพันมือเอาไว้ สายตากวาดมองเหล่าทาส ความหวาดกลัว ทำให้ทุกคนมาอยู่รวมกันตามสัญชาตญาณ แต่ในความคิดของเยว่ลู่ หากเป็นแบบนี้ คงได้ตายกันหมดในคราเดียว

“องค์ชาย ช่วยพวกเราด้วย!”

“ช่วยด้วย!” เมื่อไร้ซึ่งความหวัง แต่ละคนก็ได้แต่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พอได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงตัวต้นเหตุ เยว่ลู่ก็นึกเดือดดาลขึ้นมาทันที “ยังจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาอีกหรือ! ดูไม่ออกหรือไร ว่าองค์ชายสิบสี่ผู้นั้นตั้งใจนำพวกเรามาเป็นเหยื่อล่อมังกรตั้งแต่แรกแล้ว!”

“ไม่จริง จะ..เจ้า!”

“เฮอะ! เอาไว้ค่อยไปเชื่อตอนอยู่ในท้องเจ้านั่นก็แล้วกัน”

จบคำของเยว่ลู่ กรงเล็บขนาดใหญ่พลันจู่โจมทาสจำนวนหนึ่งจากทางด้านซ้าย จากนั้นก็จับโยนเข้าไปในปาก เคี้ยวเสียงดังกร้วมกล้าม สร้างความสยดสยองให้ทาสที่เหลือเป็นอย่างมาก เยว่ลู่เองก็หวาดกลัวไม่น้อยเช่นกัน แต่มากกว่าความหวาดกลัว คือการอยากมีชีวิต เด็กน้อยกระชับกริชในมือ ทำตามที่บิดาเคยบอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel