#บทที่ 1 ในห้วง
ความเจ็บปวดจากการถูกคนรักหักหลังความรักความไว้ใจมันแสนจะทรมาน ไม่พอยังต้องทนเห็นหน้าคนรักที่กลายเป็นอดีตทำงานในหน่วยเดียวกันทุกวัน ส่วนมือที่สามสร้างความร้าวฉานนั้นยิ่งกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกันกับเธอ
คำนึงนิจไม่อยากจะฟังเหตุผลคำแก้ตัวใดๆภาพกิจกรรมเข้าจังหวะทั้งภาพทั้งเสียงชัดขนาดนั้นเธอเชื่อสายตาตัวเองจะอ้างว่าไม่มีสติมันก็แค่คำแก้ตัว แค่คิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นทีไรเธอก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปขย้อนเอาของเก่าออกมาทุกที
คำนึงนิจไม่อยากลาพักร้อนกลับบ้านให้คนในครอบครัวพลอยรับรู้ปัญหาของตัวเอง แต่ถ้าจะให้เธอต้องอดทนทำงานอยู่ในหน่วยงานเดิมต่อไป
สักวันเธอคงได้กระทืบคนเธอไม่อยากกลายเป็นคนใช้อารมณ์ใช้กำลังในการตัดสินปัญหา อดีตคนรักของเธอเพิ่งเลื่อนตำแหน่งคงไม่ได้ย้ายไปไหนอีกนาน
ถ้างั้น... เธอจะเป็นคนย้ายเอง ร้อยตำรวจโทคำนึงนิจจึงยื่นขอย้ายงานกับหัวหน้าของเธอ จากแผนกข้อมูลสืบสวนนครบาลเธอสมัครเข้าหน่วยรบพิเศษและขอให้หัวหน้าช่วยปิดบังข้อมูลว่าเธอย้ายไปที่ไหน จากนั้นคำนึงนิจก็หายตัวไปจากกองสืบสวนนครบาลไม่ได้รับรู้หรือสนใจว่ามีคนร้อนใจพยายามสืบหาเธอแทบคลั่ง
6 เดือนต่อมา...
คำนึงนิจในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตามอมแมมขดตัวอยู่ตรงมุมห้องมืดๆ ตรงหน้าเธอมีเด็กทารกฝาแฝดนอนอยู่บนเบาะส่งเสียงคุยอ้อแอ้คล้ายสื่อสารกับเธอยกแขนขาโบกไปมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว คำนึงนิจก้มหน้าลงไปจนชิดเบาะกระซิบเบาๆ
"ชู่ว… เด็กดีอดทนกันอีกนิดนะคะ อีกแป๊บเดียวก็ได้กลับบุ้านแล้ว"
เธอมองไปรอบห้องโถงขนาดใหญ่มีเด็กเล็กอายุไม่เกินสิบขวบ 10 คน ผู้หญิงสาวอีก 5 คนทุกคนอยู่ในสภาพอ่อนแรงและตื่นกลัว พวกเธอถูกจับมาห้าวันแล้วพวกมันไม่ได้ทำร้ายคนก็นี่คือสินค้าราคาแพง ทุกส่วนในร่างกายขายได้หมดยังดีในห้องที่พวกเธอถูกขังมีห้องน้ำในตัวคล้ายถูกตระเตรียมเอาไว้แล้ว
ครั้งแรกที่เธอรับภารกิจหลังจากฝึกจบหลักสูตรหน่วยรบพิเศษแฝงตัวเป็นเหยื่อถึงในรังคนร้าย หน่วยปราบปรามได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากนักธุรกิจใหญ่ของภาคเหนือ ลูกฝาแฝดอายุเพียง 5 เดือนหายตัวไปจากบ้านพร้อมพี่เลี้ยงและมีจดหมายมาส่งที่บ้านแสดงตัวว่าเป็นการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ 100 ล้านบาท
พี่เลี้ยงเด็กคือคนที่พวกมันส่งเข้ามาตั้งแต่แรกหน่วยเฉพาะกิจของเธอได้รับมอบหมายออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน คำนึงนิจปลอมตัวเป็นสาวนักเที่ยวผับแห่งหนึ่งในพื้นที่ที่มีการรับแจ้งว่ามีคนหายบ่อยๆ แสร้งทำเป็นเมามายไม่ได้สติเป้าหมายตกหลุมพรางเธอถูกพาตัวขึ้นรถตู้ทึบทันที
