#บทที่ 2กรรม
กลุ่มคนร้ายขบวนการค้ามนุษย์จำนวนคนทั้งหมดเมื่อพรรคพวกที่เหลือตามมาสมทบกันหมดแล้วมีจำนวนมากถึง 20 กว่าคน สองคนยืนเฝ้าหน้าประตูห้องที่ขังสินค้ามนุษย์ของพวกมันเอาไว้ ปล่อยลูกน้องให้เฝ้าเวรยามประตูบ้านด้านนอกอีกสองคนที่เหลือเดินตามออกไปสมทบกันกับคนอื่นที่จับกลุ่มเล่นไพ่ป๊อกเด้งฆ่าเวลารอที่นัดหมายแลกตัวประกันทายาทนักธุรกิจที่เพิงกระต๊อบด้านหน้าสวนปากทางเข้าหาตัวบ้าน
หมู่บ้านม้งแห่งนี้มีจำนวนคนอาศัยอยู่ไม่ถึง 50 ครัวเรือนปลูกห่างๆกันบ้านที่เป็นญาติกันถึงจะปลูกบ้านชิดกัน บางหลังก็ปลูกบ้านอยู่หัวไร่ของตนอย่างเช่นบ้านหลังนี้ที่พวกมันจ่ายเงินค่าเช่าก้อนหนึ่งที่ถือว่ามากสำหรับชาวม้งที่ทำไร่อยู่บนเขาบนดอยแบบนี้ ครอบครัวม้งเจ้าของบ้านย้ายไปขออาศัยกับญาติชั่วคราว
พวกเขาไม่ได้ใส่ใจว่าคนกลุ่มใหญ่พวกนี้มาเช่าบ้านของพวกตนทำไม จะเอาไว้พักของเถื่อนสินค้าผิดกฎหมายหรือลักลอบค้าอาวุธข้ามแดน แค่พวกเขามีรายได้จากการให้เช่าบ้านก็พอแล้วเรื่องอื่นคนในหมู่บ้านม้งไม่สนใจแม้แต่น้อย
ชายผู้เป็นลูกพี่ใหญ่เอ่ยถามลูกน้องที่ยืนถือปืนเอ็มสิบหกเฝ้าทางเข้าเป็นภาษาจีนเมื่อเดินไปถึงเพิงพักหน้าสวนว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ลูกน้องตอบกลับว่าไม่มี มันจึงเดินไปสมทบกลุ่มลูกน้องที่กำลังล้อมวงดูและเล่นไพ่กันด้านในเพิงกระต๊อบมีไฟโคมแขวนให้แสงสว่างกลางกระท่อม ชายฉกรรจ์กว่า 20 ชีวิตกำลังล้อมวงลุ้นไพ่ในมือ อีกวงกำลังเขย่าไฮโลนับแต้มกันสีหน้าลุ้นระทึก อาวุธปืนทั้งสั้นยาวถูกวางไว้ข้างตัวของแต่ละคน
จู่ๆไอ้ตัวลูกพี่ก็ชะงักมันหันหน้าไปทางเข้าสวนที่ลูกน้อง 2-3 คนยืนถือปืนเฝ้ายาม "พวกมีงเงียบก่อน!"
