4.ท่านเป็นสุนัขหรอกหรือ
เขาคือใครกันแน่ คำถามนั้นผุดขึ้นในหัวของลั่วฟางเซียน และมันมีแต่สิ่งว่างเปล่า ผู้ที่นางสวมรอยมาไม่ได้กล่าวถึงชายผู้นี้มาก่อน
“ซินเอ๋อร์...จำพี่ไท่ ของเจ้าไม่ได้เลยรึ”
ลั่วฟางเซียนปั้นสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วเอ่ยถามเขา
“เจ้า...เอ่อ ท่านดูไม่เหมือนเดิม”
“หึๆ ๆ เป็นเพราะคนสกุลถาน ทำให้พี่เป็นเช่นนี้ ดังนั้น
‘ฉิงไท่’ คนดีของซินเอ๋อร์จึงมีสารรูปต่ำช้า ไม่น่ามอง”
ลั่วฟางเซียนได้ยินชื่ออีกฝ่าย นางจึงแสร้งยกมือปิดปากของตน ฉิงไท่ผู้นี้ คงเป็นชายที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน คือบัญฑิตผู้สอบจอหงวนได้ ทว่าเขาทำในสิ่งที่ผิดใจต่อองค์ชายสาม จนครอบครัวถูกเนรเทศ ส่วนตัวเขาไม่มีใครพบเห็นอีก แม้แต่ชื่อยังถูกลบทิ้ง
“พี่นึกไม่ถึงว่า จะได้พบซินเอ๋อร์ที่นี่ และพี่จะรักษาเจ้าเอาไว้ ไม่ทำให้เสียใจอีก”
เขาว่าแล้วจึงจับข้อมือนาง พร้อมดึงอย่างแรงราวกับต้องการพานางไปจากเรือนวิวาห์
“เมื่อครู่ เพียงแค่เห็นใบหน้าข้า ก็เกือบควักตาของตน ทิ้ง เหตุใดตอนนี้ถึงกล้าจับมือถือแขน เช่นนี้หัวของท่านไม่สมควรหลุดจากบ่าหรือ”
“โถ ซินเอ๋อร์ พี่เป็นคนขี้ขลาด สติปัญญาเหมือนเลือนหายไปหลายส่วน ยามนี้พี่จดจำเจ้าได้แล้ว ให้พี่ดูแลและปกป้องเจ้าเถิดยอดดวงใจ”
คำพูดเขาหวานเลี่ยน ชวนให้ขบขัน แต่ไม่รู้เหตุใดเมื่อลั่วฟางเซียนมองดวงตาคมกริบคู่นั้น นางถึงหวั่นไหว และยอมคล้อยตาม ซึ่งหากพิศให้ดี นางเห็นว่าฉิงไท่ผู้นี้ มีเค้าของบุรุษที่สง่างามและชาติตระกูลดีมิน้อย ถึงยามนี้เขาจะหลังค่อมมีก้อนเนื้อประหลาดแปะอยู่ อีกทั้งขาข้างหนึ่งดูคล้ายคนพิการ ทว่าเขายังเป็นบุรุษที่ทำให้นางรู้สึกเร่าร้อนในร่มผ้า
พอเขากระตุกแขนของลั่วฟางเซียนอีกครั้ง นางก็เหมือนถูกดึงเข้าสู่เรื่องราวที่ครั้งหนึ่ง เหยียนเข่อซิน เคยพร่ำเพ้อถึงชายคนนี้
“เราจะได้ดื่มเหล้ามงคลร่วมกัน ให้ร่างกายผสานเป็นหนึ่งเดียว ดั่งคำหวานที่เจ้าเคยบอกพี่”
ลั่วฟางเซียนเผลอยิ้มกับคำพูดฉิงไท่ ยามนั้นดวงตากลมโตหวานฉ่ำ และก้าวตามที่ชายเดินนำทาง
“เจ้าใส่ชุดแดงงามล้ำกว่าใคร พี่คือเจ้าบ่าวของซินเอ๋อร์”
เขาว่าจบจึงผลักร่างของนางเข้าไปหลังกำแพงต้นไม้ และมันสามารถหมุนได้ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีลั่วฟางเซียนมาอยู่ในพื้นที่เรือนไม้อีกหลึ่ง เป็นหนึ่งในสิบสองหลังของคฤหาสน์สัตตบงกช ที่มีไว้สำหรับหญิงงาม!
“มันคือที่ใด พี่ไท่”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ หากจับมือเรียวสวยของนาง จากนั้นก็ดูดนิ้วชี้ของลั่วฟางเซียน ดูดเลียราวกับเป็นของโปรดของเขา
“เรือนดรรชนีรัญจวน...ซินเอ๋อร์ มา เรามาดื่มเหล้ามงคลร่วมกันเถิด”
ลั่วฟางเซียน พยายามเหลือเกินที่จะดึงสติตนกลับ แต่นางกลายเป็นคนสมองช้า ร่างกายเคลื่อนไหวแปลกๆ ราวกับไม่ยอมเชื่อฟังผู้เป็นเจ้าของ แต่กลีบงามในร่มผ้านางชื้นแฉะ อีกทั้งคล้ายมีสิ่งกระตุ้นอยู่ตลอด
ร่างอรชรนอนราบอยู่บนแท่นหิน กลางสวนไม้ประดับ ข้อเท้าเปลือยเปล่าของนางถูกจับยก
“อ๊ะ...อี้....พี่ไท่”
นางร้องประท้วง พร้อมกำมือแน่น เพื่อเลี้ยงหลบเรียวลิ้นสากร้อนของเขาที่ยามนี้แสดงความกระหายอยากดูดเลียทั้งนิ้ว และมือของนาง
“พี่ไท่ ย่อมโอนโยนต่อเจ้าสาวที่งดงามราวกับดวงตะวันในยามหนาบเหน็บ”
เขาเอ่ยจบก็ค่อยๆ เคลื่อนร่างโถมทับนาง ความสูงใหญ่ของบุรุษย่อมมีอำนาจเหนือสตรี ถึงลั่วฟางเซียนเตรียมการรับมือมาดี แต่ยามนี้นางกลับอับจนปัญญาเมื่อหัวใจสาวถูกมารยาบุรุษล่อลวง!
เรียวลิ้นร้อนแลบเลียอย่างหื่นกระหาย จากนั้นจึงเริ่มไล้ลิ้นสากกับผิวกายเนียนนุ่ม
ใบหน้าเขาซุกเข้าหาน่องเรียว ก่อนลากสูงไปเรื่อยๆ เพื่อ สร้างความสยิวซ่านใจต่อท่อนขาปลือยเปล่าของลั่วฟางเซียน
“อ๊ะ...พี่ไท่ ท่านเป็นสุนัขหรอกหรือ!”
“ฮึๆ ๆ สุนัขใดจะตัวโต และชอบเย้าหยอกสตรีให้สำราญเช่นข้า”
ยามนั้นลั่วฟางเซียนครางเสียวหวานกว่าเดิม พร้อมกับขนลุกซู่ เมื่อหางตานางเห็นว่าด้านหลังของฉิงไท่ มีดวงตาสีแดงก่ำปรากฏหลายคู่ และมีเสียงคำราม เสียงดังกล่าวทำให้นางเกร็งไปทั่งร่าง
“พี่น้องของข้า มังคงชมชอบซินเอ๋อร์มิน้อย ดูพวกมันสิ จ้องเจ้าราวกับเห็นเป็นเนื้อสดๆ ชั้นดี!”