บนรถเธอได้พบเพื่อนร่วมเดินทางอีกหลายคน พวกแก๊งค้ามนุษย์พาพวกเธอมาพักไว้ที่บ้านหลังหนึ่งและเธอได้พบเด็กทารกเป้าหมายภารกิจของตัวเองที่จุดพักแห่งนี้ ตอนแรกเธอคิดจะส่งสัญญาณบอกตำแหน่งให้หน่วยของเธอบุกเข้าจับกุมเลย
แต่เธอดันได้ยินว่าพวกมันกำลังจะย้ายไปจุดพักใหม่บริเวณด่านพรมแดนแม่อายเพื่อรอพรรคพวกขนสินค้าจากอีกจังหวัดมาสมทบ รอได้เงินค่าไถ่จากเด็กฝาแฝดทายาทนักธุรกิจแล้วค่อยเดินทางข้ามพรมแดนไปประเทศโลกที่สาม
คิดไม่ถึงรับภารกิจแฝงตัวครั้งแรกก็เจอกับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติเข้า
ตำรวจสาวทำเป็นอาสาดูแลเด็กทารกฝาแฝดที่ร้องงอแงไม่หยุดตั้งแต่ถูกลักพาตัวมายังไม่ยอมดื่มนมที่กลุ่มคนร้ายหามาให้ น่าจะเพราะถูกนำมาในที่ไม่คุ้นเคยผ่านมาหลายวันก็ยังไม่เห็นหน้าของพ่อแม่มีแต่คนแปลกหน้า
ส่วนพี่เลี้ยงก็มีสีหน้าอารมณ์ผิดจากปกติทำให้เด็กทารกหวาดกลัวไม่ยอมให้อุ้ม แต่พอคำนึงนิจอาสาเข้ามาอุ้มเด็กทารกพอเห็นหน้าของเธอกลับเงียบเสียงลงจนเธอเองก็ยังแปลกใจ กลุ่มคนร้ายจึงยอมให้เธออุ้มเด็กทารกมาคอยป้อนนมดูแลจนกว่าจะได้รับเงินค่าไถ่จากนักธุรกิจผู้เป็นพ่อของทารกฝาแฝด
คำนึงนิจรอคอยเวลาจนกระทั่งมาถึงวันนี้เธอได้ยินพวกมันโทรศัพท์คุยกันตั้งแต่เช้ามืดว่าพรรคพวกอีกกลุ่มจะตามมาสมทบในวันนี้ และยังเป็นวันที่พวกมันนัดหมายให้นักธุรกิจพ่อของทารกฝาแฝดนำเงินมาแลกเปลี่ยนกับชีวิตทายาทของตน พวกมันนัดหมายเวลาแลกเปลี่ยนคนตอน 21:00 น.
คำนึงนิจดูนาฬิกาข้อมือของเธอตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้วนาฬิกาข้อมือที่ดูเรียบง่ายไม่มีราคาของเธอพวกมันจึงไม่ได้ยึดไปเหมือนโทรศัพท์มือถือ มันจึงกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารและเครื่องส่งสัญญาณบอกพิกัดตำแหน่งของเธอให้หน่วยรู้
นาฬิการาคาถูกนี้คือเครื่องมือสุดไฮเทคที่ศูนย์วิจัยอาวุธยุทโธปกรณ์กรมตำรวจคิดค้นขึ้นสามารถส่งรหัสมอร์ส ส่งพิกัดรวมถึงค้นหาเป้าหมาย ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอคุณภาพคมชัด
ได้ยินเสียงรถยนต์หลายคันขับเข้ามาจอดหน้าบ้านปูนชั้นเดียวที่พวกเธอถูกขังอยู่ เสียงทักทายเอะอะโวยวายของชายวัยฉกรรจ์หลายสิบคนดังขึ้นพวกมันพูดหลายภาษาทั้งภาษาจีน ภาษาพม่า สลับกับภาษาม้งคาดว่าในกลุ่มพวกมันคงมีคนที่พูดภาษาท้องถิ่นในแต่ละประเทศรายทางได้พอผ่านเข้าไปในประเทศไหนก็ให้คนพูดภาษาถิ่นได้ออกหน้าเป็นล่ามสื่อสารจ่ายค่าผ่านทาง
สักพักมีเสียงฝีเท้าหลายสิบคู่ตรงมาที่ห้องขังพวกเธอ เด็กโตและหญิงสาวที่ถูกขังในห้องต่างขยับตัวด้วยความหวาดกลัวต่างถอยมารวมกันตรงมุม ประตูห้องถูกเปิดออกเสียงดัง
"เอ้า ขังรวมกันไว้ที่นี่นั่นแหละ อีกเดี๋ยวหลังจากพวกเราได้เงินค่าไถ่ของเด็กฝาแฝดทายาทนี่เราก็จะเดินทางข้ามพรมแดนกันเลย"