"มีอะไรลูกพี่" ลูกน้องที่กำลังเขย่าถ้วยไฮโลถามขึ้น ตัวหัวหน้าไม่ตอบแต่เดินออกไปตรงจุดหน้าปากทางเพ่งมองลงไปในความมืดสลัว เห็นแสงไฟวอมแวมจากชายหลังคาบ้านชาวม้งจากเนินเขาลาดต่ำลงไป
"กูได้ยินเสียงหมาเห่าเสียงมันมาจากทางเนินเขาด้านล่างทางเข้าหมู่บ้าน"
"ตอนนี้เริ่มมืดแล้วหมามันเห็นเงาวูบวาบมันก็เห่าไว้ก่อน"
"แต่เสียงเห่ามันเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆเหมือนหมาเดินตามเห่าคน เฮ้ย! ไอ้เล้งมึงโทรไปถามเจ้าสัวย้งสิว่ามันมาถึงไหนแล้ว" หันไปร้องบอกลูกน้องมือขวาให้โทรไปหานักธุรกิจพ่อของทารกฝาแฝด
ครู่หนึ่งลูกน้องก็ส่งเสียงรายงาน "ลูกพี่ ไอ้เจ้าสัวย้งบบอกว่ารถมันเพิ่งถึงตัวแม่อายราวๆหนึ่งชั่วโมงน่าจะถึงหมู่บ้านม้ง"
"คนในหมู่บ้านม้งก็เงียบผิดปกติกว่าทุกวัน กูยังไม่ได้ยินเสียงรถเครื่องวิ่งในบ้านเลย"
"ไม่มีอะไรหรอกพี่ส่างปอ หมู่บ้านชาวม้งก็แบบนี้บางวันก็ร้องรำเหมือนมีงานรื่นเริง บางวันกลับจากไร่นามาเหนื่อยๆก็เข้านอนบ้านใครบ้านมัน มาๆมานั่งเป็นเจ้าไฮโลกินเงินไอ้พวกนี้ดีกว่า รออีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็จะมีคนเอาเงินร้อยล้านมากองให้ลูกพี่แล้ว" หนึ่งในลูกน้องเดินมาดึงหัวหน้าแก๊งกลับไปนั่งพักที่เพิงชายฉกรรจ์คนอื่นๆส่งเสียงขานเรียกลูกพี่ใหญ่ของแก๊งกันเป็นทอดๆ
"เออ พวกมึงก็อย่าสนุกกันให้มากนักยิ่งใกล้เวลานัดหมายยิ่งตะ..."
"ทุกคนวางอาวุธ! ยอมมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!"
"ตำรวจ!"
เสียงตำรวจผ่านเครื่องขยายเสียงดังก้องความมืด กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อนหน้ายังนั่งบ้างยืนบ้างคว้าอาวุธปืนลุกพรวดวิ่งแตกออกจากเพิงกระต๊อบไปคนละทิศ ชายฉกรรจ์ที่ยืนเฝ้าปากทางเข้าสวนไม่ทันจะได้ยกปืนยิงต่อสู้ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามในชุดสีดำรัดกุมปกปิดหน้าตาเข้าชาร์ตตัวกดลงกับพื้นจับแขนไพล่หลังใส่กุญแจมือ
หัวหน้าชุดปฏิบัติการส่งสัญญาณมือให้เจ้าหน้าที่เดินหน้ากระชับพื้นที่พยายามเข้าปิดล้อมบ้านเป้าหมายภารกิจด้านใน ภารกิจบุกทลายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติครั้งนี้เป็นการสนธิกำลังจากสามฝ่าย มีความช่วยเหลือจากกองร้อยทหารพรานในพื้นที่และหน่วยปราบปรามจากเชียงรายที่ติดตามแก๊งค้ามนุษย์เครือข่ายลูกน้องของส่างปอที่เพิ่งตามมาสมทบกัน
ซึ่งพวกเขาก็ได้วางสายสืบแฝงตัวเข้าในกลุ่มแก๊งค้ามนุษย์กลุ่มนี้เพื่อคอยส่งข่าวรอเวลารวบจับเช่นกัน รวมกำลังพลเจ้าหน้าที่เข้าปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติครั้งนี้มีจำนวนมากกว่า 50 นาย
เจ้าสัวย้งและการ์ดส่วนตัวติดตามด้านหลังเจ้าหน้าที่แบบทิ้งระยะ ตามคำสั่งของหัวหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กฝาแฝดทายาทของเขาและเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์อีกหลายสิบชีวิต
"ไม่ต้องห่วงครับลูกฝาแฝดของเจ้าสัวยังปลอดภัยดี สายลับของเราที่แฝงตัวเข้าไปในแก๊งค้ามนุษย์คอยดูแลเด็กๆอย่างใกล้ชิด เราจะต้องช่วยเด็กๆและเหยื่อทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกคนแน่นอน วางใจได้ครับ" การปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับการจับตาจากหลายฝ่ายสารวัตรกองปราบหัวหน้าปฏิบัติการอย่างเขาเครียดจนเหงื่อตก
นี่ก็เพิ่งได้รับการติดต่อจากสารวัตรสืบสวนรุ่นน้องจากกรุงเทพ ได้ยินข่าวหากำลังตามหาคนหายมาหลายเดือนแล้วจนได้รับการยืนยันจากผู้ใหญ่ว่า คนที่สารวัตรรุ่นน้องตามหาก็คือสายสืบที่กำลังรับภารกิจแฝงตัวเข้าไปในแก๊งค้ามนุษย์ในตอนนี้
'ร้อยตำรวจโทหญิงคำนึงนิจ' หรือ 'ผู้หมวดนิด' ตำรวจหญิงสุดแกร่งผู้สอบผ่านหน่วยรบพิเศษของหน่วยเขานั่นเอง คนยังติดอยู่ด้านในพร้อมเหยื่ออีกหลายสิบชีวิตอยากจะเจอคนก็คงต้องรอให้เสร็จภารกิจนี้ก่อนล่ะนะ
เสียงปืนยิงปะทะกันดังสนั่นราวกับอยู่ในสงคราม กลุ่มคนร้ายยังไม่ยอมจำนนยิงปืนสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ค่อยๆ โอบล้อมเข้ามา ส่างปอและลูกน้องอีกสิบกว่าคนค่อยๆ ถอยร่นเข้ามาใกล้ถึงตัวบ้านปูนชั้นเดียวที่ใช้เป็นที่กักขังเหยื่อที่จับตัวมาได้
"เฮ้ย! เรายังมีตัวประกันชั้นดีกลับเข้าไปในบ้านไปเอาเด็กฝาแฝดลูกของเจ้าสัวย้งมา ถ้าพวกตำรวจไม่ยอมปล่อยพวกเราก็ฆ่าเด็กทารกนั่นทีละคน"
ส่างปอคิดได้รีบตะโกนบอกลูกน้องถอยร่นกลับไปบ้านที่ใช้ขังสินค้าไว้
คำนึงนิจที่ได้ยินเสียงปืนยิงปะทะกันดังไม่ไกลตัวบ้านก็บอกเด็กโตที่นั่งอยู่ใกล้เธอ "เด็กๆ ได้ยินไหมตำรวจกำลังมาช่วยพวกเราทุกคนแล้ว"
ผู้หญิงและเด็กหญิงเด็กชายเหยื่อที่ถูกจับมาขังได้ยินเสียงปืนดังใกล้เข้าก็ตื่นกลัวกระวนกระวาย คำนึงนิจลุกขึ้นจับเด็กฝาแฝดใส่เป้อุ้มเด็กมัดสายกระชับแน่นแล้วยกเป้ขึ้นสะพายเด็กฝาแฝดไขว้กันไว้บนอกของตัวเอง จะสะพายไว้ด้านหลังก็กลัวเด็กๆจะกลัว สะพายไว้กับอกเด็กๆ จะได้มองเห็นหน้าเธอ
เด็กฝาแฝดราวกับถูกใจที่ถูกมัดไว้กับอกของพี่สาวคนสวยส่งเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจพลางแข่งกันซุกใบหน้าถูไถเข้ากับอกของคำนึงนิจ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายเป็นแม่เด็กฝาแฝดไปแล้วไม่รู้ว่าถ้ากลับบ้านเจอหน้าแม่แท้ๆของตัวเองเด็กๆ ยังจะจำได้อยู่หรือเปล่านะ
เธอคิดพลางส่ายหัวหันไปส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงก่อนจะเดินไปที่ประตูยกมือเคาะหลายที เจ้าสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกกระชากประตูเปิดออก
"เฮ้ย อย่าวุ่นวายอยู่ข้างในเงียบๆ" พวกมันได้รับคำสั่งให้เฝ้าหน้าประตูห้องเอาไว้นอกตัวบ้านยังมีพรรคพวกเฝ้าอยู่อีกสองคน