"เอาตามที่ลูกพี่ว่า จุ๊ๆ สมกับเป็นพี่ใหญ่จริงๆ สินค้างวดนี้มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นขายได้ราคาดีแน่ๆ" ชายร่างผอมผิวเหลืองพูดขึ้นก่อนหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่คุมตัวเด็กสาวเด็กชายหลายคนให้เดินเข้าไปในห้อง ยังมีหญิงสาวกลุ่มใหญ่ถูกนำเข้ามาขังรวมกันไว้ในห้องอีก
ยังดีที่ห้องมีขนาดกว้างไม่งั้นอาจมีคนขาดอากาศใจตายจากการถูกขังรวมคนจำนวนมากในห้องเดียว กลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาใหม่ยื่นมือไม้หยาบกระด้างไปลูบไล้ตามเนื้อตัวกลุ่มผู้หญิงที่ถูกนำตัวเข้ามาใหม่แบบหยาบคาย เสียงร้องไห้ระงมของเหยื่อที่พยายามดิ้นรนหลบหลีกท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของพวกมัน จนตัวหัวหน้ากลุ่มคนร้ายกลุ่มแรกส่งเสียงขัดขึ้น
"เฮ้ย พวกมึงหยุดได้แล้วเดี๋ยวสินค้าของกูเสียราคาหมด ออกไปเตรียมรับเงินร้อยล้านข้างนอกโน่น"
"แหม นิดๆ หน่อยๆ ครับลูกพี่พอกระชุ่มกระชวย สินค้ารอบนี้มีแต่หน้าตาน่ากินทั้งนั้นแม้กระทั่งเด็กผู้ชายแบบนี้คงถูกใจของลูกค้าพวกเศรษฐีวิปริตที่ชอบเด็กพวกนั้นแน่ ฮึๆ" พูดแล้วมันก็แสยะยิ้มน่ารังเกียจออกมาเมื่อคิดถึงวิธีการละเล่นของชนชั้นร่ำรวยลูกค้ากระเป๋าหนักในประเทศปลายทาง
ลูกพี่ใหญ่พูดขึ้นพวกมันก็ยอมรามือพยักหน้าให้ลูกน้องคนอื่นๆเดินออกไปนอกห้อง ปิดประตูตามหลังพูดกำชับลูกน้องหน้าห้องให้ยืนเฝ้าดีๆ
พอพวกมันออกไปกันหมดแล้วตำรวจสาวจึงรามือจากการตบหลังกล่อมเด็กฝาแฝดที่ผวาตกใจกับเสียงร้องเมื่อครู่ คำนึงนิจหันไปมองกลุ่มคนมาใหม่ ตอนพวกมันกำลังเย้าแหย่เหยื่อเมื่อครู่เธอรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลาแต่พอมองไปก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต
หมู่บ้านม้งที่แก๊งค้ามนุษย์กลุ่มนี้ใช้เป็นที่พักขบวนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อาศัยเครื่องปั่นไฟเอาเธอได้ยินเสียงเครื่องปั่นไฟทำงานเสียงดังหึ่ง ในห้องมีเพียงไฟโคมสีส้มแขวนให้แสงสว่างอยู่กลางห้องดวงเดียว
โคมไฟห้อยติดบนเพดานแกว่งไปมาเกิดเป็นเงาวูบไหว รอบตัวเธอมีเหยื่อที่ถูกจับมาพร้อมกันเขยิบมานั่งชิดกันกว่าเดิมเพราะมีคนมาเพิ่มขึ้น ถัดออกไปคนที่มาใหม่ต่างหลบอยู่เงียบๆตามมุมห้องมองเห็นเป็นเงาตะคุ่มไร้เสียงพูดคุย คำนึงนิจมองไม่ชัดทุกคนต่างก้มหน้าครุ่นคิดถึงชีวิตของตนเองหลังจากนี้
มีเสียงร่ำไห้ของเด็กเล็กดังขึ้นเป็นระยะเด็กบางคนอายุแค่ 6-7 ขวบเท่านั้นตื่นเช้ามาเคยมีพ่อแม่เตรียมอาหารให้ดื่มกินต้องถูกคนร้ายจับตัวมาจะหวาดกลัวก็ไม่แปลก
คำนึงนิจเบี่ยงตัวหันหน้าเข้าผนังยกข้อมือที่สวมนาฬิกาขึ้นมา เดนทรชนแก๊งค้ามนุษย์เดินทางมาสมทบกันหมดแล้วจัดการกดส่งสัญญาณให้หน่วยจู่โจมที่ดักซุ่มรอข้างนอก
'ได้เวลารวบแหจับปลาแล้ว’