ยังไม่ได้คำสั่งใหม่จากลูกพี่จึงยังไม่กล้าตัดสินใจแม้จะได้ยินเสียงปืนยิงปะทะกันจากปากทางเข้าสวน มันเห็นคำนึงนิจเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยซ้ำยังมีรูปร่างผอมบางท่าทางไร้เรี่ยวแรง ตั้งแต่ถูกจับตัวมาก็ไม่เคยพยายามหลบหนีจึงไม่คิดว่าต้องระวังตัวกับผู้หญิงที่ดูไม่มีแรงจะเชือดคอไก่คนนี้
คำนึงนิจเผยยิ้มหวานออกมาชายฉกรรจ์สองคนมองผู้หญิงตรงหน้าแววตางุนงง 'หรือจะถูกจับมาหลายวันกลัวจนเป็นบ้าไปแล้ว' ไม่ทันมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
"อ่อก! ค่อกๆๆ" พวกมันก็ล้มลงขาดใจตาย
คำนึงนิจนวดสันมือทั้งข้างหลังจากใช้ฟันเข้าที่ลูกกระเดือกของพวกมัน ก้มลงหยิบเอาปืนพกขึ้นมากระชับเข้ามือ พวกเด็กและผู้หญิงเบิกตามองเธอฆ่าคนอย่างตกตะลึง คำนึงนิจไม่ได้สนใจหันไปส่งสัญญาณให้พวกผู้หญิงและเด็กในห้องให้ตามออกมา
ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทหมดแล้วโถงด้านนอกของตัวบ้านมีแสงสลัว เธอเดินตรงไปค้นหาทางที่น่าจะออกไปได้ด้านข้างตัวบ้านเปิดประตูไม้กั้นออกไปเป็นครัวฟืนของครอบครัวชาวม้ง มีพวกมันเฝ้าประตูหน้าบ้านไว้แต่ไม่มีใครระวังด้านนี้เธอหันไปเรียกให้คนอื่นที่รออย่างกล้าๆ กลัวๆ หน้าประตูห้องเสียงเบา
"ค่อยๆ เดินตามกันมาเงียบๆ"
จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นด้วยสุ้มเสียงอันดังจากในกลุ่มเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์ "พี่สาว! เดี๋ยวตำรวจก็มาช่วยพวกเราแล้ว พวกเรารอความช่วยเหลืออยู่ที่นี่ดีกว่านะคะ"
คำนึงนิจรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้อยู่บ้างเหมือนเธอจะเคยได้ยินมาก่อน แต่เธอมองไม่เห็นว่าเป็นใครในบ้านมีแสงสว่างน้อยและมีผู้หญิงสิบกว่าคน ไม่มีเวลาคิดเธอมาสะดุดใจว่าทำไมเหมือนผู้หญิงคนนี้ตั้งใจพูดเสียงดังกว่าปกติ
"พวกเรากลัวไม่กล้าหนีออกไปหรอก ฉันว่าพวกเรานั่งรอให้คนมาช่วยดีกว่า"
"ทำไมเธอต้องพูดเสียงดังกลัวพวกมันไม่ได้ยินหรือไง ถ้าเธอไม่กล้าไปก็นั่งรออยู่นี่ ใครอยากจะไปกับฉันก็ตามมา" คำนึงนิจไม่อยากสนใจคนอื่นแล้วภารกิจของเธอคือช่วยเด็กฝาแฝดให้ออกไปอย่างปลอดภัย
ส่วนเหยื่อคนอื่นๆ เดี๋ยวก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือเธอคนเดียวไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ที่สามารถช่วยเหลือทุกคนพร้อมกันได้
"พี่สาวพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน พี่สาวเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ? เป็นตำรวจก็มีหน้าที่ดูแลปกป้องความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทุกคนสิ" คำนึงนิจที่เดินออกไปถึงด้านข้างครัวแล้วถึงกับหยุดฝีเท้าหันหลังกลับมาปรี่เข้าไปในกลุ่มผู้หญิงที่กำลังตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
เธอเดินเข้าไปถึงผู้หญิงที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังสุดบีบคางให้เงยหน้าขึ้น
"เป็นเธอเองเหรอ ฟ้า ที่กรุงเทพไม่มีผู้ชายเหลือแล้วเหรอถึงมาหากินไกลถึงชายแดนพม่านี่”